ตอนที่ 2
“ยิหวาผมจะเป็นคนดูแลเอง”
หญิงสาวขึงตาใส่เจ้าของประโยคเมื่อสักครู่ที่ฟังแล้วเหมือนจะหล่อมากจนตาแทบถลนออกจากเบ้าทันทีเมื่อเขากล่าวจบ เขาเป็นบ้าอะไรถึงได้พูดออกมาโดยที่ไม่ถามความสมัครใจของเธอก่อนเลยว่าอยากให้ดูแลไหมคือโตจนป่านนี้แล้วเธอสามารถดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี โดยไม่จำเป็นที่เขาจะต้องยื่นมือเข้ามาวุ่นวายเลย เธอไม่ใช่เด็กในปกครองของเขาสักหน่อย
“พี่ๆช่วยยิหวาด้วยนะคะ ยิหวาไม่อยากไปกับท่านประธาน ยิหวามากับพวกพี่นะคะ เพราะฉะนั้นยิหวาก็ต้องอยู่กับพี่ๆสิคะ” หญิงสาวเอ่ยขอความช่วยเหลือจากทุกคนที่ยืนทำหน้าตาเหรอหรา ระคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกพอๆกันอย่างร้อนรน อีตาประธานบ้านี่ ก็ไม่ยอมปล่อย
“ใจเย็นๆก่อนนะจ๊ะยิหวา ใจเย็นๆจ้ะ” ผู้จัดการสาวใหญ่พูดปลอบเด็กสาวในปกครองเสียงนุ่ม พลางส่งรอยยิ้มเจือจางให้อย่างเห็นอกเห็นใจถ้าเป็นคนอื่นคงจะเต็มใจไปหากท่านเอ่ยปากด้วยตัวเองแบบนี้ แต่เด็กคนนี้ไม่
“พี่สมรขา ช่วยยิหวาด้วยนะคะ ยิหวาไม่อยากไปจริงๆนะคะ” ส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากผู้จัดการสาวใหญ่เต็มที่ ความหวังเดียวของเธอในตอนนี้ก็คือพี่สมรคนดีคนนี้นี่แหละ เพราะด้วยตำแหน่งหน้าที่การงานและอายุที่มีมากกว่าทุกคน เหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ พี่สมรก็เป็นคนเดียวที่จะพอฟัดพอเหวี่ยงกับอีตาประธานนี่ที่สุดแล้ว
กันตพัฒน์หน้านิ่ง หน้าตึงยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นว่ายิหวาออดอ้อน ร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเสียงอ่อนเสียงหวาน ถึงจะเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็เถอะ เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี โธ่เว้ย! ที่ยิหวาต้องอ้อนสมควรเป็นเขาไม่ใช่คนอื่นหรือใครก็ได้ เขาต้องมีความสำคัญที่สุดสิ เล่นมองข้ามหัว ไปอย่างนี้ได้ยังไง ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหที่ไม่ถูกจัดอันดับให้อยู่ในสายตา อยากจะเขย่าไหล่คนดื้อให้หายหงุดหงิดแต่ก็ทำไม่ลง เพราะไม่ปรารถนาที่จะให้เจ็บแม้สักนิด
“เอ่อท่านประธานคะ คือดิฉันว่าท่านประธานอย่าบังคับยิหวา แกเลยนะคะ มันไม่เหมาะสมเป็นอย่างมากที่ท่านประธานจะลากตัว เด็กฝึกงานไปไหนต่อไหนกับตัวเองในยามวิกาลเช่นนี้ อีกอย่างน้องยิหวาเองก็ไม่ได้เต็มใจที่จะไปด้วย พวกเราทุกคนช่วยกันดูแลน้องได้ค่ะ ถ้าท่านประธานเกรงว่าพวกเราจะทำให้น้องเสื่อมเสียไม่ต้องกังวลเลยค่ะ ดิฉันรับรองว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ใดๆขึ้นกับยิหวา ท่านประธานวางใจได้ค่ะ” แม้จะหวั่นใจกับการเจรจามากเพียงใดแต่เธอจะทำเป็นนิ่งเฉยไม่ได้เมื่อเรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว อีกคนก็มีผลต่อหน้าที่การงานโดยตรง อีกคนก็เด็กฝึกงานที่ต้องให้ความยุติธรรม อยากจะกุมขมับ และร้องไห้ออกมา เรื่องราวระหว่างคนทั้งสองเธอไม่รู้ด้วยหรอกว่าแท้จริงแล้วเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นอย่างไรเลยต้องจัดการตามที่เห็น ในเมื่อเด็กขอความช่วยเหลือคนที่เป็นหัวหน้าก็ต้องยื่นมือเข้าช่วยโดยที่ไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลยว่าจะสำเร็จ
“ยิหวาเป็นคนของผมครับคุณสมร ผมจึงอยากดูแลด้วยตัวเอง ดังนั้นคำว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมที่คุณอ้างผมไม่สนใจ และถึงแม้ว่าคุณจะรับปากว่าจะช่วยดูแลคนของผมเป็นอย่างดี ผมก็ไม่อาจไว้วางใจได้อยู่ดีหวังว่าคุณสมรและทุคนจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดนะครับ” เสียงเข้มพูดเรียบๆแต่ทว่าหนักแน่น เน้นย้ำความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เพียงแค่นี้ก็ทำเอาคนที่ตั้งท่าจะขัดขวางไปไม่เป็น คิดคำพูดต่อไม่ได้ ทั้งเหวอทั้งอึ้งไปตามๆกัน เพราะสิ่งที่ได้ยินมันไม่ต้องขยายความใดๆเพิ่มคนที่มีสติก็ยิหวา
“ท่านประธานพูดอะไรแบบนั้นคะ มันไม่ใช่ความจริงสักหน่อย” เสียงขุ่นกระซิบเสียงรอดไรฟันอย่างไม่พอใจมากถึงมากที่สุด อยากจะบ้าตาย เธอไปเป็นคนของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมเขาถึงมั่วได้ขนาดนี้นะ แล้วดูสายตาที่ทุกคนกำลังมองเธอกับเขาสลับกันสิ โอ๊ย! มันไม่ใช่...ไม่ใช่เลย
“น้องยิหวาเป็นคะ...คนของท่านประธานอย่างนั้นเหรอเนี่ย มันคือเรื่องจริงใช่ไหม”
“หูของเธอและของฉันคงไม่ได้ฝาดไปหรอก น้องยิหวาเป็น คนของท่านประธาน โอ้มายก็อด...โอ้มายก็อด...โอ้มายก็อด นี่ถ้าฉันไม่ได้ยินกับหูตัวเองฉันคงไม่ยอมเชื่อง่ายๆแน่นอน ฉันทำงานที่บริษัทมาก็ ตั้งหลายปี ไม่เค๊ย...ไม่เคยได้ยินข่าวว่าท่านประธานของเราสนใจสาวงามคนไหนมากเป็นพิเศษถึงขนาดประกาศว่าคนๆนั้นเป็นคนของตัวเองเหมือนอย่างยิหวาเลยนะ”
“จริง ฉันก็ว่าแล้ว ยังคิดอยู่ว่าทำไมระยะหลังๆมานี้เห็นหน้า ท่านประธานบ่อยจัง เพราะโดยปกติแล้วถ้าไม่ใช่หัวหน้าระดับสูงก็ไม่ค่อยได้เจอท่านหรอก ความจริงมาปรากฏเอาก็วันนี้เอง งานนี้อกหักเป็น ทิวแถวเลย ทั้งหญิงทั้งชาย”
หญิงสาวที่อยู่ๆก็กลายมาเป็นคนของเจ้าของประโยคชวนช็อค รีบส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆเมื่อทุกคนเริ่มจะพูดไปไกลกว่าความเป็นจริง “ไม่ใช่นะคะ ยิหวาไม่ได้เป็นอะไรกับ อ๊ะ!” มือใหญ่แกล้งกระตุกมือนุ่มให้ไขว้เขว และลอบยิ้มกับตนเอง สายตาเขียวๆที่เกิดจากความโมโหที่เขาสร้างความเข้าใจผิดๆให้กับทุกคนจ้องใบหน้าหล่อเหลาเขม็งอย่างต้องการจะเอาเรื่อง
“ผมคงทำให้พวกคุณกร่อยลงไปเยอะสินะ และถือเป็นการไถ่โทษเอาเป็นว่าค่าใช้จ่ายในคืนนี้ผมเป็นเจ้ามือให้ละกัน” ประธานหนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดีกว่าตอนแรกที่เดินเข้ามาราวคนละคน ทั้งยังมอบรอยยิ้มแบบเจือจางให้บรรดาลูกน้องที่ยืนกันตาปริบๆ พร้อมใช้มือข้างที่ว่าง ดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกางเกงยื่นให้คนข้างกายที่ทำหน้างงๆช่วย “หยิบเงินสดออกมาให้หน่อยสิยิหวา” บอกจำนวนเงินที่ต้องการให้คนสวย ที่ทำหน้าตาหงิกงอได้หยิบ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอที่จะสั่งเพิ่มได้อีกเยอะ โดยไม่ต้องควักธนบัตรของตัวเองมาจ่ายกันเพิ่ม สร้างความปลื้มปริ่ม ให้ทุกคนไม่น้อย
......
“ท่านประธาน!! คุณกันตพัฒน์!! ปล่อยดิฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ดิฉันบอกว่าไม่อยากไปไหนด้วยยังไงล่ะคะ ทำไมถึงได้บังคับและลิดรอนสิทธิเสรีภาพกันแบบนี้ ภาษามนุษย์ก็ฟังรู้เรื่องดีนี่คะ แต่ทำไมถึงได้เข้าใจอะไรยากมากมายขนาดนี้เนี่ย” เจ้าของเรือนร่างอรชรโวยวายมาตลอดทาง เมื่อถูกคนตัวโตกึ่งลากกึ่งจูงตัวออกมาจากด้านในโดยไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไงหรือเธอจะเต็มใจมากับเขาด้วยหรือไม่ พลางระดมกำปั้นทุบ แผงอกก็แล้วฟาดแรงๆก็แล้ว แต่ทว่าร่างสูงหนังหนาที่โอบรอบเอวเธอเอาไว้อย่างเหนียวแน่นก็ไม่สะทกสะท้านเมื่อผู้คนมองมาด้วยความสนใจ ซุบซิบบ้าง ก็ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไร และที่พีคมากไปกว่านั้นคือเขาหยุดเดินโดยไม่บอกไม่กล่าวแล้วโน้มตัวลงมาหอมแก้มเธอเน้นๆและรวดเร็ว “ท่านประธาน!” เสียงหวานใสตวาดลั่น ดวงตาคู่งามตวัดมองหน้า คนฉวยโอกาสที่ทำหน้าตาเคร่งเครียด เป็นเธอที่ต้องเครียดไม่ใช่เขา! พอเอามือถูตรงบริเวณที่ถูกประทับรอยได้เดี๋ยวเดียวก็ถูกดึงออกอย่าง เอาแต่ใจ
ปลายนิ้วแกร่งเกลี่ยเบาๆตรงแก้มนุ่มหอมกรุ่นที่เพิ่งจะจรดจมูกลงไปดอมดมอย่างมันเขี้ยว พอๆกับเอ็นดู และหวังให้ไอ้พวกแมลงตัวผู้บางส่วน ให้มันได้เห็นกันชัดๆว่าอะไรเป็นอะไร ผู้ชายมองผู้หญิงสวย มันไม่ใช่แปลก เพราะเมื่อก่อนเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่สำหรับคนนี้ เขาอยากจะมองแค่คนเดียว ไม่อยากแบ่งปันให้ใครได้ชื่นชม ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้ เมื่อชีวิตในแต่ละวันต้องพบเจอกับผู้คนมากหน้าหลายตา หงุดหงิด!
“ที่โวยวายเอาเป็นเอาตายอยู่นี่รู้ตัวบ้างไหมว่ามีสายตากระหายหิวของผู้ชายมองตั้งแต่ด้านในจนถึงตรงนี้” ต้องใช้สายตาข่มขู่พวกมันมาตลอดทางจนหงุดหงิดไปหมด ขนาดว่าการแต่งกายของยิหวาก็ไม่ได้ล่อแหลมอะไร แต่ด้วยหน้าตาและรูปร่างนี่แหละหลักใหญ่ อุ้มแล้ววิ่ง ไปเลยจะดีกว่าปล่อยให้เดินเองไหม
“ไม่รู้ค่ะ เพราะไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าใครจะมองหรือไม่มอง แล้วก็กรุณาอย่าเปลี่ยนเรื่องด้วย ที่ฉวยโอกาสหอมแก้มดิฉันยังไม่ได้เคลียร์กันเลยนะคะท่านประธาน” ยิหวาพูดเสียงลอดไรฟัน แหงนหน้า คอตั้งมองเจ้าของเรือนกายสูง ประจวบเหมาะกับที่เขาก็ก้มหน้าลงมามองพอดี นี่เขาจะรู้บ้างไหมว่าตัวเองอาจได้กลายเป็นฆาตกรขึ้นมา สาเหตุก็เพราะว่าอาจทำให้หัวใจของเธอวายเฉียบพลันได้ เท่าที่ผ่านมามันก็จะวายตั้งหลายรอบแล้ว “ถอยออกไปหน่อยสิคะท่านประธาน นี่มันใกล้เกินไปแล้วค่ะ” หญิงสาวใช้มือนุ่มดันแผงอกแกร่งสุดกำลัง พลางกรอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย นับตั้งแต่เจอหน้าเขาเธอพูดประโยค ถอยออกไปหน่อยสิคะ กี่ครั้งไปแล้วก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่าเยอะ! และคาดว่าจะต้องพูดต่อไปอีกเรื่อยๆแน่ เมื่อคุณท่านประธานใหญ่ หน้าตายผู้นี้พูดไม่รู้เรื่อง
ปากหยักโค้งขึ้นอย่างพอใจในคำตอบที่ได้รับ รวมทั้งพอใจอาการเขินอายที่แสดงออกมาผ่านทางสีหน้าของยิหวา พลางโน้มใบหน้าที่ ผ่อนคลายลงแล้วต่ำลงมาอีก จนกระทั่งหน้าผากสัมผัสกัน มือหนึ่งแตะข้างแก้มนุ่มที่บัดนี้สุกปลั่งเป็นมะเขือเทศ แม้แสงไฟจะค่อนข้างสลัว แต่ทว่ากลับมองเห็นได้ชัดเจน ส่วนอีกข้างแตะอยู่ที่บั้นเอวคอดกิ่ว ลูบไล้เบาๆพอให้คนพยศขนลุกเล่น
“ไม่สนใจน่ะดีแล้ว เพราะถ้าเกิดเธอสนใจใครขึ้นมา พวกมันอาจเดือดร้อนโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเอาได้ ส่วนเรื่องที่ฉันหอมแก้มเธอ ไม่ทราบว่ามีอะไรที่เราต้องเคลียร์กันอย่างนั้นเหรอยิหวา ในเมื่อเธอเองก็รู้ทั้งรู้ว่าฉันจงใจที่จะดมเธอ” เขาเน้นคำว่าดมเป็นพิเศษ ผิวแก้มเนียนนุ่มที่อยากจะฝังจมูกเอาไว้ให้เนิ่นนาน ดวงตาคู่คมเป็นประกายขบขันเมื่อเห็นว่าริมฝีปากน่าจูบอ้าค้าง ก็ว่าตัวเองไม่ได้พูดอะไรผิดไป ทำไมต้องตกใจขนาดนี้ด้วย
ดม! คำๆนี้ของเขาสำหรับเธอแล้วมันแปลความหมายได้ หลายอย่าง เขาทำเหมือนเธอเป็นอาหาร ดอกไม้ หรือสิ่งมีชีวิตชนิดใด สักอย่างที่ต้องพิสูจน์ด้วยกลิ่น กวนประสาท เขาชอบกวนประสาท เธอที่สุด เธอล่ะสุดแสนจะเกลียดรอยยิ้มที่เหมือนกับว่าตัวเขาเองอยู่เหนือกว่าเธอทุกก้าวจริงๆเลย อย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะคะท่านประธาน ฉันจะเอาให้คุณกระอักเลย
จุ๊บแก้มเนียนเบาๆอีกครั้งโดยที่สาวเจ้ามัวแต่เผลอเลยไม่ทันได้ระวังการจู่โจม มุมปากแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“นะ...นี่!” นัยน์ตาคู่งามเบิกกว้าง ค้อนขวับ ยกมือเรียวบางขึ้น กอบกุมแก้มข้างที่โดนเอาเปรียบอีกครั้ง ใบหน้าร้อนวูบวาบเหมือน โดนพิษไข้เล่นงานซ้ำสอง หัวใจจะวาย อีกข้างก็ถูกไอ้คนนิสัยไม่ดีจิ้มเล่นอย่างสนุก ปัดมือออกเขาก็หัวเราะจนไหล่สั่นกระเพื่อม มันมีอะไรที่น่าขำอย่างนั้นเหรอ
“ถ้าคิดว่าตัวเองกำลังถูกเอาเปรียบอยู่ เธอจะหอมแก้มฉันคืนบ้างก็ยินดี ไม่จำเป็นต้องที่แก้ม ตรงไหนที่อยากจะฝากรอยจูบเอาไว้สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลย” เอียงแก้มอำนวยความสะดวกให้เต็มที่แต่กลับ ถูกสาวผลักเข้าให้
“ดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงของท่านประธานที่คิดจะทำอะไรก็ได้นะคะโปรดเว้นช่องว่างอย่างที่ประพฤติปฏิบัติอย่างที่ทำกับพนักงานคนอื่น ด้วยค่ะ จากใจเลย ดิฉันไม่ชอบในสิ่งที่ท่านประธานทำเป็นอย่างมาก” ข่มกลั้นความโมโหที่มันปะทุขึ้นมาอย่างคับแค้นใจ ไม่สำนึกต่อการกระทำแล้วยังกวนประสาทเธอด้วยคำพูดน่าตบปากอีก เสียเปรียบจนไม่รู้จะเสียเปรียบยังไงแล้ว
“เธอบอกเองว่านี่มันนอกเวลางานไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นเลิกเรียกท่านประธานและเลิกใช้คำว่าดิฉันนำหน้าสักทีเถอะยิหวา ฟังแล้วเหมือนฉันกำลังนั่งอยู่ในบริษัทท่ามกลางกองเอกสารหรือนั่งอยู่ในห้องประชุมที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เคร่งเครียดยังไงก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าฉันอนุญาตให้เธอแสดงความเป็นกันเองได้อย่างเต็มที่เลย หรือถ้าอยากจะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของก็ยิ่งยินดีเข้าไปใหญ่เลย” เสียงเข้มพูดอย่างเอาแต่ใจและเอาใจเต็มที่ ทั้งที่ตนเองกำลังไม่สบอารมณ์อยู่ก็ตาม พลางก้มลงมองคนตัวเล็กฤทธิ์เยอะที่ทำใบหน้างอง้ำ พลอยทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ การได้เห็นตัวตนอีกมุมหนึ่งของอีกคนที่แสดงออกมาโดยเป็นธรรมชาติมันน่ามองและมีเสน่ห์ แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นใครคนไหนก็ได้ที่ทำให้สุขใจและชื่นชอบโดยไม่ต้องทำอะไรมากมาย ทุกอย่างมันมีข้อยกเว้น
“อยากให้คนมองว่าตัวเองเลี้ยงเด็กนักศึกษาหรือเป็น โคแก่อยากจะเคี้ยวหญ้าอ่อนรึยังไงคะ ถึงได้เข้ามาวุ่นวายกับดิฉันเกิน ความจำเป็น และเกินสถานะแบบนี้ มันไม่นุกนะคะ” ความโมโหที่สั่งสมมาพักใหญ่จนบัดนี้มันมีอยู่เต็มพิกัดทำให้เธอพูดในสิ่งที่ใจคิดออกมา โดยไม่สนใจว่าแท้ที่จริงแล้วจะเป็นอย่างที่คิดไหม ถ้ารู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าถ้ามาแล้วจะต้องมาเจออีตาท่านประธานจอมบงการนี่ จ้างให้ก็ไม่มีทางมาหรอก
คืนวันศุกร์ที่เธอควรจะมีความสุขหลังจากฝึกงานที่ไม่ต่างจากการเป็นพนักงานคนหนึ่งของบริษัทมาทั้งอาทิตย์กลับพังไม่เป็นท่า ในเพียงชั่วพริบตาเดียว เพราะโชคไม่ดีที่ดันมาเจอตัวปัญหาระดับใหญ่ ที่หลีกเลี่ยงได้ยากด้วย อันที่จริงแล้วเขาจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นลูกน้อง ก็ย่อมได้แต่เขาไม่ทำ
“ยิหวายอมให้ประธานคนนี้รับเลี้ยงไหมล่ะครับ บอกเลยว่าถ้าเป็นยิหวาพี่ยินดีที่จะเลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดีเลย อยากได้อะไรก็จะหามาให้ ยกเว้นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถครอบครองได้ อย่างเช่นดวงดาวกับดวงจันทร์ที่พี่คงไม่อาจเอื้อมคว้ามาให้เชยชมได้ หากเป็นแก้ว แหวน เงินทอง เครื่องประดับ ให้ได้เท่าที่ต้องการเลย ว่าไงสนใจไหมหืม” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูสะอาดพร้อมกอดกระชับเอวอ้อนแอ้นให้แน่นกว่าเดิม มุมปากหยักยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของคนในอ้อมแขน น่ารัก ไม่ว่ายิหวาจะทำอะไรในสายตาของเขาก็มองว่าน่าเอ็นดู นับตั้งแต่พบหน้าเพียงครั้งแรก และในวินาทีนั้นเขาก็จดจำได้ขึ้นใจ ใบหน้าคมสันผ่อนคลาย รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏเมื่อหวนคิดถึงวันนั้นเมื่อไม่นานมานี้
“เก็บความหวังดีประสงค์ร้ายของท่านประธานกลับไปเถอะค่ะ เพราะดิฉันไม่ต้องการมัน” หญิงสาวตอบเสียงสะบัดในทันที พลางหลบสายตาร้อนแรงที่มองมาด้วยหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งที่เคยถูกมองด้วยสายตาลักษณะนี้จากผู้ชายคนอื่นมาบ้างแต่ไม่เคยรู้สึกแปลกๆอย่างนี้มาก่อน เขาชักมีอิทธิพลต่อเธอมากเกินไปแล้ว ไม่ชอบเลยแบบนี้
“ตอนนี้ก็พูดได้ว่าไม่ต้องการ แต่อีกไม่นานเกินรอพี่มั่นใจว่า จะสามารถทำให้ยิหวาเปลี่ยนคำพูดจากเดิมได้ เชื่อมือพี่เถอะคนสวย พี่ไม่มีทางทำให้ตัวเองต้องผิดหวังหรอก เพราะพี่ไม่ชอบความผิดหวัง มันเจ็บปวดน่ะ” ขยิบตา มั่นใจเต็มร้อยว่าตนเองสามารถทำได้อย่างที่ ลั่นวาจาไว้แน่นอน และกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อถูกแม่เสือสาวขึงตาใส่อย่างดุๆปนหมั่นไส้
คิ้วเรียวงามขมวดเข้าหากันจนยุ่ง ดวงตากลมโตกลิ้งกลอก ปากเผยออ้าอย่างตั้งท่าจะเถียงคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงลิบลิ่ว แต่คนตัวใหญ่กว่าก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้โต้แย้ง บังคับโดยการลากเอวให้ก้าวขาไปพร้อมกันเพื่อมายังลานจอดรถยนต์ขนาดกว้างขวางอยู่ทางด้านหลังซึ่งเต็มไปด้วยรถยนต์หรูราคาแพงลิบลิ่วหลากหลายยี่ห้อที่มีทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักเรียงรายกันเต็มไปหมด พอมาถึงคันที่เป็นของเขาก็ทำการกดรีโมทเปิดประตูดันตัวเธอให้ก้าวขาแทรกตัวเข้ามานั่งอย่างเอาแต่ใจ โดยไม่มีการอธิบาย
“ท่านประธานจะพาดิฉันไปไหนคะ” เสียงหวานถามอย่างไม่ไว้วางใจ อีกทั้งสีหน้าก็ฉายแววกังวล กลัวไปสารพัด พลางขบคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้ตนเองหลุดรอดออกไปจากตรงนี้ได้ นี่ถ้าเขาไม่ยืนขวางทางเอาไว้ราวกับล่วงรู้ความคิดแล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่า เธอวิ่งหนีแน่นอน
“เดิมทีก็ว่าจะพากลับไปนอนที่บ้านด้วย แต่คิดว่าคนแถวนี้คงจะยัง ไม่อยากไป เลยจะพาไปส่งให้ถึงที่พักแทน แต่บอกเอาไว้ก่อนว่าถ้ายัง ไม่อยากเปลี่ยนที่นอนในคืนนี้ก็ห้ามปฏิเสธหรือคิดที่จะหนีเด็ดขาด” แต่ถึงจะดื้อแพ่งไม่ยอมให้ไปส่งแต่โดยดี เขาก็บังคับไปจนได้อีกนั่นแหละ เพราะขึ้นรถเขาแล้วไม่มีทางขอลงกลางทางได้ หากว่าเขาไม่ยินยอม พร้อมใจให้ลงไป และตอนนี้ในหัวสมองของแม่เสือสาวแสนพยศกำลังคิดอะไรอยู่ทำไมเขาจะดูไม่ออก
“ท่านประธานคิดจะทำอะไรคะ ถอยออกไปเลยนะคะ” เสียงหวานถามและออกคำสั่งไปในคราวเดียวกัน พลางรีบเอนกายหนีเท่าที่พื้นที่จะเอื้ออำนวย เมื่อเจ้าของรถซุปเปอร์คาร์คันหรูที่ผลักดันให้เธอเข้ามานั่งในรถของเขายืนค้ำอยู่ตรงประตูและโน้มตัวเข้ามาด้านในตรงฝั่งที่เธอนั่งอยู่ ด้วยความที่พื้นที่มันมีจำกัด จึงทำให้ขยับกายไปไหนมากไม่ได้ ตอนนี้ใบหน้าทั้งของเธอและเขาเลยห่างกันไม่มาก ลมหายใจที่ปะทะ เป่ารดอยู่ทำเอาเกร็งไปทั้งตัว สายตาก็เหมือนกับว่าถูกดึงดูดเอาไว้ ให้นิ่งงันอยู่กับที่ ไม่อาจเบี่ยงเบนไปมองอย่างอื่นที่รายล้อมอยู่ รอบกายได้ นอกจากสบตากับเขาอยู่แบบนี้ พอนานเข้าเธอก็เริ่มจะ ไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะทั้งอึดอัดและมีความประหม่าเกาะกินอยู่ ท่วมท้น
“เพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทาง คาดเข็มขัดเอาไว้ ดีที่สุด แม้ว่าพี่จะมั่นใจในฝีมือการขับรถของตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม” ยิ้มใส่นัยน์ตากลมโตที่มองเขาตาไม่กระพริบ จับสายเข็มขัดนิรภัยมา คาดยิหวาที่ยอมนั่งนิ่งหลังติดเบาะแต่โดยดี และระหว่างที่โน้มตัวลงเพื่อจะเสียบตัวล็อค ปลายจมูกก็เฉียดแก้มนวลไปมาคล้ายไม่ได้ตั้งใจ แต่ความจริงแล้วเขาตั้งใจ ความหอมที่ส่งกลิ่นมันช่างยั่วยุให้ฝังจมูกและปากลงไปฟัดให้หายมันเขี้ยว
“แค่จับเสียบลงล็อคจำเป็นจะต้องนานขนาดนี้เลยเหรอคะ ถ้าทำไม่ได้ก็ควรถอยออกไปค่ะ ดิฉันทำเองได้ ไม่ต้องลำบาก ท่านประธานหรอกค่ะ ในนี้มันคงมืดมากไปหน่อย สายตาฝ้าฟางของ ท่านประธานเลยมองอะไรไม่ค่อยถนัด” หลังจากนั่งกลั้นลมหายใจอยู่ พักใหญ่ก็อดรนทนไม่ไหวต้องพูดประชดประชันออกมาเมื่อคนที่มีสถานะเป็นเจ้านายใช้เวลาในการคาดเข็มขัดนิรภัยให้นานเกินจำเป็น และไหนจะต้องคอยหลบหลีกจมูกโด่งที่ฉวัดเฉวียนไปมาแถวแก้มอีก เขาตั้งใจที่จะทำแบบนี้ เรื่องแค่นี้ทำไมเธอจะไม่รู้ เจ้าเล่ห์ที่สุด! ความมีน้ำใจที่เหมือนจะดีแต่กลับประสงค์ที่จะหวังเอาเปรียบซึ่งๆหน้า ใครดูไม่ออกก็บ้าแล้ว
“ฮึ่ม!!” ประธานหนุ่มคำรามดังเมื่อถูกกล่าวหาว่าสายตาฝ้าฟาง เขายังไม่แก่ขนาดนั้นสักหน่อย ยังหนุ่มยังแน่น มองอะไรก็ชัด ถนัดสายตาทุกอย่าง โดยเฉพาะใบหน้าสวยๆของคนตรงหน้า “แล้วอย่าเที่ยวไปพูดว่าแค่จับเสียบลงล็อคจำเป็นจะต้องนานขนาดนี้เลยเหรอกับผู้ชายคนไหนนอกจากพี่เด็ดขาดนะยิหวา เพราะคนคิดลึกมัน คิดเป็นอื่นได้” เสียงเข้มเอ่ยเตือนด้วยท่าทางขึงขังเป็นจริงเป็นจัง ก่อนจะลมสูดหายใจยาวๆเข้าปอด และยอมเสียบให้ตรงล็อคหลังจากแกล้งทำพลาดไม่โดนเป้าหมายมาหลายต่อหลายครั้ง พลางกระซิบข้าง ใบหูสาวสวยที่นั่งนิ่งทิ้งท้ายเชิงข่มขู่ให้ขวัญผวาเล่นก่อนจะย้ายตัวเองมานั่งประจำตำแหน่งพลขับ
“กรี๊ด...” เสียงกรีดร้องดังแปดหลอดอย่างไม่สนใจว่าใคร ต่อใครในลานจอดรถจะตกใจหือแตกตื่นกับเสียงของตนเองหรือเปล่า เพราะนาทีนี้คิดอยู่อย่างเดียวว่าสิ่งที่เธอเพิ่งได้ยินจากปากของอีตาประธานนั้นน่าตกใจและน่าเจ็บใจยิ่งกว่า
‘เพราะพี่เท่านั้นที่จะเป็นคนเสียบยิหวา’
ความหมายของมันย่อมเป็นเรื่องใต้สะดือพันเปอร์เซ็นต์ เป็นอื่นไม่ได้ และไอ้ประโยคห่ามๆนี้ยังคงดังกึกก้องอยู่ในหัวสลับกับ เสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดีของคนข้างๆที่กำลังเคลื่อนรถออกจากที่จอด แก้มนวลยังคงซับสีเลือดอย่างเข้มข้น มันทั้งโกรธ โมโห และเขินอาย ผสมกันมั่วซั่วไปหมด ดีที่มีความมืดช่วยอำพราง กลบเกลื่อนไป อย่างเนียนๆ
แต่ความเงียบก็ไม่อาจปกคลุมคนทั้งคู่เอาไว้ได้นานเมื่อกันตพัฒน์เริ่มต้นบทสนทนาขึ้นมาใหม่เมื่อขับรถออกมาได้สักระยะหนึ่ง พร้อมการเหยียบคันเร่งเครื่องยนต์ให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อถนนมันโล่ง
“ว่าแต่ไม่คิดเปลี่ยนใจไปนอนค้างที่บ้านพี่จริงๆเหรอครับยิหวา บ้านพี่ขนมเยอะนะ ยิหวาน่าจะชอบ” ยังคงถามทีเล่นทีจริง แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม แต่การได้เย้าแหย่สาวน้อยคนสวยมันทำให้เขามีความสุขได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ไม่เปลี่ยนใจแน่นอนค่ะ เลิกถามคำถามนี้สักทีเถอะค่ะ” พูดเสียงดังฟังชัด เธอไม่ใช่เด็กสักหน่อยถึงได้เอาขนมมาหลอกล่อ พลางมองค้อนคนเจ้าเล่ห์ที่ชักจะพูดมากขึ้นไปทุกทีอย่างหงุดหงิด ที่ผ่านมาสงสัยจะชวนผู้หญิงไปเที่ยวบ้านตัวเองอยู่บ่อยๆ ถึงได้ชวนไม่เลิก แต่โทษทีเถอะ เธอไม่ใช่คู่ควงของเขาที่จะได้ตาลุกตาพองเมื่อถูกชวน เข้าบ้าน
“รู้ไหมว่ายิหวาเป็นผู้หญิงคนแรกเลยนะที่พี่ชวนไปบ้านน่ะ” ชายหนุ่มเหลือบสายตาจากท้องถนนมามองคนข้างกาย กับคนอื่นหากเกิดความพึงพอใจแล้วไปต่อจะจบลงที่โรงแรม ในสถานที่ที่เขาใช้อาศัยอยู่อย่างบ้านและคอนโด ไม่เคยมีใครได้รับสิทธิ์ให้ย่างกายเข้าไปยุ่มย่ามนอกจากคนสนิท
ไม่รู้ว่าจะเชื่อเขาได้มากน้อยแค่ไหน แต่ฟังแล้วมันรู้สึกดี อย่างประหลาด ถ้าสิ่งที่เขาพูดมันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องที่พูดขึ้นมาเพื่อให้เธอหลงดีใจว่าคือคนสำคัญที่ได้รับเกียรติ ถูกเชิญให้เข้าบ้านของเขา ด้วยความเต็มใจ แต่ก็มีข้อโต้แย้งอีกนั่นแหละ ไม่ได้เป็นอะไรกันจะไปบ้านเขาทำไม