บท
ตั้งค่า

ตอนที่7 ตัดสินใจอยู่เคียงข้าง

ภายในรถม้าคันเดิมมีม้าสีน้ำตาลตัวเดิมวิ่งเหยาะๆ ไปตามทาง แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือคนบังคับม้าที่มีเพิ่มมาถึงสองคน ทั้งยังหล่อเหลางามสง่าเป็นอย่างมาก

หนี่ม่านแอบชะเง้อคอมองสองชายหนุ่มอย่างหลงใหลนัยน์ตาหวานฉ่ำมาตลอดทาง นางนั่งอยู่ตรงพื้นรถม้าริมประตูฝั่งหนึ่งพยายามแง้มผ้าม่านขึ้นน้อยๆ แอบมองอยู่อย่างนั้น

ซูเจินนั้นนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งตรงข้ามกับหนี่ม่าน นางแอบมองสองบุรุษรูปงามอยู่เช่นกัน แต่ทว่านัยน์ตากลมโตชวนฝันกลับลึกล้ำเกินคาดเดาห้วงอารมณ์

ส่วนหนิงเหมยนั้นได้แต่นั่งนิ่งเงียบงันไร้วาจาอันใดมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้นางคิดว่าบ่าวชายผู้นั้นย่อมต้องเหน็ดเหนื่อยหลังจากเดินทางไกลมาทั้งวัน นางจึงใจดีให้หยุดพักรถม้า แต่ยามนี้สองบุรุษตรงตำแหน่งบังคับม้ามิใช่บ่าวชาย ทั้งยังไม่มีท่าทางเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด เช่นนั้นแล้วรถม้าจึงเดินทางได้อย่างต่อเนื่อง

ระยะทางวัดฉือหนิงยังอีกยาวไกล ถึงแม้ว่าหนิงเหมยจะไม่เคยออกจากจวนไกลถึงเพียงนี้ แต่นางก็พอจะรู้คร่าวๆ ว่าไปทิศใด ผ่านหมู่บ้านใดบ้าง เดิมทีนางเพียงวางใจบ่าวชายผู้รู้ทางให้พาไปแต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน นางจึงต้องเพียรทบทวนเส้นทาง เมื่อเห็นได้ชัดว่าเส้นทางที่รถม้าเคลื่อนผ่านยังมิได้ออกนอกแผนที่ในใจ นางจึงคลายใจให้สองชายงามเป็นสารถี อันที่จริงนางไม่ไว้ใจชายสองคนนี้เอาเสียเลย หากแต่ไม่รู้ทำไม นางจึงไว้ใจอาเจินยิ่งนัก นางรู้สึกว่าอาเจินจะสามารถคุ้มครองนางได้

หนี่ม่านที่เป็นเด็กสาวอายุน้อยที่สุดในสามสตรีเริ่มมีอาการง่วงงุนขึ้นมา นางนั่งมองชายงามอย่างเหม่อลอยก่อนจะค่อยๆ ผล็อยหลับไป

หนิงเหมยเองก็ปิดปากหาวเช่นกัน นางเริ่มง่วงเหลือเกิน

ซูเจินยังคงนั่งนิ่งครุ่นคิดบางอย่างพลางกระซิบเสียเบาไปทางหนิงเหมย “คุณหนูหลับเถิด” นางยังคงสวมบทสาวใช้

หนิงเหมยได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้าน้อยๆ แล้วค่อยๆ เอนตัวลงนอนบนตั่งอย่างเรียบร้อยสมเป็นสตรีผู้ดีในห้องหอ นางหลับตาลงช้าๆ และลมหายใจสม่ำเสมอในที่สุด

ซูเจินนั่งมองหญิงสาวงดงามอ่อนหวานที่สวยงามเหลือเกินกระทั่งท่านอน นางพิศมองหนิงเหมยนิ่งนาน นางรู้สึกถูกชะตาเสียจริง นางอยากมีพี่สาวสักคน

ตั้งแต่ซูเจินเกิดมา มารดาก็ตายจาก นางมีเพียงบิดาคนเดียวมาโดยตลอด สตรีตรงหน้านางยามนี้ก็เช่นกัน เท่าที่ฟังความ มารดาก็ตายจากเหลือเพียงบิดา

แต่หากนางมองไม่ผิด ในแววตาคู่งามนั้นกลับมีรอยร้าวลึกคล้ายเจ็บจนถึงกระดูก

เท่าที่นางเข้าใจ บิดาของหนิงเหมยคงนอกใจมารดา พาเมียใหม่มาหยามหน้าและหลงเมียใหม่จนถอนตัวไม่ขึ้น กระทั่งมารดาตรอมใจตายคงเหลือไว้เพียงธิดาที่บิดามิใคร่จะใส่ใจ หาไม่แล้วคุณหนูบอบบางเยี่ยงนี้ ไยต้องมาระหกระเหินตกระกำลำบากเดินทางเหนื่อยยากอย่างเดียวดาย ทั้งยังถูกปองร้ายหมายย่ำยี

ซูเจินนั่งมองใบหน้ายามหลับใหลของหนิงเหมยอย่างพินิจพิจารณา

หนิงเหมยจัดได้ว่าเป็นสตรีที่งดงามมากคนหนึ่ง หากแต่ใบหน้าของนางคล้ายอมทุกข์ตลอดเวลา แววตาโศกเศร้าไร้แสงเปล่งประกาย รอยยิ้มประดับใบหน้ายากนักที่จะได้เห็น

ท่าทางยามนอนหลับของหนิงเหมยคล้ายกับหวาดระแวงและกลัวเกรงตลอดเวลา สตรีในห้องหอมักเป็นเช่นนี้ ยามเมื่อออกสู่โลกกว้างและยิ่งต้องเจอเรื่องราวไม่คาดฝัน แต่ถึงกระนั้นหนิงเหมยก็ยังมีน้ำใจช่วยเหลือนาง

หลายวันที่เดินทางร่วมกันมา นางได้ยินแต่เสียงถอนหายใจจากหนิงเหมย ท่าทางของหนิงเหมยไร้ความสุขแห่งชีวิตอย่างสิ้นเชิง แต่หนิงเหมยก็ยังคอยจับประคองนางให้ดื่มยาและคอยทายาให้นาง

ถึงแม้ว่านางจะหลับใหลคล้ายสิ้นลมแต่นางหาได้ตายจาก นางรับรู้ทุกอย่าง รับรู้ทุกสัมผัสจากเรียวแขนเล็กๆ และฝ่ามือน้อยๆ นั่น

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซูเจินถึงกับหลุดยิ้มแล้วส่ายหัวน้อยๆ

ถึงแม้ว่ามันจะไม่อบอุ่นเท่าแขนกำยำและมือหนาใหญ่ของบิดา แต่ทว่านางกลับชอบ...

เรื่องของนางกับหนิงเหมยคงเป็นฟ้าลิขิตกระมัง คนหนึ่งไร้บ้านขาดมิตรครอบครัวล่มสลาย

กับอีกคนหนึ่งแม้มีบ้านแต่ก็เหมือนไม่มี แม้มีครอบครัวแต่กลับเดียวดาย ใช่ว่านางจะดูไม่ออกว่าหนิงเหมยผู้นี้กำลังถูกทิ้งขว้างจากครอบครัวของตัวเอง

ซูเจินเริ่มหรี่ตามองวงหน้าอ่อนหวานที่หลับตาพริ้มซ่อนแววตาชอกช้ำอยู่หลังเปลือกตา

แน่นอนว่าหนทางแก้แค้นของนางคงยากหนักหนา ระหว่างที่รอปัดกวาดเรื่องราวของตนเอง มิสู้อยู่เคียงข้างคุณหนูบอบบางผู้นี้ไปก่อน

การที่นางซ่อนตัวตนเอาไว้เป็นเพียงสาวใช้ก็ดีมิใช่น้อย มิรู้ได้ว่ายังมีใครตามล่านางอีกหรือไม่ การฆ่าล้างตระกูลเผาสำนักในยุทธภพเพื่อความเป็นใหญ่ หากยังหลงเหลือใครก็ตามที่เป็นบุคคลสำคัญ การควานหาตัวกันย่อมมีแน่นอน

ในเมื่อฟ้ายังมิให้นางตาย นางก็จะไม่ยอมตาย จะสิบปีหรือยี่สิบปี หากจะแก้แค้นก็ยังมิสาย หลบเร้นซ่อนกายย่อมเป็นหนทางที่ดี

หากแต่ใครบางคนที่ตำแหน่งสารถีนั่นเล่า?

ซูเจินเริ่มหันหน้าไปแล้วเอื้อมมือขึ้นแง้มผ้าม่านรถม้าเมื่อแอบมองใครบางคนอีกครา

มิรู้ได้ว่าเขาเป็นใครกันแน่! เหตุใดถึงมีหยกคล้ายกับหยกของบิดานาง หยกนั้นนางเคยเห็นบิดาห้อยเอาไว้ที่เอว แต่ต่อมาเมื่อนางเป็นเด็กอายุสักเจ็ดปี นางก็ไม่เห็นบิดาห้อยมันแล้ว

มิรู้ได้ว่าบิดาทำลายหรือทำหาย แล้วที่ห้อยเอวของคนผู้นี้ เขาทำขึ้นเองแต่ลวดลายบังเอิญคล้ายกันหรือเขาได้รับจากบิดากันแน่

อันที่จริงนางควรถามเขาตามตรง แต่หากถามออกไปตัวตนของนางย่อมถูกสงสัย นางยังไม่อาจรู้ได้ว่าเขาคือมิตรหรือศัตรู ไม่ว่านางจะพิศมองเขาอย่างไร เขาก็ไม่ธรรมดาแน่นอน วิ่งมาหยุดรถม้าที่กำลังเตลิดได้ อย่างน้อยวิชาตัวเบากับลมปราณก็ไม่ด้อยแล้ว…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel