ตอนที่2 หนิงเหมย2
ท่วงท่าและลีลารักของหลิ่งหมิงมีหรือนางจักนึกไม่ออก ริมฝีปากของเขาชอบจูบส่วนใด ฝ่ามือของเขาร้อนเร่าปานใด ท่อนขาและท่อนแขนของเขาวาดกระบวนท่าอย่างไร นางล้วนนึกภาพออกทั้งสิ้น
“ขออภัยที่ลู่เอ๋อร์มาช้าหวังว่าท่านพี่คงไม่ถือสา” เสียงอ่อนหวานเจือกระแสออดอ้อนของเจียวลู่เอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล เห็นได้ชัดว่าเสียงของนางฟังดูอ่อนแรงและแหบแห้งเพราะเหตุใด
หนิงเยว่ซินแค่นเสียงอยู่ในลำคอ นางเห็นท่าทางของเจียวลู่ช่างอ่อนต่อโลกแลไร้เดียงสามากนัก หากแต่เมื่อคืนกลับร้องครางประหนึ่งเป็นสตรีกร้านโลกกระนั้น
ยิ่งได้มองเห็นลำคอขาวผ่องของเจียวลู่ที่มีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ สีดอกกุหลาบ เป็นรอยฝากรักจากริมฝีปากของใครบางคน ในใจของหนิงเยว่ซินยิ่งคล้ายกับมีเลือดสาดอยู่ในเบ้าตา กลิ่นคาวน้ำกามาพลันคละคลุ้งในห้วงคำนึง นึกสะอิดสะเอียดเกินทน
นางไม่อาจทนได้อีกต่อไป
พอกันที!
หนิงเยว่ซินถึงกับลุกขึ้นแล้วตบโต๊ะเสียงดังก่อนจะจับยกโต๊ะอาหารทั้งหมดนั้นให้ล้มครืนไปต่อหน้าต่อตา
จานชามตกแตกเสียงดังเพล้งๆ ติดๆ กัน อาหารในจานชามสาดกระจุยกระจายเกิดความเสียหายแก่ห้องอาหาร
“เจ้าทำบ้าอันใด เยว่ซิน” เสียงของหลิ่งหมิงโกรธเกรี้ยว
“ข้าไม่ต้องการ” หนิงเยว่ซินเสียงสั่น “ข้าไม่อาจใช้สามีร่วมกับนาง ข้ารับไม่ได้” นางชี้กราดไปที่ใบหน้าซีดขาวของเจียวลู่
“ท่านพี่...” เจียวลู่ถึงกับร้องไห้ออกมา น้ำตาของนางช่างผลิตได้รวดเร็ว “สามีรับอนุแปลกที่ใด ข้าเองยอมลดตัวเองแล้ว แต่เหตุใด...” นางหยุดคำพูดเพื่อปิดปากร้องไห้อย่างน่าสงสาร
หนิงเยว่ซินกล้ำกลืนน้ำตาของตนให้ไหลกลับเข้าเบ้าตาเมื่อเจอมารยาของสตรีตรงหน้าก่อนกล่าวออกมาอย่างเหลืออด “ไสหัวออกไป!” นางไล่สตรีเจ้ามารยาตรงหน้าอย่างไม่ไยดี
“เยว่ซิน!” หลิ่งหมิงตวาดหนิงเยว่ซินเสียงดัง
“ข้าไม่ต้องการให้ท่านมีใคร ข้าต้องการให้ท่านมีข้าคนเดียว ได้ยินหรือไม่” หนิงเยว่ซินตะโกนใส่หน้าหลิ่งหมิง
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร เราคุยกันแล้วมิใช่รึ ไยเจ้าถึงใจแคบนัก เจ้าเปลี่ยนไป” หลิ่งหมิงต่อว่าหนิงเยว่ซินด้วยคำรุนแรง
หญิงสาวถึงกับเบิกตากว้าง “ใช่! ข้าบ้า” นางเสียงดังมากกว่าเดิม “เป็นข้าที่เปลี่ยนไป ใช่แล้ว เป็นข้าเองที่เปลี่ยนไป” หนิงเยว่ซินคำรามทั้งน้ำตา “ย่อมเป็นข้าที่เปลี่ยนไป ข้ามิใช่เยว่ซินผู้อ่อนหวานคนเดิม ข้าเกลียดท่าน หลิ่งหมิง ข้าเกลียดท่าน”
หนิงเยว่ซินร้องไห้โฮด่าทอตนเองกระทบสามีอย่างจงใจก่อนจะวิ่งหายไปจากเรือน
วันแล้ววันเล่าที่หนิงเยว่ซินเอาแต่ร่ำไห้อยู่ในห้องโดยไม่ยอมพบหน้าของหลิ่งหมิงอีกถึงแม้ว่าเขาจะมาหานางทุกวัน แต่กระนั้นหนิงเยว่ซินก็ยังคงเอาแต่ร้องไห้ทำใจมิได้เรื่องของเขา
“ข้ารักเจ้ามิได้ลดน้อยลงเลย หากแต่ความรับผิดชอบของข้ายังคงต้องมี เยว่ซิน...เหตุใดเจ้าไม่เข้าใจ”
นั่นคือประโยคสุดท้ายหลังบานประตูที่หนิงเยว่ซินได้ยิน
หญิงสาวเริ่มรับรู้ได้ว่านางเริ่มเปลี่ยนไป สภาวะอารมณ์ของนางผันแปรไปไม่เหมือนเดิม นางทั้งอารมณ์ร้ายทั้งชอบโวยวาย นางโมโหร้ายไม่ยอมใครทั้งนั้น จนกระทั่งหลิ่งหมิงเริ่มเอือมระอานางขึ้นมาจริงๆ เพราะเขาบัดนี้มีสตรีเปรียบเทียบกันอย่างชัดเจน
หนึ่งคือสตรีอารมณ์ร้ายไร้ความอ่อนโยนอ่อนหวานอย่างที่ควรเป็นกับอีกหนึ่งสตรีช่างน่ารักน่าทะนุถนอมคอยเอาอกเอาใจทั้งยังหวานล้ำในยามค่ำคืน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครแพ้ใครชนะ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลิ่งหมิงจักเลือกใคร
หนิงเยว่ซินได้แต่ช้ำใจจนกระทั่งนางได้ล่วงรู้ถึงสาเหตุของอารมณ์ที่เปลี่ยนไปจากสตรีอ่อนหวานเป็นสตรีร้ายกาจของตนเอง
นางกำลังตั้งครรภ์!
สตรีตั้งครรภ์มักจะมีอารมณ์อ่อนไหวมากกว่าสตรีที่มิได้ตั้งครรภ์ ยิ่งเมื่อมีเรื่องมากระทบจิตใจกันเยี่ยงนั้น แน่นอนว่าย่อมรุนแรง
เมื่อนางรับรู้ถึงอีกหนึ่งชีวิตน้อยๆ ในท้องของตน นางจึงคิดจะบอกกล่าวแก่สามี คืนวันดีๆ ของสองเราอาจจะกลับมา
แต่ทว่านางกลับคิดผิดไป
หลายวันหลายคืนที่ผ่านมาที่นางเอาแต่ร่ำไห้ปานขาดใจอยู่ให้เหย้าในเรือนกินเวลาอยู่เป็นเดือน ในยามนี้ที่นางอายุครรภ์ได้เพียงสามเดือน เจียวลู่ที่เข้าหอกับหลิ่งหมิงเรื่อยมาก็ตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือน
เรื่องนั้นเปรียบเสมือนฟ้าผ่าลงกลางหน้าผาก
ข่าวการตั้งครรภ์ของเจียวลู่ที่ส่งถึงหลิ่งหมิงก่อนหน้านางทำให้นางถึงกับลิ้นจุกปาก
นางเดินมายังมิทันได้ถึงเรือนของหลิ่งหมิง นางก็เห็นหลิ่งหมิงกับเจียวลู่ยิ้มแย้มให้กันแลดูมีความสุขอยู่ในศาลากลางสวน ฝ่ามือของหลิ่งหมิงลูบท้องของเจียวลู่อย่างอ่อนโยน
หนิงเยว่ซินยืนมองภาพนั้นด้วยใจที่หนาวเหน็บเย็นจัดไปถึงกระดูก
ภาพของสามีแห่งตนยืนประคองกอดกับหญิงอื่นว่าเจ็บปวดมากแล้ว ยังมิเท่าภาพของสามีตนเองยืนลูบคลำท้องของสตรีผู้นั้นอย่างยินดีปรีดา
เสียงครวญครางที่นางได้ยินยามพวกเขาทำรักกัน นางคิดว่าเจ็บปวดมากแล้ว ก็ยังมิเทียบเท่ากับเสียงหัวเราะของพวกเขาในยามนี้
ช่างเจ็บปวดสิ้นดี ช่างเจ็บปวดเกินทานทน เจ็บเสียจนจวนเจียนใกล้สิ้นใจ
นับแต่บัดนั้น หนิงเยว่ซินจึงได้ตัดสินใจ