ตอนที่11 เป้าหมาย
ภายในศาลาริมทางที่สามารถมองเห็นรถม้าคันหนึ่งเคลื่อนตัวอยู่ไกลๆ มีชายปริศนาในชุดสีหม่นเฉกเช่นชาวบ้านธรรมดานั่งอยู่สองคน
เสียงกระซิบที่เบามากกระทั่งริมฝีปากยังแทบไม่ขยับยามเอ่ย
“หากจะเข้าใกล้รัชทายาท ข้าคิดว่าคงยากนักที่จะจัดการ แต่กับสตรีของพระองค์นางนั้นกลับไม่แน่”
ชายเจ้าของประโยคอยู่ในชุดสีหม่นมีรอยปะชุน ใบหน้าดำคล้ำ ตรงโหนกแก้มมีรอยแผลเป็นกำลังเอ่ยคำเย็นเยียบ พร้อมปรายสายตาหรี่เล็กฉายแววโหดเหี้ยมไปทางรถม้า ที่มีสารถีเป็นชายหนุ่มรูปงามสองคนกับคุณหนูในอาภรณ์สีชมพูอ่อนหวานอยู่ในนั้น
ชายอีกคนหนึ่งอยู่ในชุดไม่แตกต่าง เขากล่าวคำเย็นชาแววตาโหดร้ายเช่นกัน “สตรีนางนั้นย่อมเป็นคนรักของรัชทายาทแน่นอน หากได้นางมาเป็นเครื่องมือให้องค์ชายรองใช้เล่นงานรัชทายาท พวกเราคงได้รางวัลอย่างงาม”
ชายคนแรกจึงเอ่ยถาม “สมุนของพวกเราพร้อมแล้วหรือไม่?”
“ฮึ! พวกมันพร้อมนานแล้วพี่ใหญ่”
“ดี!” คนเป็นพี่ใหญ่ยกยิ้มพอใจ “สั่งการลงไป ให้ลงมือยามเมื่อสตรีนางนั้นเปลื้องผ้าลงแช่น้ำร้อน” กล่าวจบก็แสยะยิ้มน่าเกลียดออกมา
“อ่า...พี่ใหญ่กำลังคิดอันใด?” ชายคนที่สองถึงกับหรี่ตามอง
ชายคนแรกเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “สตรีงดงามหยาดฟ้าออกปานนั้นหากเปื้อนราคีคาว ชายใดจักทนได้ การเล่นกับความรู้สึกของรัชทายาทให้สั่นคลอนในพระทัย พวกเราย่อมได้รางวัลจากองค์ชายรองเช่นกัน”
“อ่อ...” ชายคนที่สองจึงเห็นพ้อง “พี่ใหญ่ช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก”
“เรื่องนั้นแน่นอน...รีบตามไป!”
ทั้งสองพยักหน้าให้กันด้วยแววตาโหดเหี้ยมหาใดเปรียบ
ในเขตของเมืองเฟิ่งหวงนี้มีบ่อน้ำพุร้อนและบ่อน้ำร้อนที่สวยงามเป็นที่เลื่องลือ ทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากพื้นราบมากนัก มิต้องปีนป่ายจนถึงยอดเขาจึงจะได้พบเจอแต่อย่างใด
เดิมทีหนิงเหมยต้องการเดินทางให้ถึงวัดฉือหนิงอันเป้าหมายในเร็ววัน หากแต่ลำธารสีฟ้ามรกตที่ได้ยลทำให้นางเริ่มเปลี่ยนใจ ยิ่งได้ทอดสายตามองจากลำธารขึ้นไปทางเนินเขาเบื้องหน้าแล้วเห็นความงดงามที่ยากจะพรรณนาและรับรู้ว่ามีบ่อน้ำร้อนอยู่ตรงนั้น นางจึงเริ่มเอนเอียง กอปรกับความต้องการของสองสตรีที่ร่วมทาง นางจึงไม่อาจปฏิเสธเลยแม้ครึ่งคำ
“พวกท่านควรรั้งอยู่ด้านล่าง” หนิงเหมยรีบกล่าวทันทีที่สารถีรูปงามนำทางมาถึงเนินเขาทอดยาวไปยังบ่อน้ำร้อนที่เห็นอยู่ไกลๆ
มิคาดว่าพวกเขาจะสามารถพาเข้ามาได้จริงดังคำ กระทั่งบ่าวรับใช้ที่เฝ้าเวรยามยังไม่อยู่ในสายตาของพวกเขา เรื่องนี้นับว่าน่าแปลกมิใช่น้อย แต่เรื่องนั้นช่างก่อนเถิด
นางขอชมความงามของที่นี่สักหน่อยคงไม่เป็นไร
เมื่อหญิงสาวคิดได้อย่างนั้น นางจึงรีบลงจากรถม้าพร้อมหนี่ม่านและซูเจิน นางพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้ได้ยากเย็นเหลือเกิน “หากพวกข้าแช่น้ำ พวกท่านควรอยู่ให้ห่าง” นางย่อมรอบคอบ
“ย่อมเป็นเช่นนั้น” หยางเหอจินตอบรับนิ่งๆ ไม่คิดต่อความอันใดมากมาย เขายืนกอดอกอยู่ข้างรถม้าด้วยท่วงท่างามสง่าทว่าเรียบเฉย สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น หากแต่สายตาดำสนิทคล้ายหยุดนิ่งอยู่ที่ใครบางคน
แต่เฟยหลงเซียนกลับรู้สึกหงุดหงิดในหัวใจมากนัก เมื่อมองเห็นคุณหนูผู้เย็นชากำลังมีนัยน์ตาทอประกายเจิดจ้าอย่างนั้น ด้วยนางใช้สายตานั่นฟาดใส่เขาจนจุกในอกไปหมด เมื่อช่วงสองก้านธูปก่อนหน้า พาเอาชายงามหมดความมั่นใจไปหลายส่วน
ซูเจินยังคงมองชายชุดม่วงไม่วางตา นางมองใบหน้าคมคายของเขาสลับกับหยกที่เอวไปมา ความทรงจำอันรางเลือนคล้ายอยู่ในห้วงฝัน มันไม่แจ่มชัดเอาเสียเลย แต่ทว่ากลับมีความคุ้นเคยอย่างประหลาด
เพียงครู่เดียวสตรีทั้งสามนางก็พากันหายไปทางบ่อน้ำร้อนโดยไม่เสียเวลาเหลียวหลังมามองชายหนุ่มทั้งสองอีกเลย
เฟยหลงเซียนจึงเอ่ยกับหยางเหอจินด้วยอารมณ์ขุ่นมัว “ข้าต้องการแช่น้ำ เราไปทางบ่อน้ำร้อนอีกฝั่งหนึ่งก็แล้วกัน ปล่อยให้พวกสตรีแช่น้ำทางฝั่งทางนี้” เขาเอ่ยพลางหมุนกายเดินไปตามทางที่เขาหมายมาด เขาต้องการแช่น้ำร้อนเพิ่มความมั่นใจให้กายแกร่งเสียหน่อย
“ข้าคิดว่าเจ้าต้องการจะจากไปแล้วเสียอีก ไยยังตามมา” ชายหนุ่มผู้เป็นอากล่าวหน้าตาเฉยพลางหมุนกายเดินไปทางเดียวกันกับหลานชาย
“ข้ามองท่านผิดไปจริงๆ” เฟยหลงเซียนกล่าวคำพลางปรายสายตาล้อเลียนมาทางหยางเหอจิน “แต่ไหนแต่ไรมาท่านชมชอบแค่การจับดาบฝึกศาสตราวุธ ไม่เคยเลยที่จะฝักใฝ่อิสตรี แต่เหตุใดยามนี้ถึงได้ใจร้อนนักเล่า เห็นได้ชัดว่าสตรีนางนั้นอายุน้อยเป็นเพียงเด็กสาวแรกรุ่น ท่านควรรอให้นางโตกว่านี้อีกสักหน่อย อะไรๆ จะได้เต็มไม้เต็มมือ”
ปลายเท้าใต้ชายผ้าสีม่วงพลันหยุดกึกพร้อมๆ กับสายตาคมปลาบบนใบหน้าคมพลันตวัดมอง ชายหนุ่มเจ้าของประโยคยั่วเย้ารีบวิ่งหนีไอสังหารในทันที