ตอนที่12 นางโตแล้ว
ภายในกำแพงชั้นหินแข็งแกร่งเรียงรายโอบล้อมด้วยหมู่พฤกษานานาพรรณตรงกลางนั้นมีบ่อน้ำที่มีความร้อนกำลังดี
“ที่นี่งดงามมากทีเดียวเจ้าค่ะคุณหนู งามเสียจนไม่คิดว่าจะเป็นธรรมชาติสรรสร้าง คล้ายกับมีคนจงใจให้มันสวยงามเยี่ยงนี้กระนั้น” หนี่ม่านยังคงตกตะลึงกับทิวทัศน์รอบกายที่มีบ่อน้ำร้อนกว้างใหญ่ทอดยาวกั้นด้วยหินผาแกร่งหนาเป็นชั้นมากนัก นางชื่นชมไม่ขาดปากยามดูแลปรนนิบัติหนิงเหมยลงแช่น้ำ
หนิงเหมยได้แช่น้ำร้อนให้รู้สึกปลอดโปร่งยิ่งนัก “เจ้าก็ลงมาแช่ด้วยกันเถิด ในชีวิตหนึ่งคงมีแค่ครั้งนี้ที่ได้มา” นางชี้นำสาวใช้ที่นั่งอยู่บนขอบของบ่อน้ำเพื่อดูแลเสื้อผ้าตามหน้าที่ให้เปลื้องผ้าลงมาแช่ตัวเสียด้วยกัน
“ไม่ดีกระมังเจ้าคะ บ่าวมิกล้า” หนี่ม่านคลี่ยิ้มส่ายหน้าอย่างเจียมตัว
“ลงมาเถิด นี่คือคำสั่ง” นายหญิงเสียงขุ่นทำทีไม่พอใจยังผลให้สาวใช้ตัวน้อยรีบปลดผ้าเหลือเพียงเอี๊ยมตัวบางลงมาในน้ำร้อนทันที
เพียงอึดใจเสียงหัวเราะสดใสของหนี่ม่านพลันดังกังวาน นางตีน้ำอย่างรื่นเริงจนหนิงเหมยต้องส่ายหน้าน้อยๆ อย่างอ่อนใจ
ซูเจินนั่งหลับตาแช่น้ำคลายเส้นเอ็นอยู่ในบ่อน้ำร้อนเยื้องออกมาไม่ไกลจากสองสตรีทางอีกฝั่งหนึ่ง ทันใดนั้นประสาทสัมผัสของนางพลันรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวบางอย่าง
การเคลื่อนกายวูบไหวนั้นเป็นมนุษย์ หาใช่สัตว์ป่า ทั้งรวดเร็วและทรงพลัง
ที่สำคัญ...มีมากกว่าหนึ่ง!
หญิงสาวลืมตาขึ้นมาในบัดดล ดวงตากลมโตมองกราดรอบทิศ นางเพ่งพิศจ้องมองจึงได้เห็น เงาดำอำพรางซ่อนความร้อนชื้นของกายาด้วยกลิ่นอายขุมพลังกระแสเย็น พวกมันต่างมุ่งเน้นมาที่หนิงเหมย
ทันใดนั้นพลันมีคนชุดดำผู้หนึ่งพุ่งร่างเข้ามาทางหนิงเหมยอย่างอุกอาจ ซูเจินรีบพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำโจนทะยานทั้งที่เรือนร่างเปลือยเปล่ามีเพียงเอี้ยมตัวน้อยปกปิดส่วนสงวนตรงเข้าสกัดคนผู้นั้นกลางอากาศ ก่อนจะกดมันผู้นั้นด้วยฝ่ามือเรียวเล็กโดยการทิ้งตัวลงน้ำอย่างรวดเร็ว
‘ตูม’
เสียงน้ำแตกกระจายอยู่เบื้องหน้าหนิงเหมยและหนี่ม่าน ทั้งสองถึงกับกลืนเสียงหัวเราะลงคอพลางอ้าปากเบิกตาค้าง พวกนางรีบกอดกันอย่างตะลึงลานไม่ไกลจากแผ่นหลังบอบบางของซูเจิน
ซูเจินบีบลำคอของคนชุดดำไว้แน่นและกดมันลงกับพื้นใต้น้ำ ให้ใบหน้าของมันจมน้ำจนดิ้นพล่าน ก่อนจะอาศัยความเหนือกว่าที่ตนอยู่พ้นน้ำรีบหักคอมันผู้นั้นอย่างรวดเร็ว เพียงอึดใจ ร่างที่ดิ้นขลุกขลักใต้น้ำพลันสงบแน่นิ่ง
หญิงสาวยังคงกวาดสายตามองกราดไปรอบทิศทางนอกบ่อน้ำ ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของนางฉายชัดถึงความดุดัน นางเห็นกลุ่มคนชุดดำวิ่งสะดุดไปหนึ่งก้าวคล้ายกับแปลกใจในอะไรบางอย่าง นางจึงอาศัยจังหวะนั้นสั่งการ
“รีบขึ้นไป!”
หนิงเหมยกับหนี่ม่านแม้จะยังตกตะลึงและตระหนกเนื้อตัวสั่นเทิ้มเป็นอย่างมาก แต่ก็รีบขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็ว พวกนางรีบใส่ผ้ากันอย่างลนลาน ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดฝาดทั้งๆ ที่กำลังแช่น้ำร้อน
ซูเจินรีบกระโจนขึ้นเหนือน้ำเช่นกัน แต่นางไม่มีเวลาได้ใส่ผ้า เนื่องจากว่ามีคนชุดดำอีกสองคนพุ่งตัวเข้ามาในฉับพลัน หญิงสาวจึงจับผ้าขึ้นมาใช้แทนอาวุธ ตวัดรัดหนึ่งในคนชุดดำจนกระแทกถูกคนชุดดำอีกคนก่อนจะพากันร่วงลงกระแทกพื้นเสียงดังพลั่ก
“ถอยหลังไปชิดกำแพงหิน” ซูเจินคำรามลั่นอีกหนึ่งประโยค นางสัมผัสได้ว่ากลุ่มชุดดำฝีมือไม่ธรรมดา นางจึงไม่สามารถคุ้มครองแบบรอบทิศทางได้ จำต้องใช้หินผาแข็งแกร่งเข้าช่วย
หนิงเหมยและหนี่ม่านรีบทำตามคำ พวกนางรีบวิ่งไปที่ก้อนหินโดยมีซูเจินก้าวถอยหลังคุมเชิงอยู่เบื้องหน้า กระทั่งแผ่นหลังของทั้งสองชิดกับหินผางดงามที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมบ่อ ซูเจินจึงสะบัดผ้าห่มปิดร่างเปลือยอย่างลวกๆ แต่ยังคงยืนนิ่งเป็นกำแพงมนุษย์ ดวงตากลมโตจ้องเขม็งที่กลุ่มศัตรูนิรนาม
“คนพวกนี้เป็นใครกันเจ้าคะ เหตุใดต้องทำร้ายคุณหนู” หนี่ม่านถามเสียงสั่นอย่างตื่นตระหนกน้ำตาเอ่อล้นจนไหลพรากเต็มสองแก้ม
หนิงเหมยหาได้รู้คำตอบที่แน่ชัด แต่ที่ประจักษ์ย่อมไม่แคล้วพวกที่บ้านของนาง คนพวกนั้นคงต้องการให้นางหายไปตลอดกาล พวกเขาคงเกลียดนางมากเกินทานทน
ฉับพลันนัยน์ตาของหนิงเหมยพลันร้อนผ่าว น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ หนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดจะเป็นบิดาของนางหรือไม่กัน เขาเกลียดนางถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ซูเจินยังคงยืนนิ่งขบคิดหาวิธีรับมือกลุ่มชุดดำ ยามนี้นางไม่มีกระทั่งมีดสั้น เรือนร่างหรือก็เปล่าเปลือย มีเพียงผ้าเนื้อบางห่อหุ้มแค่ชั้นเดียว เอาอย่างไรดี?
ทางอีกฝั่งหนึ่งของบ่อน้ำร้อนที่โอบล้อมด้วยชั้นหินซับซ้อนและต้นไม้ใบหนา
สองชายหนุ่มกำลังแช่น้ำร้อนอย่างสบายอารมณ์ แผงอกบึกบึนปริ่มๆ เหนือผิวน้ำ ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายยิ่งนัก
“ท่านอาคิดว่าสตรีนามว่าหนิงเหมยเป็นอย่างไร” เฟยหลงเซียนเอ่ยถามเรียบเรื่อย มิรู้ได้ว่าทำไมเขาถึงมีภาพของนางติดตาอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังไม่เข้าใจด้วยว่าเหตุใดนางถึงเย็นชาปานนั้น
สตรีควรมีมารยา ควรช้อนตามอง ควรออดอ้อนใส่จริตถึงจะถูก แต่นางกลับเย็นเยียบราวน้ำแข็งตกผลึก นางไม่น่ารักเลยสักนิด แต่เขาคิดถึงนางทำไมกัน?
หยางเหอจินหาได้ตอบคำ สตรีนางใดจักเป็นเช่นไร หาใช่เรื่องที่เขาจะใส่ใจไม่!
ทันใดนั้นชายหนุ่มทั้งสองพลันได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาว พวกเขารีบหันควับไปทางต้นเสียงในทันที ต้นเสียงของสตรีดังมาจากทิศทางที่หญิงสาวทั้งสามเลือกบ่อเพื่อแช่น้ำ
ชายหนุ่มทั้งสองรีบพุ่งกายออกจากน้ำร้อนก่อนกระโจนออกไปตามทิศทางของเสียงหวีดแหลม
“ไม่นะ! อาเจิน” เสียงกรีดร้องเรียกนามอย่างนั้นทำหยางเหอจินถึงกับตื่นตระหนก เขารีบพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด
และภาพที่เขาได้เห็นทำให้ใจเขายิ่งดิ่งลงเหว
เจินเจินน้อยกำลังถูกรุมเล่นงานจากกลุ่มชุดดำถึงสามคน เนื้อตัวของนางมีเพียงผ้าเนื้อบางห่อหุ้มจนร่างระหงเกือบเปลือยและมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด
โทสะของหยางเหอจินพลันพวยพุ่ง เขาทะยานกายด้วยความเร็วเข้าจับกระชากกลุ่มชุดดำทั้งสามมาขยี้จนตายอนาถในฝ่ามือเดียว และทั้งๆ ที่พวกมันนอนแน่นิ่งไปแล้ว เขายังจับมันฉีกแขนฉีกขาแล้วจับโยนลงน้ำจนจมหาย บ่อน้ำร้อนพลันแดงฉานด้วยกระแสโลหิต ไม่น่าเข้าใกล้เลยสักนิด
ซูเจินถึงกับยืนมองตาปริบๆ เขามีฝีมือที่ร้ายกาจจริงๆ ด้วย
อา...เขาเหมือนท่านพ่อไม่ผิดเพี้ยน
หญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มด้วยดวงตากลมใส และยิ่งกลมโตเมื่อเขาหันหน้ามา นางเหม่อมองแผงอกงดงามของเขาอย่างไม่อาจถอนสายตา ทั้งท่อนแขน ลาดไหล่ กล้ามเนื้อตลอดลำตัว โดยเฉพาะหน้าท้องที่เป็นคลื่นสวยเหนือกางเกงผ้าบาง
อา...ของท่านพ่อไม่ตึงแน่นอย่างนี้
ยามที่ท่านพ่อถอดเสื้อฝึกฝน ไยไม่น่ามองแบบนี้หนอ
หยางเหอจินเมื่อหมุนกายงามผินใบหน้ามาทางน้องน้อย สายตาคมดำขลับของเขาก็จ้องมองไม่ต่างกัน
นอกจากเส้นผมยาวสยายราวม่านไหมเรียบลื่นลู่ลงแนบแก้มนวลแดงระเรื่อที่ล้อมรอบใบหน้าจิ้มลิ้มมีดวงตากลมโตน่ารักคู่นั้น ยังมีทรวดทรงองค์เอวที่เห็นได้ชัดเจนใต้ผ้าเนื้อบาง....ทุกอย่างโค้งเว้านูนเด่นพ้นขอบเอี๊ยมสีสดและชัดเจนว่านางโตแล้ว
นางโตเกินวัยด้วยซ้ำไป...
สองชายหญิงที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเรือนร่างเกือบเปลือยได้แต่ยืนนิ่งจ้องมองกันและกันไม่วางตา คล้ายกับว่าพวกเขาได้ลืมเลือนไปแล้วถึงเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่