ตอนที่10 คุณหนูผู้เย็นชาไร้ใจ1
ตำแหน่งข้างรถม้า มีสามสตรีรูปลักษณ์แตกต่างยืนคุยกันอย่างถูกคอ
เสียงใสๆ ของหนี่ม่านยังคงดังเจื้อยแจ้วไปทางคุณหนูของตนอย่างกระตือรือร้นยามส่งหมั่นโถวและถ้วยน้ำแกงให้ซูเจินอย่างรู้งาน
“ชายชุดม่วงมีนามว่าอาจิน ส่วนชายอีกคนหนึ่งมีนามว่าอาเซียนเจ้าค่ะ บ่าวแนะนำตัวทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อ้อ...พวกเขากำลังจะเดินทางไปยังสถานที่เดียวกับพวกเราด้วยนะเจ้าคะ ช่างบังเอิญเสียจริงเจ้าค่ะ และที่สำคัญพวกเขาอาสาคุ้มครองพวกเราจนถึงที่หมายอีกด้วย พวกเขาบอกว่าพวกเราเป็นเพียงอิสตรีควรมีบุรุษคอยดูแลเจ้าค่ะ” นางบอกกล่าวด้วยสีหน้าดีใจหนักหนาที่มีชายงามร่วมเดินทาง
“พวกเขาจะไปวัดเพื่อถือศีลหรือไร?” หนิงเหมยเอ่ยอย่างไม่เชื่อสักเท่าไหร่ น้ำเสียงของนางจึงคล้ายประชดกระนั้น
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” หนี่ม่านพยักหน้าตอบรับ “บ่าวบอกว่าจะไปถือศีลที่วัดวัดฉือหนิง พวกเขาจึงบอกบ่าวว่าควรไปเสียด้วยกัน พวกเขาย่อมจ่ายค่าเช่ารถม้าให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
หนิงเหมยเริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะเชื่อใจชายทั้งสองเท่าใดนัก หากแต่เมื่อคืนนางก็หลับสนิทดีไร้อันตรายอันใด คงไม่มีอะไรหรอกกระมัง
สาวใช้ตัวน้อยคล้ายนึกขึ้นมาได้อีกเรื่องหนึ่งจึงรีบเอ่ย “ถัดไปจากตรงนี้มีลำธารด้วยนะเจ้าคะคุณหนู และถ้าไกลออกไปอีกประมาณหนึ่งลี้จะมีบ่อน้ำพุร้อน บ่าวได้ยินคนในศาลาเขาพูดกันว่างามมากนัก หากได้เห็นแม้เพียงครั้งย่อมเสียชาติเกิด” นางตื่นเต้นเหลือเกินกับการเดินทางออกจากคฤหาสน์ครั้งนี้ ทั้งที่บ่าวทั้งหลายต่างส่ายหน้าปฏิเสธกันจนหัวหมุน
“ดูท่าทางเจ้าที่ขอติดตามข้ามาคงมีแผนการแอบแฝงกระมัง” หนิงเหมยอมยิ้มน้อยๆ เอ่ยอย่างรู้ทันสาวใช้
หนี่ม่านยิ่งหัวเราะสดใส “อา...ถูกคุณหนูจับได้เสียแล้ว”
ซูเจินยืนกินหมั่นโถวตามด้วยยกน้ำแกงขึ้นดื่มอึกใหญ่เพื่อเพิ่มพลังรีบออกความเห็น “ดีเหมือนกัน ข้าต้องการแช่น้ำพุร้อน” นางเอ่ยออกมาตามตรง ถึงแม้ว่าบาดแผลภายนอกจะหายแล้วหลายส่วนด้วยยาที่หนิงเหมยทาให้ แต่ทว่าภายในยังคงอ่อนแอนัก การแช่น้ำร้อนช่วยขับเคลื่อนลมปราณ น่าจะดีไม่น้อย
แต่หนิงเหมยไม่เห็นด้วยเลย นางจึงเอ่ยขัด “อาจจะเป็นบ่อน้ำพุร้อนบนพื้นที่ที่มีเจ้าของเป็นคหบดีผู้ร่ำรวย หรือว่าอาจจะเป็นสถานที่จำเพาะของเหล่าเชื้อพระวงศ์ก็ได้ เราไม่ควรรุ่มราม” สถานที่งดงามปานภาพฝันย่อมตกเป็นของพวกมีเงินมีอำนาจอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อได้ฟังอย่างนั้น สองสตรีถึงกับนิ่งงันอย่างสิ้นหวังในบัดดล
“ข้าย่อมพาเข้าไปได้” เสียงทุ้มต่ำพลันเอ่ยแทรก
สตรีทั้งสามหันมองพร้อมกัน
เสียงนั้นเป็นเสียงของหยางเหอจิน เขากล่าวคำพลางเดินอาดๆ ตรงเข้ามาทางซูเจิน ชายหนุ่มจับกระชับเอวของซูเจินจนตัวลอยไปทางด้านหน้าของรถม้า ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ แต่ทว่าถ้วยน้ำแกงในมือของซูเจินกลับไม่กระฉอกออกแม้แต่น้อย
เขาวางนางลงบนรถม้า นางนิ่งอึ้งไม่พูดจา ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างคาดไม่ถึง เมื่อสัมผัสถึงอ้อมแขนแข็งแกร่งที่ให้ความรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา กลิ่นอายบุรุษเพศเข้มข้น แผงอกกว้างขวาง ลำคอหนาและสันกรามแกร่งอยู่ใกล้สายตา ความรู้สึกคุ้นเคยแปลกประหลาดพลันปรากฏ
ซูเจินถึงกับขมวดคิ้วแน่นมองชายชุดม่วงไม่วางตา นางกำลังรู้สึกไม่แน่ใจกับอะไรบางอย่าง ยิ่งได้เห็นใบหน้าคมคายใกล้ๆ ยิ่งให้รู้สึกไม่ธรรมดา แต่ทว่ายังมิทันระลึกได้ถึงอันใด หนี่ม่านพลันพุ่งตัวตามขึ้นมาบนรถม้า
สาวใช้ตัวน้อยไม่พูดไม่จา นางนั่งยิ้มจนตาหรี่หยีพราวระยับอย่างรอคอย นึกถึงแต่ภาพของบ่อน้ำพุร้อน
หนิงเหมยถึงกับยืนอึ้งจ้องมองชายชุดม่วงตาค้าง
รัชทายาทหนุ่มที่ปลอมตัวมาถึงกับยืนอึ้งไม่แตกต่าง เขาถึงกับตกใจกับการกระทำอันรวดเร็วของท่านอาแห่งตน เขาที่เป็นบุรุษหนุ่มหล่อเหลาเจ้าสำราญทั้งยังมีแผนชายงามอยู่เต็มไปหมด คงต้องยอมแพ้ท่านอาผู้เย่อหยิ่งถือตัวเสียแล้ว
และที่สำคัญ บ่อน้ำพุร้อนนั่นเป็นพื้นที่ส่วนพระองค์เชียวหนา
หยางเหอจินปล่อยมือจากน้องน้อยของตนโดยไม่พูดจา ก่อนพลิกกายไปนั่งยังตำแหน่งสารถีแล้วปรายสายตาคมปลาบมาทางเฟยหลงเซียนนิ่งๆ พลางเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงคำถามว่า จะนั่งรถม้าหรือจะเดิน?