บทที่ 3
.
..
...
“เจ้าจะให้แม่บอกอีกกี่ครั้งถึงจะยอมฟัง หากไม่รักษาตัวให้ดี จะหายไปทำงานต่อได้อย่างไร”
“ข้าแข็งแรงอยู่แล้ว ออกศึกพรุ่งนี้ก็ย่อมได้” คนพูดกล่าวอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้าน สายตายังคงจ้องมองสาวใบหน้าสาวใช้คนใหม่อย่างข้องใจ
“แม่รู้ว่าเจ้าเก่ง แต่หากเจ้าเป็นอะไรไปสักคน แม่กับน้องจะอยู่กันอย่างไร เจ้าก็รู้ดีไม่ใช่หรือว่าพ่อของเจ้าจากพวกเราไปเพราะสาเหตุใด ไม่ใช่เพราะความอวดดีอวดเก่งหรอกหรือ”
“ข้าไม่เหมือนท่านพ่อ”
“เฮ้อ แม่ไม่รู้จะพูดอย่างไรกับเจ้าแล้ว วันนี้แม่พาบ่าวคนใหม่มารับใช้ เรียกนางว่าเหม่ยเหมยก็แล้วกัน”
“บ่าวยินดีรับใช้นายท่านเจ้าค่ะ บ่าวขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้อง ให้นางกลับไปซะ ข้าไม่ต้องการใครเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิต ข้าชอบอยู่คนเดียว”
“ไม่ได้ เจ้าต้องให้นางมาช่วยดูแล แผลของเจ้าจะได้หายเร็ว ๆ อย่างใดเล่า แค่นี้ทำให้แม่สบายใจไม่ได้เชียวหรือจื่อถง”
เห็นความตั้งใจของมารดาจึงยอมใจอ่อนลง หยางจื่อถงถอนหายใจเสียงดังอย่างจำยอม เขาเงียบแสดงว่ายอมรับเหมือนที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างไรก็เชื่อว่าสาวใช้นางนี้คงอยู่รับใช้ได้ไม่กี่วันแน่นอน
“ก็ได้ขอรับ”
“ดีมาก ถ้าเช่นนั้นนับจากนี้ เจ้าจงมาช่วยปรนนิบัติดูแลนายท่านนะเหม่ยเหมย ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี”
“เจ้าค่ะ”
“ข้าจะกลับแล้ว เจ้าช่วยดูแลลูกชายข้าต่อที่นี่นะ”
“เจ้าค่ะฮูหยิน”
ฮูหยินฝากฝังให้ดูแลบุตรชาย แล้วก็เดินกลับไปยังเรือนที่พัก ปล่อยให้หานเหม่ยหวายืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ในห้องสองต่อสองกับนายท่านผู้แสนจะเย็นชา สายตาคมที่จ้องมองมานั้นหาได้มีความเมตตาหรือเป็นมิตรเลยสักนิด และเหม่ยหวาก็รู้ตัวดีว่าจะต้องเจอกับอะไร
“เจ้าคิดดีแล้วหรือที่จะมาดูแลข้า ข้าบอกไว้ก่อนนะว่าไม่ใช่คนใจดี”
“บ่าวรู้เจ้าค่ะว่านายท่านเป็นคนใจร้ายแค่ไหน สังเกตจากสีหน้าและคำพูดก็พอจะเอาออกแล้ว” นางตอบกลับไปอย่างไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายเลย แถมยังยืนส่งยิ้มให้ราวกับเด็กสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์เสียอย่างนั้น
“นี้เจ้ากล้าว่าข้างั้นหรือ ไม่กลัวข้าเลยสักนิดเชียวหรือ!” ชายหนุ่มตวาดแหวต่อหน้าสาวใช้ด้วยความโมโห นางเพิ่งจะเข้ามาวันแรกก็ปากดีเสียแล้ว ผิดจากสาวใช้คนอื่น ๆ ที่ค่อนข้างจะหัวอ่อนและยอมอยู่ในโอวาท
“บ่าวมิกล้า บ่าวแค่พูดไปตามความรู้สึกเท่านั้นเองเจ้าค่ะ หากทำให้นายท่านไม่สบายใจข้าต้องขออภัยด้วย” นางรีบค้อมตัวประสานมือก้มหน้ายอมรับความผิดที่พลั้งปากไป
“สำนึกผิดจริงหรือแสร้งทำ”
“บ่าวสำนึกผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ”
“ออกไปอยู่ข้างนอก ข้าไม่อยากให้ใครเข้ามาอยู่ในห้องกับข้าด้วย หากไม่สั่งให้เข้ามาก็ไม่ต้องเข้ามา”
“บ่าวคงทำอย่างนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ เพราะฮูหยินสั่งให้บ่าวอยู่รับใช้นายท่านอย่างใกล้ชิด หากนายท่านเป็นอันใดไป บ่าวจะมีความผิดนะเจ้าคะ”
“แต่มันคือคำสั่งของข้า!”
“มิได้จริง ๆ เจ้าค่ะ”
“เฮ้อ เจ้านี่มันช่างดื้อด้านเสียจริง” หยางจื่อถงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย กับความดื้อด้านของสาวใช้คนใหม่ ไม่เคยมีใครขัดใจเขาแม้แต่คนเดียว มีแต่นางเด็กเมื่อวานซืนผู้นี้เท่านั้นที่กล้าหือ มันน่าจับตีก้นให้หลาบจำเสียเหลือเกิน อายุอานามก็น่าจะเท่าน้องสาวตนเอง ยังคงเป็นเด็กไม่รู้ประสาสินะ ถึงได้กล้าอย่างนี้
“เอาอย่างนี้ นายท่านนอนพักผ่อนไปนะเจ้าคะ บ่าวจะช่วยจัดระเบียบทำความสะอาดห้องให้ใหม่เอี่ยมอ่องเลยเจ้าค่ะ”
“แล้วแต่เจ้า อย่ามายุ่งวุ่นวายกับข้าเป็นพอ”
นายท่านรูปงามกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ เอี้ยวตัวไปหยิบดาบขึ้นมา แต่ทว่าเหม่ยหวาใช้ความคล่องตัวรีบคว้ามันมาไว้ในมือเสียก่อน ยืนยิ้มให้กับชายหนุ่มอย่างผู้ชนะ
“เอ๊ะ! เอาดาบข้ามา”
“มิได้เจ้าค่ะ นายท่านต้องนอนพักผ่อนเสียก่อน หากฮูหยินรู้เข้ามีหวังโดนดุเอานะเจ้าคะ นายท่านไม่กลัวหรอกหรือ”
“ข้ามิใช่เด็กเยี่ยงเจ้านะ เอาคืนมาอย่าให้ข้าอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเดือดร้อนแน่”
“บ่าวให้ไม่ได้จริง ๆ เจ้าค่ะ” เหม่ยหวารีบถือดาบเดินออกห่าง ทว่าหยางจื่อถงพยุงตัวลุกขึ้นจะเดินตาม ทำให้รู้สึกปวดที่แผลบริเวณทั้งจนต้องร้องเสียงหลง ทรุดตัวลงนั่งที่เดิม เห็นอย่างนั้นสาวน้อยเหม่ยหวาก็รีบวางดาบไว้หลังตู้ รีบเดินเข้ามาพยุงตัวชายร่างกำยำไม่ให้ล้มลงเสียก่อน
“นายท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“ปล่อยข้า อย่างบังอาจมาจับตัวข้า”
“ปล่อยไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ไปนอนบนเตียงเถอะเจ้าคะ เดี๋ยวจะอาการแย่ไปกว่านี้”
นางจะช่วยพยุงเขาให้นอนเอนหลังบนเตียง แต่โดนท่านแม่ทัพหยางสั่งให้ออกห่างจากตัว จึงยอมยืนมองดูความอวดเก่งของเขาอย่างนั้น บุรุษท่านนี้ช่างถือตัวยิ่งกว่าสตรีเสียอีก นางได้แต่นินทาผู้เป็นนายในใจ
“จริง ๆ แล้วนายท่านออกจะเก่งกาจในเรื่องการศึก แต่ทำไมถึงได้โดนฟันมาแผลใหญ่ขนาดนี้เจ้าคะ นายท่านเก่งจริง ๆ หรือมันเป็นแค่ข่าวลือกันแน่” จู่ ๆ เหม่ยหวาก็นั่งถามคนที่นอนพักกายอยู่บนเตียง เปลือกตาที่เพิ่งจะปิดลงเปิดขึ้นอีกครั้ง เอียงหน้ามามองบ่าวรับใช้อย่างไม่พอใจเป็นที่สุด
“เจ้านี่มันช่างไร้สาระเสียจริง ข้าไม่เคยพบเจอสาวใช้ที่ปากมากเช่นเจ้ามาก่อน ตอนเป็นเด็กโดนบังคับไม่ให้พูดหรืออย่างไร จึงได้พูดไม่หยุดปากเช่นนี้”
“เปล่านะเจ้าคะ ท่านแม่ของข้าชอบเวลาที่ข้าพูด ท่านนั่งฟังแล้วก็ยิ้มตามตลอด ท่านบอกว่าฟังข้าพูดแล้วมีความสุขมาก นั่นเลยทำให้ข้าชอบพูด เพราะจะทำให้คนที่ฟังมีความสุขเจ้าค่ะ”
“เฮอะ! หลงตัวเอง คำพูดของเจ้ามันน่ารำคาญมากกว่าสร้างความสุขให้ผู้อื่นเสียมากกว่า หุบปากแล้วนั่งเงียบ ๆ อย่าให้ข้าต้องลงไม้ลงมือกับเจ้า”
“ก็ได้เจ้าค่ะ”
เหม่ยหวายอมทำตามคำสั่งเจ้านายคนใหม่แต่โดยดี นางนั่งเอามือค้ำคางจ้องมองร่างที่กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียง กลอกลูกตามองไปรอบห้องอย่างรู้สึกเซ็ง ๆ ไม่เคยพบเจอบุรุษคนไหนที่มีนิสัยเช่นนี้ คอยดูเถอะนางจะทำให้นายท่านผู้นี้หายจากอาการถือตัวและเย็นชาให้จงได้