บทที่ 2
.
..
...
เหม่ยหวารู้ตัวว่าได้เป็นบ่าวรับใช้ของจวนท่านแม่ทัพโดยสมบูรณ์แล้ว ด้วยความที่เป็นคนฉลาดนางรู้ว่าการเป็นบ่าวนั้นต้องทำตัวอย่างไร ต้องใช้คำพูดคำจาแบบไหน ถึงจะได้รับความเมตตาจากผู้เป็นนาย แต่ก็ยอมรับว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่จะต้องเรียนรู้ภายในจวนนี้
“คารวะฮูหยินเจ้าค่ะ”
“พ่อกับแม่เจ้ากลับไปแล้วหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“จะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอย่างไร”
“อยู่ที่บ้านท่านพ่อกับท่านแม่เรียกบ่าวว่าเหม่ยเหมยเจ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าเหม่ยเหมยก็แล้วนะ ตอนนี้อายุสิบแปดปีแล้ว รุ่นราวคราวเดียวกับอาซินลูกสาวของข้าเลย”
“แล้วคุณหนูอยู่ที่ไหนล่ะเจ้าคะ”
“นางกำลังเรียนหนังสือกับอาจารย์อยู่ที่ศาลาในสวนโน่น เอาไว้นางเรียนเสร็จแล้วจะมาแนะนำให้เจ้าได้รู้จัก”
“เจ้าค่ะ”
“อยู่ที่นี่ทำตัวให้ขยัน และที่สำคัญเจ้าต้องอดทนให้มาก ๆ เพราะหน้าที่ของเจ้ามันไม่ใช่ธรรมดา”
“หมายว่าว่าอย่างไรเจ้าคะ แต่ไม่ว่างานอะไรบ่าวก็ทำได้หมดล่ะเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นซักผ้า ล้างชาม ทำอาหาร ทำไร่ ทำสวน บ่าวทำได้หมดเจ้าค่ะ” เหม่ยหว่าตอบออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีสะดุด ความมั่นใจบวกกับสีหน้าที่มุ่งมั่น ทำให้หยางฮูหยินรู้สึกพอใจ และคิดว่าน่าจะรับมือกับลูกชายของนางได้เป็นอย่างดีแน่นอน
“งานของเจ้าก็คือดูแลรับใช้ลูกชายของข้า”
“ท่านแม่ทัพหยางหรือเจ้าคะ”
“ใช่ จื่อถงไปทำศึกได้รับบาดเจ็บกลับมา ไม่ค่อยชอบดูแลตัวเองสักเท่าไหร่ ข้ารับสาวใช้หลายต่อหลายคนเข้ามาทำหน้าที่นี้ แต่ก็ทนความเจ้าอารมณ์ของจื่อถงไม่ไหวน่ะสิ ข้าต้องบอกเจ้าไว้ก่อนว่าจื่อถงเป็นคนอารมณ์ร้อน พูดจาอ่อนหวานกับใครไม่เป็น เจ้าคิดว่าจะทำหน้าที่นี้ได้ไหม”
“ได้สิเจ้าคะ ไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหน หากมันคือคำสั่งของเจ้านาย บ่าวก็ต้องทำให้ได้”
“ดีมาก หากเจ้าทำให้อาการของจื่อถงดีขึ้น ข้าจะมีรางวัลพิเศษมอบให้เจ้าด้วยล่ะ ก่อนอื่นข้าจะพาเจ้าไปแนะนำให้จื่อถงได้รู้จักเสียก่อน ตามข้ามา”
“เจ้าค่ะ”
เหม่ยหว่าเคยได้ยินกิตติศัพท์ท่านแม่ทัพผู้นี้มาบ้าง รู้เพียงแต่ว่าท่านเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจ หามีผู้ใดเปรียบได้ แต่เรื่องอุปนิสัยส่วนตัวนั้นหาได้รู้มาก่อน ก็เพิ่งจะได้ยินจากปากฮูหยินเมื่อครู่ ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็จะทนให้ได้
ออกมาจากเรือนที่พักของฮูหยินมาตามทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังเรือนอีกหลัง ซึ่งมีความใหญ่โตไม่แพ้กัน บรรยากาศรอบตัวเรือนนั้นมีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง มีสวนดอกไม้ มีสระน้ำขนาดใหญ่ มีสะพานให้เดินข้ามให้อาหารปลาในสระ นี่หรือบ้านคนมีอันจะกิน ช่างแตกต่างจากกระท่อมหลังเล็ก ๆ ของนางราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
กำลังจะเดินไปถึงเรือนที่พักของบุตรชาย ฮูหยินก็สวนทางกับท่านหมอที่เพิ่งจะตรวจอาการของนายท่านเสร็จพอดี นางถามความคืบหน้าของการรักษา จึงได้คำตอบจากท่านหมอว่าตอนนี้แผลที่ถูกดาบฟันมากำลังสมานตัว แต่ต้องพยายามบังคับให้หยางจื่อถงนอนพักผ่อนให้มาก ๆ อย่าเพิ่งขยับตัวทำกิจกรรมที่มันกระทบกระเทือนต่อบาดแผล นั่นคือสิ่งที่ยากสำหรับการรักษาตัว เพราะหยางจื่อถงนั้นเป็นคนไม่ชอบอยู่กับที่ ชายชาตินักรบอย่างเขาจะต้องหากิจกรรมอะไรทำอยู่ตลอดเวลา
หยางฮูหยินเปิดประตูเข้าไปหาบุตรชายโดยไม่ส่งสัญญาณใด ๆ เพราะอยากจะรู้ว่าตอนนี้เจ้าของเรือนกำลังทำอะไรอยู่ในนั้นกันแน่ และสิ่งที่นางเห็นก็คือหยางจื่อถงกำลังนั่งเช็ดดาบคู่ใจอยู่บนเตียง ทั้งที่หน้าท้องยังคงพันผ้าเอาไว้ แถมยังมีเลือดซึมออกมาอีกต่างหาก
“ทำไมเจ้าไม่นอนพักผ่อนอาจื่อ ทำไมถึงมานั่งเช็ดดาบอยู่อย่างนี้”
“ท่านแม่”
เมื่อเห็นว่าใครมาก็วางดาบลงแล้วเงยขึ้นมองมารดา คิ้วเข้มขมวดเป็นปมเมื่อเห็นสาวน้อยแต่งกายด้วยเนื้อผ้าที่ดูเก่า ยืนก้มหน้าอยู่ด้านหลังด้วยอีกคน เขาเดาออกว่ามารดาคงจะรับสาวใช้คนใหม่มาดูแลอีกแน่นอน แต่ละคนที่ส่งมานั้นชอบเจ้ากี้เจ้าการ บังคับให้เขาทำโน่นนี่นั่น ซึ่งเขาเองก็รู้ดีว่านางเหล่านั้นรับคำสั่งของมารดามา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแผลงฤทธิ์เพื่อที่จะให้ตัวเองมีพื้นที่ส่วนตัว เขาไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามกับชีวิตสักเท่าไหร่