ตอนที่ 9 รุ่งอรุณมาเยือน
หลังจากห่าฝนพัดผ่านไปในตอนเช้ามืดอีกวันก็มีหมอกหนาปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขา ซีซวนได้ตื่นขึ้นมาเพราะความเคยชินในชาติก่อน ต้องออกกำลังและฝึกฝนตอนเช้ามืดเป็นประจำอยู่ทุกวัน เมื่อลงมาจากเตียงที่แข็งกระด้างก็ยืนขึ้นยืดเส้นยืดสายตามร่างกายและบิดขี้เกียจอยู่พักนึง
ที่นี่คือหุบเขาที่สูงระดับหนึ่งภูเขาทั่วๆ ไปจะเล็กกว่าภูเขานี้เล็กน้อย เธอเดินไปเปิดประตูหยิบอ่างล้างหน้าไปตักน้ำหน้าในตุ่มหน้าครัวเพื่อเอามาล้างหน้าบ้วนปากเมื่อเสร็จแล้วก็สาดน้ำที่ใช้แล้วทิ้งไปอย่างไม่ใยดี และเดินกลับไปที่ห้องเพื่อเอาอ่างน้ำที่ขนาดพอดีมือทำจากไม้นั่นไปเก็บไว้ในห้องโดยวางคว่ำไว้ให้แห้งเร็วขึ้น
จากนั้นเดินออกจากห้องและปิดประตูเบาๆ เนื่องจากคนในบ้านยังนอนหลับสนิดเธอจึงไม่อยากรบกวนการผักผ่อนของทุกคน เธอเดินผ่านห้องโถงและปิดประตูบ้านอย่างเงียบเชียบ เธอเดินไปหยิบตระกร้าและมีดขนาดกลางออกจากห้องครัวปิดประตูห้องครัวเรียบร้อยแล้วหันหลังเดินมุ่งตรงไปยังบริเวณป่าทึบในความทรงจำที่เจ้าของร่างคนเก่าเคยไป
หลังจากออกจากหมู่บ้านมาได้สักพักซีซวนก็เดินทางเข้าไปยังป่าลึกร่างกายถูกฟื้นฟูด้วยการนอนหลับเต็มที่หลังจากที่ไม่เคยนอนหลับมานานขนาดนี้มาก่อนเพราะชาติก่อนการปฏิบัติการตอนกลางคืนเป็นเรื่องปกติร่างกายได้รับการฟื้นฟูในครั้งนี้เป็นอย่างมากถึงที่นอนจะแข็งไปหน่อยก็เถอะแต่ร่างกายนี้คุ้นชินกับที่นอนนี้อยู่แล้วนางจึงหลับสบายตลอดคืน
หลังจากเดินมาได้สักพักเห็นกลุ่มต้นไผ่อยู่ไม่ไกลนักเธอจึงเดินไปเสี่ยงโชคหวังจะได้หน่อไม้มาทำอาหาร
ระว่างทางต้องเสียเหงื่อไปไม่น้อยกับการคอยตัดต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นหนาบางตามทางเป็นระยะ คงเพราะไม่มีใครผ่านมาใช้เส้นทางนี้เลยถูกทิ้งให้รกร้างพอสมควร การบุกเบิกเส้นทางขนาดเล็กสำหรับเด็กอายุ11ปีจึงค่อยข้างลำบากไม่น้อยเลยทีเดียว
หลังจากฟันต้นไม้เล็กๆ เพื่อสร้างทางเดินมาจนมาถึงป่าไผ่ที่มีขาดกว้างมีต้นไผ่นับร้อยที่ตั้งตระหง่าอยู่เรียงรายสีเขียวมีชะอุ่มดูแล้วสบายตายิ่งนัก เธอวางตะกร้าไม้ไผ่ที่สะพายหลังมาวางลงใกล้ๆ กับก่อไผ่ แล้วนั่งแม่ะลงกับพื้นที่มีกอหญ้าแห้งอยู่เพื่อพักเหนื่อย
“ฮูววว...” เสียงถอนหายใจออกทางปากดังขึ้นสองสามครั้ง เพื่อระบายความเหนื่อยหล้าจากการออกแรงตัดต้นไม้เพื่อเปิดทางเดินมาตลอดทาง โชคดีที่เธอใช้ผ้าพันมือก่อนออกมาไม่เช่นนั้นมือที่เบาะบางนี้คงแตกเลือดซึมเป็นแน่
“เดินป่าแค่นี้ถึงกับหอบรับประธานซ่ะแล้ว อ่อนแอจริงๆ” เธอบ่นให้ร่างกายนี้อย่างเบื่อหน่าย
“ต่อไปนี้จะขึ้นลงเขาตอนเช้ามืดบ่อยๆ จะได้แข็งแรงขึ้นมาบ้าง” เมื่อพูดเสร็จเธอจึงหยิบตะกร้ามาพอมองเข้าไปในตะกร้าถึงกับเอื่อมระอาตัวเอง
“นี่...! ฉันไม่ได้เอาน้ำมาด้วยงั้นหรือ ลืมได้ไงกันเนี้ยยย” ทำไงได้ใช้ให้ลืมกันล่ะ
เธอวางตะกร้าลงและหยิบมีดขึ้นหลังจากพักเหนื่อยได้สักพัก และเดินวนรอบรอบๆ ก่อไผ่เพื่อหาหน่อไม้
เป็นดั่งที่เธอคาดการณ์ไว้ที่ป่าไผ่นี้อุดมสมบรูณ์มากและยังมีหน่อไม้ที่เบียดกันขึ้นมาเพื่อรอรับแสงยามเช้าที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า มันมีจำนวนเยอะพอสมควรหลังจากได้น้ำฝนเมื่อคืนและสามวันก่อนทำให้ป่าเขียวชะอุ่มมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ถึงทางเดินจะเปียกชื้นไม่น้อยแต่ด้วยทักษะที่เธอมีจากชาติก่อนไม่ทำให้เธอลำบากในการเดินทางขึ้นเขาเลยสักนิดเธอใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปเพื่อมาที่ป่าไผ่แห่งนี้ซึ่งมันก็ไม่ไกลมากนัก อาจเป็นเพราะเสียเวลาเปิดทางซ่ะมากกว่า
เธอเดินไปที่ก่อไผ่และนั่งลงบรรจงตัดหน่อไม้ด้วยมีดที่แข็งแรงมากรวมกับแรงที่เธอมีในชาตก่อนจึงตัดได้ไม่ยากนัก
ผ่านไปสักพักเธอได้หน่อไม้มาเจ็ดแปดหน่อ และได้ยินเสียงน้ำไหล ซีซวนเลยสะพายตะกร้าและมุ้งหน้าไปทางเสียงน้ำที่ได้ยินนั้น ไม่ไกลนักถึงได้เจอเข้ากับลำธารเล็กๆ ที่ทอดยาวลงไปตามเชิงเขา ซีซวนวางตะกร้าลงและเดินไปริมลำธารใช้มือเล็กปัดหน้าน้ำเพื่อไล่เศษใบไม้ จากนั้นใช้สองมือช้อนน้ำขึ้นมาดื่มกินเพื่อดับกระหาย
น้ำที่เย็นจัดและสดชื่นนั้นเมื่อเธอดื่มกินเข้าไปทำให้ร่างกายหายเหนื่อยไปในทันที เธอใช้มือเช็ดน้ำที่มุมปากแบบลวกๆ แล้วเดินไปตัดต้นไผ่ที่หักลงมาเพื่อทำกระบอกไม้ไผ่ไว้ใส่น้ำขนาดกลางนึงอัน แล้วเติมน้ำลงไป และหาไม้อุดรูกระบอกน้ำ เมื่อมองไปในน้ำที่ใสจนเห็นก้อนหินเรียงรายอยู่ด้านล่างลำธาร ซึ่งไม่ลึกเลยสักนิดและมีปลาตัวเล็กใหญ่แวกวายไปมา เธอจึงนำไม้ไผ่ที่เล็กและยาวมาทำปลายให้แหลมคม แล้วใช้แทงไปยังปลาตัวใหญ่ด้วยความแม่นยำ