ตอนที่ 5 เด็กสาวใจกล้า
เมื่อดวงตะวันขึ้นถึงจุดสูงสุดของวันอากาศก็อบอุ่นขึ้นมา ซีห่าวทำอาหารอ่อนมาให้เธอพร้อมกับยา เด็กสาวที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่กลับมามีชีวิตชีวาหน้าตาสดใสหน้าผากถูกผูกด้วยผ้าขาวเอาไว้รอบศรีษะ เธอเดินออกจากห้องนอนหลังจากกินยาเสร็จแล้วเธอเดินดูรอบบ้านเพื่อทำความคุ้นชิน บ้านนี้มีสามห้องนอนพ่อแม่หนึ่งห้อง น้องชายพี่ชายหนึ่งห้องและอีกห้องคือของซีซวน มีห้องโถงที่ไม่กว้างนักและห้องครัวเล็กอยู่ใกล้กัน รอบบ้านมีแปลงผักเล็กใหญ่ปะปนอยู่สามแปลง ผักก็ไม่สมบรูณ์นักเพราะขาดการดูแลจึงมีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นมาโบกมือทักทายอย่างละลานตา
“ฉันต้องไปจัดการห้องนอนของฉันก่อนไม่งั้นคงนอนไม่หลับแน่”
เมื่อนึกถึงสภาพห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่น ใยแมงมุมทุกทิศทางช่างไม่น่าสบอารมณ์เอาซ่ะเลย ซีซวนเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดที่มีอย่างจำกัดมาจัดการห้องที่ดูน่าเวทนานี้ ผ่านไปหลายชั่วยามถึงจัดการเสร็จ
พื้นที่ถูกเก็บกวาดเช็ดถูก บนเพดานไร้ซึ่งเพื่อนตัวน้อยแปดขาที่ไต่ไปมาน่าสะอิดสะเอียนพวกนั้น ถึงเธอจะไม่กลัวมันแต่ด้วยจำนวนที่เห็นนั้นทำให้ดูแล้วไม่สบายตานัก บวกกับใยแมงมุมที่มากเกินไปพวกนั้นเธอจึงไปหาไม้ที่ยาวหน่อยมาจัดการกับใยและแมงมุมพวกนั้น ที่นอนและผ้าห่มถูกนำไปซักด้วยสบู่และตากแดดยามบ่าย ข้าวของเครื่องใช้ที่มีอยู่ถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย แลดูน่านอนกว่าเดิมนัก
“อื้ม ต้องแบบนี้สิถึงจะเป็นห้องคน ที่เหลือไว้ค่อยทำต่อพรุ้งนี้แล้วกัน” ถึงแม้เธอจะขี้เกียจแต่ด้วยสภาพห้องทำให้ต้องต้องฝืนใจทำมัน
เมื่อพี่ชายของเจ้าของร่างเห็นน้องสาวลุกขึ้นมาทำความสะอาดห้อง ก็ต้องตกใจจนหัวใจแทบหลุดออกมา ดีเหลือเกินในที่สุดน้องสาวเขาก็เป็นโล้เป็นพายเหมือนเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันสักที (ข้าใกล้หลุดพ้นจากหน้าที่ทรหดนี่แล้วสินะ5555555555)
ข้าควรขอให้นางช่วยทำความสะอาดห้องท่านแม่และห้องของข้าด้วย หากเช่นนั้นบ้านจะต้องเป็นที่น่าอยู่ขึ้นมาเป็นแน่
“น้องสอง เจ้าช่วย...”
“ข้าจักทำความสะอาดบ้านวันถัดไป”
ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากขอร้องนางช่วยทำงานบ้านนั้นก็ได้คำตอบกลับมาก่อน เขาจำต้องกลืนคำพูดลงคอไปด้วยหน้าเหยเก
“อื้ม ดีจริงๆ น้องพี่ งั้นข้าจะไปทำอาหารเย็นให้เจ้ากิน เจ้าคงเหนื่อยแล้วสินะ พักดื่มน้ำก่อนเถอะ” เขายกกาน้ำเทใส่ถ้วยที่ทำจากดินเผาทรงกลมที่ไม่ใหญ่นัก ซึ่งวางไว้บนโต๊ะตรงกลางของโถงบ้านซึ่งปกติเป็นโต๊ะอาหาร ที่มีขนาดนั่งห้าคนได้สบายๆ แล้วยื่นให้ซีซวน แต่นางกลับเดินหนีและบอกว่าข้าจะทำอาหารเอง
“อาหารพวกนั้นที่ท่านทำมันอาจฆ่าข้าได้ ข้ากินมันไม่ลง” เมื่อทิ้งคำพูดแทงใจดำเสร็จก็เดินจากไปทางด้านนอกบ้านทันที
“ข้า...นี่! เจ้า” เขาถึงกับสตั้นไปหลายวินาที จนแทบกระอักเลือดออกมา เจ้าไม่คิดว่ามันสร้างความเจ็บปวดให้ข้างั้นหรือข้าตั้งใจทำอย่างดีเซียวนะ (เมื่อซีห่าวทำอาหารทุกครั้งเขาเขามักจะหยิบเครื่องปรุงแบบลวกๆ ใส่มั่วๆ ไปและไม่ได้ชิมมันเลยด้วยซ้ำ เพราะมั่นใจว่ามันจะออกมาดี ส่วนทางด้านท่านพ่อท่านแม่ด้วยเห็นว่าลูกเหนื่อยกับการดูแลมากแล้วเลยจำนนทนกินอาหารที่มีรสชาติที่ลืมไม่ลง เมื่อกินอาหารนานวันเข้าก็ชินกับรสชาตินั้นไปเสียแล้ว)
“อาหารที่ข้าทำนั้นรสชาติเป็นเลิศท่านพ่อท่านแม่ยังชมว่าเป็นอาหารที่น่าจดจำ อาหารที่ทำก่อนหน้านี้เจ้าก็ชอบมันมากไม่ใช่หรือ เจ้ายังบอกว่ามันอร่อยมากเหตุใดเจ้าถึงพูดเช่นนี้กับข้าซีซวน..เจ้านี่มันจริงๆ เลยหากอยากทำนักข้ายกหน้าที่ทั้งหมดให้เจ้าจัดการนับจากนี้” เสียงพูดที่ลอยตามหลังนางมาทำให้นางถอดถอนใจ
“ข้าจะกินมันได้อย่างเล่า เฮ้อ..” เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับมาแม้จะเบาแต่เขาได้ยินชัดเจนยิ่ง ซีห่าวจึงเดินไปห้องของมารดาเพื่อปรับทุกข์กับนางเรื่องอาหารที่โดนน้องสาวว่าให้สาดเสียเทเสียจนน้อยใจ เพราะมั่นใจในรสชาตินั้นเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นลูกชายคนโตเดินหน้างอเข้ามาพร้อมเล่าเรื่องราวให้นางซึ่งเป็นมารดาฟัง นางมองบุตรชายด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน (ข้าจะได้กินอาหารรสชาติเช่นไรนั้นไม่เป็นอันใดขอแค่ทุกคนในบ้านกินอิ่มก็เพียงพอ แต่ไม่นึกเลยว่าซีซวนนางจะกล้าบอกตามตรงออกไปเช่นนั้น)
“หากน้องเจ้าอยากทำอาหารนั้นเป็นเรื่องดีอิสตรีควรได้ฝึกฝน เมื่ออกเรือนไปจักได้ทำให้ครอบครัวของนางต่อไป เจ้าควรสนับสนุนน้องของเจ้า” เมื่อพูดจบนางชะเง้อคอมองไปทางประตูบ้านแล้วถามซีห่าวไป
“น้องเล็กของเจ้าไปไหนกันเหตุใดวันนี้ไม่เห็นมาเยี่ยมแม่เล่า” สองสามวันก่อนเจ้าสามอยู่บ้านทุกวันไม่ออกไปไหนและชอบมาคุยจ้อเพื่อนนางอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อเห็นนางผู้เป็นมารดาถามถึงเรื่องนี้ที่ทุกปกปิดไว้เป็นเรื่องน้องสอง ซีซวนนางได้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปีนต้นไม้เพื่อเก็บลูกพลับ แม้เขาที่เป็นพี่ชายจะห้ามปลามไปหลายครั้งก่อนหน้าว่าอย่าได้ไปปีนต้นไม้ที่สูงอาจตกลงมาได้และควรให้เขาที่เป็นพี่ใหญ่ไปทำแทนเพราะเขานั้นแข็งแรงกว่า แต่ใครจะคาดคิดว่านางนั้นแอบไปเก็บผลพลับกับน้องเล็กโดยไม่บอกกล่าวจนเกิดเรื่องขึ้น นางช่างใจกล้ายิ่งนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด