ตอนที่ 4 ต้องแก้ไข
“ซีซวน เจ้าเป็นอย่างไร เจ็บตรงไหน ลูกพ่ออย่าร้องไห้เลย” เมื่อห่าวหรานพูดจบ ความรู้สึกที่ถูกทับถมก็ก่อตัวตัวขึ้นกะทันหัน เธออดไม่ได้ที่จะพุ่งตัวเข้าหาพ่อที่เธอเทิดทูญ
เมื่อเห็นลูกสาวที่ฟื้นขึ้นมาสายตาจึงมองสำรวจร่ายกายลูกสาวตัวน้อยที่พึ่งอายุ11ปีลูกสาวคนเดียวที่มีของเขาเกือบจบชีวิตลง เขาทั้งโกรธทั้งโมโหตัวเองที่ทำให้ครอบครัวมีอาหารการกินที่ไม่เพียงพอเงินที่หามาได้ต้องเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นส่วนนึงเนื่องจากภรรยาของเขามีร่างกายอ่อนแอหลังจากคลอดบุตรคนเล็กเลยต้องนอนติดเตียงมานานพอควรหน้าที่ต่างๆ เลยตกเป็นของพ่อและพี่ชาย บ้านเลยอยู่สภาพอดสูเช่นทุกวันนี้
สองพ่อลูกกอดกันด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปคนนึงคิดถึงสุดใจอีกคนกลัวจะเสียลูกไปเมื่อเห็นเธออาการไม่ได้ดูแย่นักเขาจึงคลายอ้อมกอดที่อบอุ่น
“เร็วเข้ารีบเอายาที่ท่านหมอจงเตรียมไว้มาให้ซีซวน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นซีห่าวจึงรีบเดินออกจากห้องไปหยิบยาในกล่องมาให้ท่านพ่อเพื่อให้ซีซวนได้กิน
“ท่านหมอจงบอกไว้เมื่อเจ้าตื่นต้องทานยาตัวนี้จนครบ5วันก็จะหายเป็นปกติ” ห่าวหรานพูดด้วยใจที่เป็นสุข
“เจ้าใหญ่ไปทำโจ๊กให้น้องเจ้าซ่ะ” ห่าวหรานหันไปสั่งเจ้าลูกชายคนโตเมื่อเขาเดินกลับมา
“เหตุใดเจ้าไม่พูดอันใดเล่า ในยามปกติเจ้าพูดจาเยี่ยงนกเสียงใสกังวาน เหตุใดเล่าถึงเงียบเช่นนี้” ห่าวหรานสงสัยว่าเกิดอันใดกับลูกสาวอันเป็นที่รักของเขา หรือยังตกใจกลัวเหตุการที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หรือไม่
“ข้า..เพียงแค่เหนื่อยเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรมาก” โลกนี้ไม่เลวเลยทีเดียวขอแค่ได้อยู่กับครอบครัว ฉันจะทำให้ทุกคนอิ่มท้องหลังจากที่เธอมีความทรงของเศษเสี้ยวความทรงจำที่ไม่ปะติดปะต่อกันของเจ้าของร่างคนเก่า แต่ก็พอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรกับครอบนี้
“ข้าจะไปทำโจ๊กให้เจ้า เจ้าจะได้กินยารอข้าปะเดี๋ยว” ซีห่าวเดินออกจากห้องด้วยรอยยิ้ม ครอบครัวนี้ดีกับเจ้าของร่างคนเก่ามาก เจ้าของร่างคนเก่านั้นไร้เดียงสายิ่งนัก วันๆ ห่วงแต่เล่นและเอาแต่ใจ แต่ทุกคนก็เอาอกเอาใจเนื่องจากมีลูกสาวเพียงคนเดียวเลยยิ่งทำให้เธอนิสัยเสีย และเป็นคนชอบทำอะไรที่สนุกสนานไปวันๆ เท่านั้น
เฮ้อ ฉันต้องปรับเปลี่ยนตัวตนนี้ให้เป็นตัวตนเช่นฉันในภพก่อน ร่างกายนี้เบาะบางเกินไป เมื่อพี่ใหญ่ทำโจ๊กเสร็จก็ส่งไปให้เธอที่ห้องเพื่อให้เธอได้กินยา เมื่อกินยาเสร็จทุกคนเห็นท่าทีอ่อนเพลียของเธอเลยให้เธอได้พักผ่อน และแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตนเอง พี่ชายอยู่บ้านคอยดูแลแม่และเธอ ส่วนน้องเล็กอายุ9ปีแล้วเมื่อเห็นพี่สาวอาการดีขึ้นจึงออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนอย่างสบายใจ
พี่ชายคอยคุยเป็นเพื่อนแม่เพราะกลัวเธอเหงา แน่นอนว่าแม่ไม่รู้ว่าลูกสาวตัวน้อยก่อเรื่องจนถึงแก่ชีวิต เมื่อเธอกินอิ่มก็พักผ่อนเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู
“ห่าวหราน ซีซวนเป็นเช่นไรต้องให้ข้าไปตามท่านหมอจงหรือไม่ ข้าจะช่วยออกค่ารักษาให้เจ้าเองขอเพียงนางหายดีก็พอ” ลุงจ้าวกล่าวเมื่อเห็นห่าวหรานเดินกลับมา
“ขอบคุณ ท่านจ้าว ลูกสาวข้าปลอดภัยดี” ห่าวหรานกล่าวแต่สีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“แล้วเจ้าเป็นอันใดเล่า เหตุใดถึงทำหน้าเช่นคนปวดท้องเยี่ยงนี้” ห่าวหรานเมื่อได้ยินท่านจ้าวพูดจึงเล่าเรื่องที่ลูกสาวแปลกไปและนิสัยที่ดูเงียบสงบขึ้นของลูกสาว
“555ข้าว่าเป็นเรื่องดีหากนางจะดูเงียบลงและเป็นผู้ใหญ่ขึ้น” นางอายุ11แล้วควรจะปรับตัวและช่วยเหลือครอบครัวได้แล้ว ในยุคนี้อายุ10ขวบก็เริ่มทำงานช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้านแล้ว อายุ15แต่งงานมีครอบครัวเป็นเรื่องปกติทั่วไป หากนางจะปรับปรุงนิสัยให้โตขึ้นก็ไม่แปลกอะไรท่านจ้าวคิดว่าเป็นเรื่องที่หลังจากประสบเคาะห์ก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา
“ข้ารู้สึกไม่คุ้นเคย”
“เจ้าคิดมากไปแล้ว”
เมื่อเห็นลุงจ้าวคอยเสริมเขาจึงวางใจไปชั่วคราว หรือว่าสมองได้รับบาดเจ็บนิสัยเอาแต่ใจของนางเลยหายไปกันนะ ปกตินางต้องโวยวายและขอสิ่งที่อยากได้เมื่อนางเจ็บไข้ หากนางโตขึ้นและเลิกเที่ยวเล่นคงเป็นเรื่องดีสินะ