ตอนที่ 12 ขึ้นเขา ( 1 )
เมื่อแยกย้ายเข้าห้อง ซีซวนที่นั่งจ้องดวงไฟที่พริ้วไหวปลิวไปมาตามแรงลม เธอได้วางแผนการไว้ในใจก่อนขึ้นเขาในรุ่งเช้า บนเขานั้นอุดมสมบรูณ์มากเช่นนั้นมันต้องมีผักป่าหรือสมุนไพรป่าอยู่มากเป็นแน่ บางทีเธออาจโชคดีไปเจอเข้ากับโสมป่า100 ปี ก็เป็นไปได้ (ทำไมเธอคิดง่ายจังซีซวนอย่างกับเดินๆ ไปมันจะโผล่มาให้เธอเห็นง่ายๆ อย่างนั้น เหอะๆ เสียงหัวเราะในลำคอ)
เหมือนชาติที่แล้วระหว่างสำรวจป่าทีมของเธอได้เจอสมุนไพรเข้าโดยอังเอิญ ในตอนนั้นมีนายแพทย์ติดตามคนหนึ่งที่ยอมฝึกฝนในหน่วยอีกาดำและไปด้วยกันในทุกภาระกิจหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็จะสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที เธอถึงได้เกล็ดความรู้ทางด้านสมุนไพรติดตัวมาบ้าง (ไม่มากก็น้อยล่ะนะ)
เมื่อความคิดสิ้นสุดลง ซีซวนก็นั่งบนก้าวอี้ตัวเดิมที่วางตรงขอบหน้าต่าง ที่เธอเปิดไว้ท้องสองบานเธอแหงนหน้ามองดวงดาราโดยใช้แขนทั้งสองข้างวางราบตรงขอบหน้าต่างแล้วใช้หัวทุยเล็กๆ นั่นอิงแอบแขนบางด้วยใจล่องลอยไปพักใหญ่
เวลาเลยผ่านไปหนึ่งก้านธูป
“ฉันอยากได้อาวุธติดตัวไว้สักชิ้น เวลาขึ้นเขาจะได้สะดวกกว่านี้หน่อย”
หากเจอกระต่ายป่าหรือไก่ฟ้าเช่นวันนี้อีกจะได้กินเนื้อไก่ฟ้าสดใหม่บ้าง มันต้องอร่อยมากแน่ๆ หากมีคนทำกับข้าวอร่อยๆ ให้เธอได้กินอย่างสบายอุราคงดีไม่น้อย (ถ้ามีอ่ะนะ)
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงนึกถึงอาวุธที่มีในชาติก่อน มันทั้งพกพาง่าย สะดวกสบายใช้คล่องมือ การสร้างอาวุธสักชิ้นมันไม่ได้ยากนักเพาะเธอคือนักรบที่มีจิตวิณญาณในการสร้างอาวุธคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถึงจะขี้เกียจไปหน่อยแต่การออกแบบสร้างอาวุธก็ได้จากความคิดของเธอไปไม่น้อย ซีซวนได้คิดแบบร่างลักษณะสิ่งที่ต้องการตามความคิดไว้ในใจเป็นที่แล้วเรียบร้อย
คืนนี้จันทร์กระจ่างมวลหมู่ดาวส่งแสงระหยิบระยับทั่วทั้งท้องนภา หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่เห็นดาวเยอะขนาดนี้ เพราะท้องฟ้าที่เห็นดาวชัดหน่อยก็งคงเป็นบนภูเขาที่มีไฟน้อยนิด มันจะเทียบกับตอนนี้ได้ยังไงกัน
ภาพที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้ช่างงดงามตระการตายิ่งนัก อากาศที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง เธอสามารถหายใจได้อย่างเต็มปอด ค่ำคืนที่ไม่ต้องอดหลับอดนอน และไม่ต้องคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของศัตรูนี่สินะการใช้ชีวิตที่เธอใฝ่หา
พอคิดถึงความหลังเพื่อนที่สนิทของเธอจะรู้ข่าวการจากไปของเธอหรือยัง การต่อสู้จบลงหรือยังหัวหน้าและลูกทีมจะรอดกลับไปกันกี่คนกันนะ
“เฮ้อออ...คิดไปก็เท่านั้นฉันเป็นแค่คนที่ตายไปแล้ว” เมื่อคิดเช่นนั้นความคิดทั้งหมดก็หยุดลงเหลือแค่เพียงความทรงจำที่พัดผ่านไปพร้อมกับสายลมที่ปลิวร่องลอยหายไปในกาลเวลา (ช่างน่าเศร้านัก)
เมื่อลองมองให้ดีเธอตอนนี้ไม่ได้แตกต่างเด็กน้อยคนนึงเลยทั้งตัวเล็กน่ารัก ผิวสีขาวดุจน้ำนม ผมตรงยาวสลวย หน้ารูปไข่ คิ้วงามดั่งหงส์ ดวงตากลมโตเป่ลงประกายดุจมวลหมู่ดาว ก่อนหน้านี้มันช่างดูสดใสไร้เดียงนัก แต่มาบัดนี้ดวงตาคู่นั้นมีความเย็นชาเพิ่มเข้ามาอีกเล็กน้อย จมูกเล็กได้รูป ปากจิ้มลิ้มสีแดงอมชมพู แก้มป่องเล็กน้อยดูๆ แล้วช่างเหมือนตุ๊กตาบาบี้ในชาติก่อน หากได้รูปร่างหน้าตานี้ไปอยู่ในชาติก่อนเธอคงฮอตมาก เมื่อโตขึ้นคงเป็นราดาหรือเน็ตไอดอลที่น่าหลงไหล
แผลที่หน้าผากของเธอก็เริ่มหายดีแล้วเหลือเพียงร่องรอยทิ้งไว้ มันคอยย้ำเตือนว่านี่คือความจริง