บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 วิถีชีวิต

ผ่านมาหลายเดือนคำแก้วก็เริ่มปรับตัวได้เหมาะสมตามวัย กลมกลืนตามสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต แต่ก็จะมีบางครั้งที่เธอเผลอหลุดพูดอะไรที่มันเกินวัย พ่อศักดิ์กับแม่บัวเผื่อนมักจะสังเกตเห็น เกิดคำถามขึ้น ทำไมลูกสาวเรารู้ดี รู้ไปทุกอย่าง คำแก้วมักจะเบี่ยงเบนความสนใจหรือจะตอบเบี่ยงประเด็น ดูมาจากละครบ้าง คุณครูกุ๊กไก่สอนบ้าง

วันนี้เป็นวันเสาร์ อากาศค่อนข้างดีเพราะช่วงนี้เริ่มเข้าฤดูฝน เมื่อคืนก็เพิ่งตกทั้งคืนเพิ่งจะหยุดช่วงหกโมงเช้านี่เอง น้ำแข็งก็เลยมาชวนไปหาฮวกกบ(ลูกอ๊อด)แต่เช้า คำแก้วเห็นว่าโอกาสนี้ไม่ได้บ่อย ๆ ก็เลยชวนคำแพงไปด้วย ขอพ่อศักดิ์แม่บัวเผื่อนเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวที่เก่าที่สุดพร้อมจะเปื้อนโคลน กินข้าว เตรียมสวิง ถังน้ำขนาดเล็กสำหรับฮวกกบ(ลูกอ๊อด) และข้องเพื่อใส่ปลา

ทั้งสามตกลงกันว่าจะไปที่ไร่นาตาศรีไม่ห่างจากบ้านเท่าไร ระยะทางประมาณห้าร้อยเมตร

“แม่ไปแล้วนะ!”

“เออๆ ขอให้ได้ด้วยล่ะ”

เด็กทั้งสามถือข้าวของพะรุงพะรัง เดินไปนาตาศรีที่มีแปลงนาที่ติดกับลำห้วย เมื่อน้ำมากคันนาพังทลายแปลงนาตาศรีก็มักจะใส่ตะแกรงดักปลาทุกปี เหมือนกับปีนี้ ตาศรีแกเป็นคนใจดี เมื่อเด็ก ๆ มาถึงก็ไม่ลืมที่ขออนุญาตแกด้วยนำเสียงเล็กๆ คำแพงกับน้ำแข็งส่งสายตารบเร้าให้เธอเป็นคนจัดการเรื่องนี้

“ตาศรีจ๋า พวกหนูขอมาหาฮวกกบ(ลูกอ๊อด) ได้มั้ยจ๊ะ”

“อ้าว มาแต่เช้าเลยนะเด็ก ๆ เอาสิ หาเลยลูกเอ๊ย ตาก็ว่าลูกบ้านไหนเดินมาแต่ไกล ขยันจริง ๆ”

“แหะๆ วันหยุดไม่มีอะไรทำ พวกหนูอยากลองมาหาดูจ้ะ”

“ตามสบายเลยลูก ตาเข้าบ้านก่อนแล้ว ถ้าเห็นปลาก็จัดการจับมันเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณจ้า ตาศรี” คำแก้ว คำแพง และน้ำแข็งเอ่ยขอบคุณด้วยสีหน้าดีใจที่ตาศรีอนุญาตหาปลา หาฮวกกบ(ลูกอ๊อด)ในที่นาของแกได้

เมื่อตาศรีปั่นจักรยานออกจากตรงนี้แล้ว ทั้งสองก็เริ่มปฏิบัติการหาฮวกกบ(ลูกอ๊อด)ตามแปลงนาที่น้ำระดับพอดีไม่ลึกมากเพื่อจะทำช้อนฮวกกบ(ลูกอ๊อด)ทันที สามคนสามสวิง คนละจุดห่างกันพอประมาณ ส่วนถังน้ำและข้องตั้งไว้บนคันนา

เมื่อคิดว่าช้อนได้เกือบหมด หลายรอบก็รีบขึ้นบนคันนา วางสวิงลงแผ่ออกและเขี่ยหาฮวกกบ(ลูกอ๊อด)ทันที

“โอ้โห”

“ได้เยอะเหรอคำแก้ว”

“มาดูนี่สิ” คำแก้วกวักมือคำแพงและน้ำแข็งเพื่อไปดูสิ่งที่อยู่ในสวิง สิ่งมีชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฮวกกบ(ลูกอ๊อด) ตัวอ้วนประมาณยี่สิบกว่าตัว แมลงในน้ำอีกหลากหลายชนิด คำแก้วตาโตดีใจที่ตัวเองได้เยอะ

“ได้เยอะเลย ของคำแพงกับน้ำแข็งล่ะ”

“นี่ ได้เยอะเหมือนกัน”

“ได้เหมือนกันจ้ะ น้องคำแก้ว”

“ดีเลย เรานี่มันเก่งจริง ๆ หาต่อ ๆ” ได้มาเยอะทุกคนก็ยิ่งขยันช้อนจนผ่านไปเกือบชั่วโมงคิดว่าคงเพียงพอสำหรับวันนี้ ก็ตรงไปที่ดักปลาของตาศรีเผื่อจะได้จับปลาช่อนไปทำแกงหน่อไม้ส้ม(หน่อไม้ดอง)

“ดูสิ มีปลาช่อนมั้ย” คำแพงคลี่ผ้าสีเขียวออก ปลาช่อน ปลาหมอหลากหลายตัว ดิ้นไปมาราวกับตื่นเต้นที่จะมีคนมาจับมัน คำแก้วกับคำแพงใช้มือเล็ก ๆ ค่อย ๆ จับที่หัวของมือรีบกุมให้แน่นสนิทแล้วรีบใส่ข้องทันที ได้มาประมาณสิบตัว

ทั้งสามก็รีบกลับบ้านเพื่อจะนำปลาและฮวกกบ(ลูกอ๊อด)ที่หามาได้ไปอวดพ่อกับแม่

“กลับมาแล้วจ้า”

“ได้มั้ยล่ะเด็ก ๆ”

“คำแก้วไม่อยากจะอวดเลยจ้า นี่จ้ะแม่ได้เยอะ”

“ไหนมาดูสิ” แม่บัวเผื่อนชะโงกหน้าลงไปดูสิ่งที่อยู่ในถังน้อยก่อนจะอุทานออกมา

“นี่มัน!”

“เยอะใช่มั้ยล่ะ คำแก้วบอกแล้ว”

“ไอ้เยอะมันก็เยอะนั่นแหละลูก แต่นี่มันไม่ใช่ฮวกกบ(ลูกอ๊อด)”

“อ้าว!” เด็กน้อยทั้งสามมองหน้ากันอย่างงงงวย

“ก็เนี่ยดูสิ นี่มันฮวกเขียดตะปาด(ลูกอ๊อดเขียดตะปาด) กินไม่ได้นะเด็ก ๆ รีบเอามันไปปล่อยเลย”

“อ้าว” ถึงเธอจะอายุไม่ยี่สิบห้าปีแล้ว แต่ก็ต้องมีข้อผิดพลาดกับการแยกฮวกกบ(ลูกอ๊อด)ไม่ออกกันบ้าง ก็ไม่ได้หาตั้งนาน มันต้องมีการหลงลืมกันบ้าง คำแก้วส่งยิ้มจืดเจื่อนให้แม่บัวเผื่อน

“น้ำแข็งไม่รู้นี่นา”

“แหะๆ” คำแพง น้ำแข็ง และคำแก้วพูดเสียงอ่อย ๆ แม่บัวเผื่อนเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะขึ้น

“คราวหน้าเอาใหม่ก็ได้ เดี๋ยวป้าจะพาพวกเราไปเอง”แม่บัวเผื่อนบอกกับน้ำแข็งก่อนจะหันมองข้องที่ผูกติดเอวของคำแก้ว

“ว่าแต่ได้ปลาหรือเปล่าล่ะ”

“ได้สิจ๊ะ นี่ไงแม่” บัวเผื่อนกลัวลูกและหลานสาวจะเสียใจจึงดูและกล่าวชมด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“โอ้โห! ได้ตั้งสิบกว่าตัว เด็ก ๆ เก่งมากลูก แบ่งกันเร็ว”

“พวกเราเก่งใช่มั้ยล่ะแม่ คำแก้วบอกแล้ว” เด็กสามคนยิ้มเขินกับคำชมเหลือแต่คำแก้วที่ยังกล่าวยกยอตัวเองต่อหน้าแม่บัวเผื่อน

“เก่งจ้ะ เอ้านี่คนล่ะห้าตัว น้องน้ำแข็ง”

“ขอบคุณค่ะ คุณป้า” น้ำแข็งเอ่ยจบก็รับปลาที่อยู่ในถังแล้วเดินกลับบ้าน เป็นอันว่าวันนี้ทุกคนก็ได้กินแกงหน่อไม้ส้มใส่ปลาช่อน ปลาหมอ อย่างเอร็ดอร่อยด้วยฝีมือหาปลา(ที่ดักปลาของตาศรี) อิ่มแปล้กันเลยทีเดียว

วันหยุดอาทิตย์นี้สนุกจริง ๆ จะมีอะไรให้ทำอีกมั้ยเนี่ย เธอตื่นเต้นจะแย่อยู่แล้ว

โรงเรียนบ้านไม้งาม

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาวนาเริ่มไถนา และหว่านกล้า โรงเรียนของคำแก้วก็เหมือนกัน มีการคราดไถนา และหว่านกล้า ภายในโรงเรียนแห่งนี้ผ.อ.อยากให้เด็ก ๆ เรียนรู้การทำนา จึงได้ทำแปลงไว้สองแปลงเพื่อให้นักเรียนได้ทำเป็น แต่ข้อนี้คำแก้วอยากโต้แย้งอยู่นะ ก็เด็ก ๆที่มาเรียนนะส่วนมากพ่อแม่ก็ทำนาอยู่แล้ว เรื่องการทำนาทำไมจะทำไม่เป็น หรือเธอคิดเยอะเกินไป

แต่ก็ช่างเถอะ เอาจริง ๆ ในช่วงการทำนาแต่ละขั้นตอน ไม่ว่าจะถอนต้นกล้า ดำนา เกี่ยวข้าว พวกเราสองคนพี่น้องชอบการเกี่ยวข้าวที่สุดแล้วเพราะดำนามันมีตัวเหมือนไส้เดือนตัวเล็ก ๆสีแดงเต็มไปหมด เธอก้มไปมองมัน เพ่งสายตาจับจ้องอยู่นานก็พบว่ามีเยอะมาก หลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็ไม่ว่าอะไรอีก อยากทำก็ทำไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ แล้วแต่พวกเธอสองคน ใจดีใช่มั้ยล่ะ แม่บัวเผื่อน แต่อย่าให้โมโหนะ เดี๋ยวรู้เรื่อง

ผ่านไปไม่นานต้นกล้าที่หว่านก็เติบโตความสูงพอที่จะดำนาได้แล้ว คุณครูกุ๊กไก่จึงได้แจ้งก่อนกลับบ้านให้เตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเพื่อที่จะลงดำนาวันพรุ่งนี้ คำแก้วก็แอบดีใจนิดหน่อยนะเพราะถ้าต้องดำนาแสนเหนื่อยแต่มีเพื่อน ๆ ร่วมด้วยช่วยกันมันต้องสนุกแน่ ๆ อย่างน้อยพรุ่งนี้คงงดการเรียนแน่นอน เธอมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์

วันต่อมา

07.30 น.

หลังจากเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จคุณครูก็ประกาศเลิกแถวเหลือไว้แค่ชั้นปอสี่ถึงปอหกให้นั่งลงฟังเรื่องที่จะแจ้งต่อไป

“เด็ก ๆ ชั้นปอสี่ถึงปอหก เลิกแถวแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เราจะลงดำนากัน ทั้งคุณครูและผ.อ.ด้วยจ้ะ แยกย้ายกันได้เลย” คุณครูประจำชั้นปอหกเอ่ยจบเด็กน้อยก็แยกย้ายด้วยสีหน้าตื่นเต้น

เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย คำแก้ว แก้ม น้ำแข็ง และเบส ก็เดินไปรวมตัวที่ข้างแปลงนาสองแปลงที่ติดกับริมสระน้ำ คุณครูและผ.อ.ยืนรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

“มาครบกันแล้ว ฟังผ.อ. พูดเปิดงานกันก่อนลูก” คุณครูกุ๊กไก่บอกให้นักเรียนตั้งใจฟัง

“สวัสดีครับ เด็กนักเรียนชั้นปอสี่ถึงปอหกที่น่ารักทุกคน วันนี้เป็นวันดีที่เราทุกคนจะมาร่วมสร้างความทรงจำในการดำนาร่วมกัน ครั้งนี้ผ.อ.อยากให้เด็ก ๆ ตั้งใจทำให้เต็มที่และเรียนรู้การทำนาว่ากว่าจะได้แต่ละเม็ดชาวนาอยากลำบากแค่ไหน ฉะนั้นพวกเราทุกคนก็มาร่วมแรงร่วมใจกันให้ผลผลิตสองแปลงนาเหล่านี้บรรลุผลได้ข้าวเยอะ ๆ ให้สมกับพวกเรามุ่งมั่นตั้งใจในรายวิชาการเกษตรนี้ด้วย ขอบคุณครับ”

ผ.อ.กล่าวจบทุกคนก็ปรบมือเสียงดัง ก่อนที่ผ.อ.จะประเดิมคนแรกหยิบมัดต้นกล้าหนึ่งกำมือลงไปในแปลงนา ตามด้วยคุณครูและเด็กนักเรียนที่ได้คนละกำมือ ระยะห่างกันพอประมาณ คำแก้วดึงต้นกล้าปักลงในโคลนตมได้สามถึงสี่ต้น เสร็จแล้วก็กะระยะห่างระหว่างต้นประมาณสิบห้าถึงยี่สิบเซนฯ เธอดำนาถอยหลังจนสุดแปลงนาที่ไม่ใหญ่มากนัก แป๊บเดียวก็เสร็จ เธอขึ้นมานั่งรอที่คันนา รอเพื่อน ๆ ที่ยังคงทำต่อไป

จนผ่านไปเกือบประมาณสิบโมงเช้า ทั้งสองแปลงก็เต็มไปด้วยต้นกล้าที่ทุกคนร่วมด้วยช่วยกันจนออกมาเสร็จสมบูรณ์ สภาพแต่ละคนเนื้อตัวมอมแมมกันหมด ผ.อ.เห็นอย่างนั้นก็ได้ซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และขนมนมเนยให้เด็ก ๆ และกินข้าวเที่ยงกันเสร็จก็อนุญาตกลับบ้านได้ เพราะเด็ก ๆใช้พลังงานไปไม่น้อยคงจะเหน็ดเหนื่อยกันมาก

วันนี้จึงเป็นการเลิกเรียนที่เร็วที่สุดที่เคยมีมา คำแก้วยิ่งชอบใจใหญ่ ไม่ได้เรียน ได้กินของเยอะแยะเลย และถึงจะเหนื่อยแต่มันก็คุ้มค่าก็สิ่งที่ได้รับ

กลับบ้านมาก็อาบน้ำ ผูกเปลนอนกลางวันที่ใต้ถุนบ้าน พ่อศักดิ์กับแม่บัวเผื่อนตอนนี้คงอยู่ที่นา ส่วนคำแพงไปโรงเรียน สบายสุดก็คงเป็นคำแก้ว

ข้อดีของการเป็นเด็กน้อย เรียน เล่น กิน ไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัว เธอชอบช่วงเวลานี้ที่สุดแล้ว

คืนหนึ่งคำแก้วฝัน มันทั้งมืดและดูน่ากลัว มองไปทางไหนมีแต่บรรยากาศที่วังเวง แต่เดินไปสักพักใหญ่ คำแก้วได้ยินเสียงคนแก่ แสงสว่างตรงหน้าทำคำแก้วต้องหลับตา และค่อย ๆ ลืมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

“สบายดีไหมโยม”

“หลวงปู่”

“ถึงเวลาไปอีกห้วงเวลาหนึ่งแล้ว”

“คำแก้วต้องกลับแล้วเหรอคะ หลวงปู่”

“…”หลวงปู่ส่ายหน้าก่อนจะยืนนิ่ง ก่อนที่เธอจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ

เฮือก! กวาดสายตามองภาพตรงหน้า สิ่งของต่าง ๆ เหมือนเดิม ห้องนอนที่บ้านเรือนไม้ของเธอเองนี่นา ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะกลับไปตายไปเสียอีก

“คำแก้ว จะไปโรงเรียนมั้ยลูก จะสายแล้ว”

“จ้าแม่” แม่บัวเผื่อนส่งเสียงปลุกเธอเหมือนเดิมทุกครั้ง เธอมองไปขวามือ ที่นอนว่างเปล่า คำแพงคงกำลังแต่งตัวอยู่ด้านนอก คำแก้วรีบเดินลงไปข้างล่างระหว่างทางหางตาก็เห็นพี่สาวของเธอกำลังทาครีมบำรุงผิวหน้า

เอ๊ะ! เธอสังเกตเห็นคำแพงใส่ชุดนักเรียนมัธยมปลายนี่นา แล้วเธอล่ะ?

คำแก้วรีบไปส่องกระจกทันที คนตรงหน้า นี่มัน! ตัวเธอในช่วงมัธยมต้น เธอไม่อยากจะเชื่อนึกว่าจะต้องใช้ชีวิตตามการกำหนดระยะเวลาที่สั้นขนาดนี้ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะข้ามเวลามาถึงสามปี จากเด็กสิบขวบมาอายุสิบสามปี

“อะไร ออกไปสิ จะทาครีม มายืนบังคนสวยอยู่ได้” คำแพงบอกน้องสาวที่มายืนบังหน้ากระจก แต่คำแก้วไม่สนใจรีบหันกลับมาถามด้วยความสงสัย

“วันนี้วันอะไรอ่ะ”

“วันจันทร์ไง บ้าปะเนี่ย”

“วันที่จ้า” คำแก้วเหลือกตาใส่พี่สาว กวนอยู่ได้คนกำลังซีเรียส

“สิบหกพฤษภาคม พ.ศ.25XX พอใจยัง”

“อ้อ”

“หลบสิ คนสวยจะแต่งตัว”

“จ้า สวยแล้วจ้า” คำแก้วเอ่ยประชดประชันเล่น ๆ ความจริงพี่สาวเธอออกจากน่ารัก แก้มกลม ตัวขาวใส ตัวเล็กสูงแค่หนึ่งร้อยห้าสิบห้าเอง ส่วนคำแก้วนะเหรอ เธอมีใบหน้าคม ผิวสีน้ำผึ้งที่เนียนสวย ส่วนสูงตอนนี้จากเป็นคนตัวเล็กผอมเพรียว ส่วนสูงเลยพี่สาวมาสามเซนติเมตร พี่น้องสองคำเหมือนฝาแฝด แฝดคนละฝามากกว่า พี่สาวได้สีผิวเหมือนแม่ ส่วนเธอได้สีผิวเหมือนพ่อ

จากเด็กคล้ำ ๆ ในวัยเด็ก ช่วงมัธยมต้นต้องหาอะไรมาขัดผิวดูแลตัวเองเสียหน่อย เผื่อจะมีคนรู้ใจกับเขาบ้าง อดีตที่ผ่านมาชอบผู้ชายแค่คนเดียวก็เป็นช่วงนี้ไม่สมหวังซะได้ คราวนี้ล่ะ หึหึหึ คำแก้วหัวเราะชั่วร้าย

“หัวเราะอะไร ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันรถประจำทางนะ” คำแพงเร่งน้องสาวทันที แต่คำแก้วนึกในใจ ตัวเองได้ขี่มอเตอร์ไซต์กับเพื่อนที่มารับ ส่วนเธอได้ไปรถประจำทาง ไปคนละเวลามาเร่งทำไม งง

ต้องรีบอาบน้ำ เพื่อน ๆ ที่น่ารักกำลังรอเราอยู่

“ลั้ลลัล ลา”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel