บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 เพื่อนใหม่

ตื่นขึ้นมาในร่างเด็กอายุสิบสามปีทำเธอมึนงงและสับสนเล็กน้อย คำแก้วไหว้พ่อกับแม่ก่อนจะออกมานั่งรอศาลาหน้าหมู่บ้านกับน้ำแข็ง ตอนนี้เป็นเวลาประมาณหกโมงสี่สิบนาที รอไม่เกินห้านาทีรถประจำทางก็มาพอดิบพอดี

ขึ้นมาบนรถก็เลือกเบาะนั่ง มีคุยสัพเพเหระกับน้ำแข็งกันบ้าง เด็กน้อยน้ำแข็งตื่นเต้น และประหม่ากับการเรียนโรงเรียนใหม่

“น้ำแข็งตื่นเต้นจัง”

“อืม”

“คำแก้วล่ะ?”

“เฉย ๆนะก็เป็นธรรมดานี่นาของการเรียนโรงเรียนใหญ่ขนาดนี้ แต่เดี๋ยวน้ำแข็งก็ชิน ทำตัวตามสบาย ชิล ๆ เชื่อคำแก้ว”

“เอ๋ คำแก้วพูดเหมือนเคยเรียนที่นี่อย่างนั้นแหละ”

“อ๋อ คำแก้วพูดไปเรื่อยอย่าสนใจเลย โน่น ถึงแล้ว” เผลอหลุดปากอีกแล้ว มันต้องมีสักวันแหละที่เธอจะเผลอพูดเรื่องราวทั้งหมดให้น้ำแข็งฟัง เหม่อลอยทีไรเป็นเรื่องทุกที

น้ำแข็งจึงสนใจสถานที่ตรงหน้ามากกว่า รถประจำทางจอดที่หน้าโรงเรียน เด็กนักเรียนจึงค่อย ๆทยอยเดินลงจากรถ การเดินทางจากบ้านไม้งามมาถึงโรงเรียนประจำอำเภอใช้เวลาประมาณห้าถึงสิบนาที เพราะมันใกล้มากระยะทางสองกิโลเมตรเอง

รั้วสีขาว มีป้อมทางเข้า และคุณครูและนักเรียนฝ่ายปกครองมายืนต้อนรับอย่างพร้อมเพรียงกัน ชุดนักเรียนสีขาวกระเป๋าเป้ของทางโรงเรียน และทรงผม รองเท้า การแต่งกายของนักเรียนต้องตรงตามระเบียบวินัย

โรงเรียนประจำอำเภอแห่งนี้ก่อตั้งได้หลายปีแล้ว และพ่อศักดิ์ยังเป็นนักเรียนรุ่นแรกจนมาถึงรุ่นของเธอ มีนักเรียนชั้นมัธยมต้นและปลายรวมทั้งหมดหนึ่งพันห้าร้อยคน จึงค่อนข้างใหญ่ อาคารเรียนหลักมีสามอาคาร อาคารหนึ่งถึงสามอาคารหนึ่งเป็นภาครายวิชาภาษาไทย สังคม แนะแนว นาฏศิลป์ มีห้องประชุมคณะอาจารย์และห้องพักอาจารย์ อาคารสองเป็นรายวิชา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และอาคารสามเป็นส่วนของรายวิชาภาษาต่างประเทศ ส่วนอาคารต่าง ๆ จะแยกออกไป มีอาคารชั่วคราว อาคารหัตถกรรม เกษตร ห้องสมุด และดนตรี

ภายในโรงเรียนมีสนามฟุตบอลที่กว้างมาก สนามฟุตซอล สนามบาสเกตบอล สนามตะกร้อ มีต้นไม้ใหญ่เขียวชอุ่ม เธอไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้วหลังจากจบมัธยมปลายก็ไม่ได้กลับมาเยี่ยมอีกเลย คิดถึงและแอบใจหาย กลัวว่าสิ่งที่ตรงหน้าจะไม่ใช่ความจริงเป็นแค่ความฝัน เอาเถอะถือว่าตอนนี้เธอเป็นคำแก้วในวัยกระเตาะที่น่ารักที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอ เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาเธอพร้อมรับมือทุกปัญหา

เข้ามาตามถนนทางเดิน คำแก้วก็ชวนน้ำแข็งนั่งตรงม้าหินอ่อนข้างสนามบาส เพราะเป็นจุดหน้าเสาธง ไม่นานเธอก็เห็นแก้มจึงเรียกมานั่งด้วยกัน ว่าแต่เบสไปไหน? เธอพลาดอะไรไปกันนะ

“แก้ม แล้วเบสล่ะ ไม่มาด้วยกันเหรอ”

“อ้าว เบสย้ายไปแล้ว ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ คำแก้วจำไม่ได้เหรอ ก็เบสบอกคำแก้วคนแรกนี่นา” แก้มตอบกลับด้วยสีหน้างงงวยกับคำถามของเธอ คำแก้วลืมหรือล้อเล่นกันแน่

“ล้อเล่นใช่ม้า” น้ำแข็งถามคำแก้วหน้าเจ้าเล่ห์

“คำแก้วล้อเล่น ก็แหมคิดถึงเบสไง พูดไปเรื่อยน่ะ แหะ ๆ” เกือบไปแล้วไหมล่ะ ดีนะที่เธอมีสกิลการพลิกลิ้นราวกับปรมาจารย์จอมแถ แถจนสีข้างถลอกปอกเปิก

“เราอยู่ด้วยกันใช่มั้ย ห้องไหนนะ?”

“ห้องเจ็ดไง อย่าบอกนะว่าลืมอีกแล้ว”

“บ้า คำแก้วลองเชิงแก้มกับน้ำแข็งต่างหากล่ะ” ขณะที่พูดกับเพื่อน เหงื่อเริ่มไหลออกตามขมับอย่างช้า ๆ เสียงสวรรค์ก็เหมือนมาช่วยชีวิตเด็กตาดำ ๆ ตัวน้อย ๆคนนี้

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง

“ถึงเวลาเข้าแถวหน้าเสาธงกันแล้ว” เสียงประกาศจากลำโพงกระจายเสียงดังไปทั่วภายในโรงเรียน ทำให้ทั้งสามรีบลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวเข้าแถวเคารพธงชาติ นักเรียนมากมายทยอยกันมายังจุดที่อาจารย์ประจำชั้นมัธยมยืนรอ แต่ละคนจัดแถวตามระเบียบ ใครตัวเล็กสุดยืนข้างหน้า เรียงตามความสูง คำแก้วตัวเล็กสุดจากทั้งสามคนจึงได้มายืนเป็นคนที่ห้า น้ำแข็งห่างออกไปประมาณเจ็ดคนและแก้มที่สูงที่สุดของฝ่ายหญิงห้องของเธอ ยืนคนสุดท้าย ทั้งคู่นิ่งเงียบและส่งสายตาน่าสงสารมาให้เธอ

คำแก้วได้แต่สงสารเพื่อนรัก เธอมองหาเพื่อนในกลุ่มไม่ว่าจะเป็นมิน จ๊ะ เพชร และนาง ทั้งสี่คนคือเพื่อนในกลุ่มและสนิทใจกันในช่วงมัธยมจนถึงปัจจุบัน ความทรงจำมากมายก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามา

เด็กสาวเพิ่งค้นพบว่าช่วงวัยเรียนมัธยมเป็นความทรงจำที่ดีที่สุด นอกจากนั้นมีแต่ความขมขื่น เป็นผู้ใหญ่มันทั้งเหนื่อยและท้อง่ายดาย เธอจึงจะกลับมาตีสนิทเพื่อนรักตรงหน้าอีกครั้งหรือต่อให้ต้องย้อนอีกสักกี่ครั้งเธอก็จะทำเหมือนเดิม มิตรภาพของพวกเธอช่างงดงามและเป็นความรักความจริงใจที่หาไม่ได้อีกแล้ว

ตรงหน้าเธอคือมิน เพชรและนางอยู่ด้านหลังเธอ ส่วนจ๊ะนั่งด้านหน้าของแก้ม

“อะแฮ่ม เธอๆ” คำแก้วแตะที่ไหล่มินเนี่ยน ฉายาที่เธอตั้งให้เพื่อนรัก สะกิดเบา ๆ ร่างน้อย ๆหันมา เธอจึงยิ้มแฉ่งด้วยสายตาเบิกบาน ราวกับว่ามินเนี่ยนคุ้นเคยกับคำแก้วมาก่อน เธอส่งยิ้มกลับมาทันที

“อะไรเหรอ”

“เราชื่อคำแก้ว เธอล่ะ”

“เราชื่อ มิน”

“อื้ม ค่อยคุยกันนะ อาจารย์เดินมาทางนี้แล้ว” แผนแนะนำตัวสำเร็จเหลือสองคนข้างหลัง ไม่รู้อารมณ์ดีมาจากไหน หัวเราะคิกคักกันสนุกสนาน แต่นี่แหละเสน่ห์ของสองคนนี้ คนหนึ่งชงคนหนึ่งตบมุกตลก เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เดี๋ยวรอโอกาสสักพัก คำแก้วจะจับทุกคนรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างตำนานเจ็ดสาวเซเว่นเดย์ให้ได้!

เด็กสาวคำแก้วร่างเล็กกระจิริดแต่จิตใจเป็นผู้ใหญ่ ตอนนี้เธอกำลังกลมกลืนไปกับอดีตที่เคยผ่านมา เมื่อร้องเพลงเคารพธงชาติ สวดมนต์ กล่าวคำปฏิญาณตนเรียบร้อย แต่ก็ยังไม่เลิกแถวสักที ตอนนี้น่าจะประมาณแปดโมงครึ่ง พระอาทิตย์แรงกล้ากำลังสาดลำแสงร้อนแรงเข้ากับผิวมนุษย์นักเรียนที่นั่งหน้าสลอน อาจารย์แจ้งกำหนดการ เรื่องต่าง ๆ กล่าวจบ คณะนักเรียนจึงเชิญผู้อำนวยการของโรงเรียนขึ้นมาพูดต่อทันที

มาแล้ว คนสำคัญในโรงเรียน เธอต้องฝึกความอดทนอีกแล้วเหรอเนี่ยเด็กน้อยคร่ำครวญในใจ นับนิ้ว นับคนที่อยู่แถวเดียวกันก็แล้ว ขีดเขียนพื้นเล่นก็แล้ว จนเริ่มเบื่อหน่าย ไม่รู้เมื่อไหร่จะปล่อยไปเรียน เฮ้อ!

“สวัสดี นักเรียนที่น่ารักทุกคน วันนี้ผ.อ.ก็ไม่มีอะไรมาก อยากจะขึ้นมาพูดสักสองสามเรื่อง เรื่องแรกเกี่ยวกับการเปิดภาคเรียนวันนี้เป็นวันแรก อยากจะให้ลูก ๆ นักเรียนตั้งใจเรียนกันอย่างเต็มที่ …………” คำแก้วจับใจความได้เท่านี้ นอกนั้นเธอต้องนั่งข่มอารมณ์ให้นิ่งสงบเหมือนน้ำร้อนลวกไก่ที่เดือดปุด ๆ พยายามท่องพุทโธธัมโม สังโฆ ในใจหลายรอบแดดร้อนจนแทบทนไม่ไหว หันไปมองทุกคนรวมทั้งอาจารย์ที่ยืนแต่ละมุม เป็นอันรู้กันว่าการพูดของผ.อ.จะต้องไม่ต่ำกว่ายี่สิบนาทีเป็นอย่างต่ำแน่นอน

ก็คำแก้วเคยผ่านมาแล้ว ตูดดำจนด้านแล้วด้านอีก

“สุดท้ายนี้ผ.อ. อยากให้ลูก ๆ ตั้งใจเรียนหนังสือหนังหา โตไปจะได้ทำงานดี ๆ ขอบคุณครับ”

ผ.อ.โรงเรียนประจำอำเภอเอ่ยจบเสียงทุกคนปรบมือให้ดังก้องทั่วทั้งลานหน้าเสาธง ในที่สุดก็มาถึงแล้ว เวลาที่ทุกคนรอคอย ร้อนจนเหงื่อแตกซก ๆ รักแร้เปียกตั้งแต่ยังไม่เริ่มเรียนกันเลย

เลิกแถวปุ๊บเธอรีบเดินไปหาน้ำแข็งปั๊บ คำแก้วชวนมินเนี่ยนมาด้วยเพราะเห็นว่าตัวคนเดียว ซึ่งจ๊ะก็ยืนอยู่ข้างแก้มพอดี เหลือแค่เพชรกับนาง วันนี้จะต้องรวมกลุ่มให้ได้

เธอบอกตัวเองเป็นมั่นเป็นเหมาะ

“นี่จ๊ะ”

“ส่วนนี่มิน”

“พวกเราสามคนเป็นเพื่อนกันมาก่อน เราน้ำแข็ง คนนี้คำแก้ว ส่วนคนสุดท้ายตัวสูงๆ ชื่อ แก้ม”

“อื้อ รู้จักกันแล้วพวกเราไปเรียนคาบแรกกันเถอะ”

“ไปกัน!”

เด็กสาวชั้นมัธยมต้นเดินกันไปเป็นกลุ่มคาบแรกของการเรียนวันนี้คือ วิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งตอนนั้นคำแก้วไม่รู้เรื่อง อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ แปลก็ไม่เข้าใจ มาตั้งใจเรียนจริง ๆตอนมัธยมปลาย ถึงจะช้าเธอก็ทำเต็มที่แล้วล่ะ

“Good morning teacher (สวัสดีตอนเช้าครับ/ค่ะคุณครู)”

“Hello How are you? (สวัสดีจ้ะ เป็นอย่างไรบ้างสบายดีไหม?)”

“I’m fine and you? (ฉันสบายดีแล้วคุณล่ะ?)”

“I’m good thank you sit down please. (ครูก็สบายดีขอบคุณที่ถามจ้ะ ได้โปรดนั่งลง)”

“Thank you teacher(ขอบคุณครับ/ค่ะคุณครู)”

บทสนทนาการทักทายคำแก้วจำได้ตั้งแต่เด็ก ตอนเรียนครั้งแรก อาจารย์จะสุ่มเลขที่แปลความหมายภาษาอังกฤษ ซึ่งตอนนั้นคำแก้ว น้ำแข็ง แก้ม ไม่รู้เรื่อง ไม่มีดิกชันนารีไม่พร้อมเอาเสียเลย ขายหน้าโรงเรียนเก่าที่สุด อับอายมาก

“เลขที่สิบคำว่า eraser แปลว่าอะไรลูก ”

เลขที่สิบตัวเธอนี่นา ได้เลยคำนี้ คำแก้วจำได้ เด็กหญิงร่างเล็กจ้องมองและตอบกลับอย่างภาคภูมิใจ “แปลว่ายางลบค่ะ”

“…” สีหน้าทุกคนนั่งลุ้นคำตอบของเธอ ถ้าเธอตอบได้ทุกคนจะโล่งใจ อาจารย์จะได้ไม่เรียกสุ่มอีกไง ความคิดนี้เป็นกันทุกคน เธอรู้ดี

“Correct(ถูกต้อง)เก่งมากจ้ะ”

แปะ แปะ แปะ เสียงปรบมือดีใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งห้องเจ็ด รวมทั้งน้ำแข็ง แก้ม ที่แปลกใจกับความรู้ของคำแก้ว เธอยิ้มหน้าแห้งกลับไป ต้องหาเหตุผลดี ๆให้เพื่อนทั้งสองคนไม่สงสัย

“เอาล่ะ นักเรียนอย่าลืมหาเพื่อนทำงานในกลุ่ม จับกลุ่มไม่เกิน 7 คน เขียนแผนผังความคิด(Mind mapping)เกี่ยวกับโครงสร้างภาษาอังกฤษ”

“Thank you Teacher!(ขอบคุณครับ/ค่ะคุณครู)”

กริ๊งง

เสียงออดดังขึ้นช่วงเวลาที่อึดอัดก็จบลง ทุกคนถอนหายใจโล่งอกกันหมด ก็เด็กส่วนมากไม่ชอบวิชาภาษาต่างประเทศกันเพราะทุกคนเห็นว่ามันยาก ต้องท่องศัพท์ จำและออกเสียง เด็กน้อยพวกนี้เลยไม่ชอบถึงขั้นแอนตี้วิชานี้

“คำแก้ว รู้คำศัพท์นั้นได้ยังไงน่ะ”

“อือ ใช่แก้มกำลังจะถามอยู่พอดีเลย”

“ก็มินเนี่ยนนะสิบอกเรา มินเนี่ยนเก่งภาษา”

“จริงเหรอ ถ้างั้นน้ำแข็งก็อยากเก่งภาษาอังกฤษเหมือนกัน ต้องไปหัดเรียนรู้เคล็ดลับวิชาจากมินเนี่ยนซะแล้ว”

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้น้ำแข็งชอบภาษาอังกฤษมาก ตั้งใจท่องศัพท์ เรียนรู้ อ่านเขียนในวันหยุด จนสอบได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งของห้อง ส่วนคำแก้วเพราะความขี้เกียจล้วน ๆ ภาษาที่ชอบที่สุดคงเป็นภาษาเกาหลี ติดโอ้ปป้าเกาหลีมัวแต่ฝึกเต้นตามเพลงใหม่ จึงไม่ค่อยสนใจการเรียน แต่ดีที่มาตั้งใจในช่วงมัธยมปลายและบุญในชาติก่อนด้วยล่ะมั้งทำให้เธอมุ่งมั่น ขยัน จนได้ทำงานทำการในบริษัทใหญ่

“เราขอเข้ากลุ่มได้มั้ยจ๊ะ”เสียงเพชรเอ่ยถามกับคำแก้วที่กำลังเดินไปเรียนคาบต่อไป

“อื้อ ได้สิครบเจ็ดคนพอดี”

“เราสองคนไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษ แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ”

“เราไม่เก่งเลย ฮ่าฮ่าฮ่า ทำตัวตามสบาย ๆ พวกนั้นเก่ง ไม่ต้องห่วง”

“อย่าถ่อมตัวสิ เรารู้ว่าเธอเก่ง เนาะนาง”

“…”เพชรหันไปถามความเห็นจากนางที่พยักหน้าตอบรับทันควัน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ช่างเถอะ ไปเรียนวิชาต่อไปกัน”

“จ้า”

เมื่อนั่งเรียนคาบสุดท้าย คำแก้วก็ได้บอกเพื่อนว่าเพชรกับนางจะมาอยู่ในกลุ่มงานวิชาภาษาอังกฤษ และทั้งเจ็ดก็เริ่มเดินไปเรียน เจอกันช่วงพักเที่ยงก็ทักทาย ชวนมานั่งเล่นด้วยกัน จนสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง คำแก้วรอคอยเวลานี้มาตลอด เพื่อนกลับมารู้ใจกันอีกครั้ง

คาแรกเตอร์เพื่อนของเธอมีเอกลักษณ์แตกต่างโดยสิ้นเชิง

น้ำแข็ง-สาวสวยประจำกลุ่ม(เป็นลูกพี่ลูกน้องของคำแก้ว) โดดเด่นไม่ว่าจะหน้าตาขาวหมวย มีเสน่ห์และเพศตรงข้ามต้องเหลือบตามองตามเสมอไม่ว่าจะเดินไปทางไหน

แก้ม-เพื่อนสนิทช่วงเรียนประถมจนถึงมัธยม สูงที่สุดในกลุ่ม หน้าตาดึงดูดทุกเพศ เล่นกีฬาเก่งมาก

เพชร-ตัวโจ๊กของกลุ่ม ชอบเล่าเรื่องตลกเรื่องฮา ตัวสร้างสีสันเสียงหัวเราะ เป็นคนตัวเล็ก ผอมเพรียว ผิวขาวเหลือง

นาง-ตัวฮาของกลุ่ม หัวเราะได้ทุกมุกตลกของเพชรที่ชงมาให้ คู่หูกันเลยก็ว่าได้ มีเสน่ห์ที่รอยยิ้ม

จ๊ะ-เจ้าแม่นักแต่งกลอน ชอบเกาะแกะแก้ม สูงรองจากแก้ม ผิวสองสี

มิน-อาหมวยคนที่สองของกลุ่ม มีเชื้อจีนนิดๆ เป็นคนติสต์ เรียนเก่ง

ส่วนเธอโก๊ะนิด ๆ เปิ่นหน่อย ๆ ชอบง่วงนอนตอนเรียน เรียนจบมาได้ต้องบอกว่าเพื่อนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวนี้เลยก็ว่าได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel