บทที่ 4 ประกวดการแข่งขัน
หนึ่งเดือนผ่านไป
คำแก้วใช้ชีวิตในร่างเด็กน้อยเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม บางวันสนุก บางวันมีเบื่อบ้างเคล้ากันไป ช่วงพักเที่ยงกินข้าวเสร็จมีคำแก้ว น้ำแข็ง แก้ม เบส และเพื่อนอีกสามคน ชวนกันเล่นวิ่งไล่จับกันหลังอาคารเรียนซึ่งจะมีแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ตั้งเรียงรายประมาณห้าแท็งก์น้ำ ระยะห่างของตัวแท็งก์มีช่องว่างเพื่อเดินผ่านหรือสามารถนั่งเล่นได้อย่างสบายเพราะลมเย็นลอดผ่านช่องว่างนี้
“มาเลือกหนอนกัน”เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ไม่เอาหนอนได้มั้ย เปลี่ยนเป็นผีดีกว่า” น้ำแข็งเอ่ยจบทุกคนก็ทำหน้าเหลอหลา
“ยังไง”
“ก็เป็นผีวิ่งไล่จับหลอกคนไง”
“งั้นใครเป็นผี”
“โอไหนออกสิ”
“ได้เลย คนออกคนแรกเป็นผี วิ่งไล่จับเพื่อนนะ”
“ตามนั้นเลยจ้า”
“เย้!” เสียงน้ำแข็งตะโกนดีใจ
“โอไหน…ออก” เด็กน้อยแกว่งมือสะบัดไปมาก่อนจะลงหน้ามือหรือคว่ำ ผลมาตกที่คำแก้วเพราะทุกคนออกหน้ามือ ส่วนเธอคว่ำหลังมือคนเดียว
“คำแก้วเป็นผี หนีเร็ววว” ทุกคนวิ่งหนีกันแตกกระจัดกระจาย การละเล่นนี้มีข้อแม้อย่างเดียวต้องวิ่งเฉพาะภายในพื้นที่แท็งก์น้ำแห่งนี้เท่านั้น คำแก้วก็เริ่มปรับเปลี่ยนสีหน้า ยิ้มมุมปาก เดินคอตก หัวเราะเสียงสะใจ และส่งเสียงเยือกเย็นเพื่อจะวิ่งไล่หลอกหลอนเด็กน้อยเหล่านี้
“อยู่ไหนกันเอ่ย ฮี่ฮี่ฮี่” เสียงหัวเราะนั้นทำเพื่อน ๆ ขนหัวลุกกันหมด คำแก้วจะเล่นสมบทบาทเกินไปแล้ว น่ากลัวกว่าผีก็คือคำแก้วเล่นเป็นผี!
คำแก้วทั้งร้องเรียกหา เดินไปจนสุดก็เห็นขาเล็กอยู่ซอกสุดท้ายรีบวิ่งไปหลอกผี เมื่อมาถึงเด็กน้อยก็วิ่งหนีกันแตกกระเจิงด้วยความกลัวพร้อมร้องเสียงหลง
“คำแก้วเป็นผีๆ” เสียงดังลั่นทั่วทั้งอาคารเรียน เมื่อเห็นเพื่อน ๆ กลัว เธอก็ยิ่งได้ใจ นึกสนุกวิ่งให้เร็วที่สุด เธอเห็นน้ำแข็งอยู่ตรงหน้าก็วิ่งไล่จับแต่มัวแต่มองน้ำแข็งไม่เห็นบานหน้าต่างที่คุณครูกุ๊กไก่เปิดออกมาพอดี ศีรษะเลยกระแทกบานหน้าต่างด้วยความรุนแรง
“โอ๊ย!” เสียงร้องเจ็บปวดและมือที่นอนกุมศีรษะ ทำให้เพื่อนๆ รีบเข้ามาดูอาการทันที คุณครูกุ๊กไก่ตกใจก็รีบวิ่งอ้อมเข้ามาหาเพื่อเช็กอาการทันที
“คำแก้วเป็นยังไงบ้างลูก” คุณครูกุ๊กไก่ตกใจก็รีบประคองและสอดมืออุ้มคำแก้วเข้าไปนอนที่ห้องพยาบาล เลือดเริ่มซึมออกมาจากมือเล็ก ๆ
“ตายจริง เจ็บมากมั้ยลูก”
“เจ็บค่ะ” คุณครูกุ๊กไก่เห็นอย่างนั้นก็รีบปฐมพยาบาลเบื้องต้น ดูแผลแล้วไม่เป็นอะไรมากแต่ก็ไม่นิ่งนอนใจรีบไปโรงพยาบาลประจำอำเภอทันทีเพื่อเช็กร่างกายอย่างละเอียด
ผลของการเล่นไม่ระมัดระวังทำคำแก้วต้องได้เย็บศีรษะสามเข็มเพราะหัวแตก หยุดพักการเรียนไปสามวัน นอกจากเจ็บตัวแล้วกลับมาบ้านก็ยังถูกแม่บัวเผื่อนบ่นจนหูแทบชา เวรกรรมคำแก้วจริง ๆ สนุกมั้ยล่ะ การเล่นผีหลอกของเธอนะ
สามวันต่อมา
ตอนแรกคุณครูกุ๊กไก่จะส่งชื่อคำแก้วไปประกวดร้องเพลงในอำเภอ แต่เพราะเธอหยุดเรียนจึงให้คนอื่นลงแข่งขันแทน เธอโล่งอกทันทีที่ได้ยินข่าว คำแก้วไม่อยากแข่งขันและไม่ชอบอะไรแบบนี้ เหมือนสวรรค์มาโปรด ในครั้งอดีต การร้องเพลงสำหรับเธอมันเป็นความทรงจำไม่ค่อยดีมากสักเท่าไร คุณครูเลือกให้ลงสมัครทั้งที่คำแก้วไม่ชอบแต่เป็นเด็กจะปฏิเสธก็ไม่ได้ ต้องฝึกหัดร้องทุกวัน เบื่อมาก
เหมือนแผลในใจในอดีตแต่ละเหตุการณ์เริ่มปลดปล่อยเรื่องราวฝังใจตอนเด็ก การเข้ามาใช้ชีวิตครั้งนี้ทำให้เหตุการณ์บางอย่างเปลี่ยนแปลงไป หรือนี่เธอจะสามารถเปลี่ยนอนาคตได้
แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป เธออาจจะทำได้ ก็ตั้งแต่เรื่องต่าง ๆ เข้ามาเหมือนให้คำแก้วต้องเลือกเสมอ ไม่ว่าจะการช่วยเพื่อน การปลูกผัก ไหนจะแข่งขันร้องเพลงอีก เรื่องราวได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ถ้าอย่างนั้นเธอขอลองเลือกสิ่งที่ไม่เคยทำ และข้อสุดท้ายคำแก้วไม่เคยมีแฟนเลย พูดแล้วก็เขิน ตั้งแต่เด็กจนโตอายุยี่สิบห้าปีบริบูรณ์เคยแอบชอบรุ่นน้องคนหนึ่งมาหนึ่งปีเต็ม แต่ก็ไม่สมหวังเพราะมีคนมาขอเขาเป็นแฟนต่อหน้าต่อตาเธอนี่สิ
คราวนี้คำแก้วจะเปลี่ยนอดีต ให้เป็นปัจจุบัน และส่งผลต่ออนาคตที่สดใสนี้เอง
คอยดูละกัน คำแก้วเวอร์ชันนี้ต้องมีแฟนให้ได้ สู้จ้า!
แต่สิ่งที่หวังเป็นสิ่งสุดท้ายก็คือ ทำไมเธอถึงย้อนมาในอดีตแห่งนี้ได้ เมื่อถึงเวลาก็จะรู้เอง เวลาไหนกัน? แล้วเธอขอให้อยู่ถึงตอนเรียนมัธยมด้วยเถิด สาธุ เพราะช่วงนั้นเพื่อนคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เยียวยาหัวใจเธอที่สุดแล้ว
คำแก้วหายดีแล้วเธอจึงกลับมาเรียนได้ตามปกติ ช่วงนี้เป็นงานวิชาการที่ทางอำเภอจะมีการแข่งขันกัน โรงเรียนประจำอำเภอจึงเป็นเจ้าภาพ จะไม่มีอะไรเลยถ้าเธอก็ได้ไปแข่งประกวดร้องเพลง แต่ไม่ใช่เธอนะที่ต้องเป็นคนร้องนำ แต่เธอเป็นแดนเซอร์ต่างหาก คุณครูกุ๊กไก่จับเด็กผู้หญิงชั้นปอสี่ถึงปอหกมาคัดการเต้นขั้นพื้นฐานว่าใครเต้นเข้าจังหวะ เธอเผลอเต้นตามจังหวะพอดิบพอดี ก็มันสนุกนี่นา สุดท้ายเธอจึงได้เข้ารอบและเป็นนักเต้นไปแข่งขันในครั้งนี้ด้วย
การเต้นคือความสุขอีกหนึ่งอย่างของคำแก้ว ครูกุ๊กไก่ตัดสินใจเลือกคำแก้วและเพื่อน ๆ อีกห้าคน ส่วนนักร้องนั่นก็คือเพื่อนรักของเธอนั่นเอง น้ำแข็งนักร้องเสียงใส ร้องเพลงเพราะตั้งแต่เด็กแล้ว จะบอกว่าเกิดมาเพื่อเป็นนักร้องก็คงไม่ผิดนัก แต่ติดที่เป็นคนขี้อายมาก ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรกับการแข่งขันครั้งนี้ เธอได้แต่ภาวนาขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี
วันนี้เป็นวันศุกร์คุณครูกุ๊กไก่ให้ซ้อมทั้งนักร้อง ทั้งแดนเซอร์ว่าเต้นและร้องพร้อมเพรียงกันหรือยัง เมื่อเห็นการฝึกซ้อมของเด็ก ๆ ที่มุ่งมั่นตั้งใจจริงก็พอใจและอนุญาตให้กลับบ้านกันได้
“เสาร์-อาทิตย์เก้าโมงตรงอย่ามาสายนะเด็ก ๆ กลับบ้านได้จ้า”
“ขอบคุณค่ะ คุณครู”
เด็กน้อยนักเรียนซ้อมเต้นจนเหนื่อยล้า ปวดเมื่อยตามร่างกายแต่ก็ต้องอดทนเพราะต้องแข่งขันที่โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอที่ทั้งใหญ่และคนต้องเยอะมากแน่ ๆ พวกเธอจะทำพลาดไม่ได้เด็ดขาด
“น้ำแข็งสู้ ๆนะ กลับไปกินน้ำอุ่น บีบน้ำมะนาวให้ชุ่มคอด้วย”
“อื้อ คำแก้วก็เหมือนกัน สู้ๆ”
“พวกเราต้องชนะ!” คำแก้วและน้ำแข็งเดินจูงมือให้กำลังใจระหว่างทางกลับบ้าน เป็นภาพที่น่ารักสำหรับใครหลาย ๆ คนที่ขี่รถผ่าน มิตรภาพเด็กน้อยตัวกระจ้อยร่อยทั้งสองคน
โรงเรียนประจำอำเภอ
และแล้วก็มาถึงวันแข่งขันการประกวดร้องเพลงประจำอำเภอ ผู้เข้าแข่งขันมีทั้งหมดห้าโรงเรียน โรงเรียนบ้านไม้งามของพวกเธอได้แสดงลำดับที่สามของกลุ่ม ตอนนี้ทั้งคำแก้วและน้ำแข็งเริ่มประหม่าเสียแล้วเพราะคนทั้งเยอะและเสียงดังวุ่นวาย ไม่เหมือนโรงเรียนของเธอเลย โธ่! ชีวิตสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปของคำแก้วเลยคือ การขึ้นไปบนเวทีแล้วมีคนจับจ้อง มันจะตื่นเต้น ทำตัวไม่ถูก ใช่ เธอเป็นคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองตั้งแต่เด็กเธอรู้ดี
และเหตุการณ์นี้ก็เป็นแผลฝังใจอีกหนึ่งเรื่อง ไม่ต้องสงสัยกันหรอก แผลในใจยังมีอีกมาก ครั้งนี้ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกแล้วเหรอเนี่ย เด็กน้อยได้คร่ำครวญในใจและสีหน้าเริ่มย่ำแย่
“ต่อไปเป็นการแสดงเพลง…ของโรงเรียนบ้านไม้งามขอเชิญรับชมรับฟัง ได้เลยครับผม” เสียงพิธีกรประจำเวทีการประกวดพูดจบ พวกเราทั้งเจ็ดและคุณครูกุ๊กไก่ก็เริ่มแตะมือรวมพลังก่อนจะต่อแถวขึ้นเวที
คำแก้วเดินขึ้นไปคนแรก ตามด้วยเพื่อนอีกห้าคน จัดระยะห่างให้พอดี เสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลงขึ้น เธอเริ่มวาดลวดลาย ท่าทางตามทำนองที่ถูกจดจำและฝึกซ้อมอย่างเคี่ยวเข็ญโดยคุณครูกุ๊กไก่ เสียงปรบมือดัง โห่แซวมาเป็นระยะ และสักพักน้ำแข็งก็เดินออกมา มันจะไม่มีอะไรเลยถ้าเธอไม่เผลอมองดูผู้คนในหมู่นักเรียน เมื่อมองเสร็จก็ต้องตื่นตกใจนั่นมัน พี่สาวจอมป่วนนี่นา
เธอเห็นคำแพงยิ้มล้อเลียน คำแก้วตื่นตกใจเวทีจนได้ ร่างกายควบคุมไม่ได้สุดท้ายลื่นล้ม ทุกคนหยุดชะงัก สายตามากมายมองเธอเป็นจุดเดียว เธอโดดเด่นที่สุดเลยตอนนี้
ขอบคุณพี่สาวที่รักจริง ๆ เหตุการณ์ที่น่าขายหน้ากลับมาอีกแล้ว
คำแก้วได้สติได้ก็ลุกขึ้นเต้นต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยความเป็นมืออาชีพทำให้ทุกคนในหอประชุมแห่งนี้ปรบมือให้ด้วยความประทับใจที่ลุกขึ้นมาแสดงต่อได้อย่างไม่อาย
“เฮ้อ!”
“คำแก้วเป็นไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“คำแก้วเจ็บมั้ย” คุณครูกุ๊กไก่และเพื่อน ๆ ได้ถามไถ่ด้วยสีหน้าเป็นห่วงหลังจากการแสดงเธอจบลง แต่คำแก้วส่ายหน้าทันที
“ไม่เจ็บก็ดีแล้ว”
“แต่ว่าเราอาจจะโดนหักคะแนนก็ได้นะคะคุณครู”
“โธ่ เห็นน่าเศร้า ๆ นึกว่าเป็นอะไร ครูไม่หวังรางวัลทั้งที่เด็ก ๆ เจ็บตัวหรอกลูก ไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไร มาแข่งเอาประสบการณ์เฉย ๆ อย่าคิดมาก”
“ใช่ค่ะ คำแก้วไม่ต้องคิดมากนะ”
“ขอบคุณนะทุกคน”
คุณครูกุ๊กไก่ปลอบใจเด็กน้อยคำแก้วและส่งยิ้มกว้างให้ จากนั้นเพื่อน ๆ ก็มารุมล้อมตบไหล่ให้กำลังใจกันเบาๆ ทำให้คำแก้วยิ่งซึ้งน้ำใจเพื่อน ๆ ไปกันใหญ่
คราวก่อนเธอก็สะดุดล้มแบบนี้ และตอนนั้นยังเป็นนักร้องนำ แต่เธออับอายมากรีบวิ่งลงเวทีทันทีทำโรงเรียนขายหน้า คำแก้วรู้สึกโล่งอกไปอีกหนึ่งเรื่อง ประสบการณ์สอนคน คำนี้ช่างเหมือนกับเธอในสถานการณ์นี้จริง ๆ
นาทีที่ลุ้นระทึกก็มาถึงอีกครั้ง การประกาศผลว่าโรงเรียนไหนจะได้รางวัลอันดับหนึ่งไปครอบครอง
“การประกวดร้องเพลงประจำอำเภอโรงเรียนที่ได้อันดับที่หนึ่ง ได้แก่…โรงเรียนบ้านไม้งาม ยินดีด้วยนะครับ”
ไม่น่าเชื่อ! โรงเรียนของเธอได้รางวัลชนะเลิศ เสียงประกาศผลรางวัลเข้ามาในโสตประสาททั้งคุณครูและลูกศิษย์ตัวน้อยงุนงงกันหมด ยืนอึ้งไม่นานคุณครูกุ๊กไก่ก็เรียกเด็ก ๆ ขึ้นไปรับรางวัล ทั้งหอประชุมปรบมือให้และกรีดร้องให้กำลังใจกันระนาว
กรรมการบอกเหตุผลที่เลือกให้ชนะเพราะนักร้องร้องเสียงไพเราะ ทุกคนยิ้มหวานให้กรรมการสม่ำเสมอ และสิ่งที่ประทับใจของโรงเรียนบ้านไม้งาม คือการที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาเต้นต่อได้อย่างมืออาชีพ ทำกรรมการโหวตให้อันดับหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย มันบ่งบอกถึงความพยายามและตั้งใจเต็มเปี่ยมที่มาแข่งประกวดในครั้งนี้
ทำทุกคนที่ได้ยินยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ รวมถึงคุณครูฝึกสอนเด็ก ๆ ด้วย
กลับจากการแข่งขันคุณครูกุ๊กไก่ได้เลี้ยงอาหารและเงินรางวัลสำหรับค่าเหน็ดเหนื่อยและขอบคุณเด็ก ๆ กันอีกยกใหญ่ ก็พวกเธอทำชื่อเสียงให้โรงเรียนเป็นหน้าเป็นตาให้กับผู้อำนวยการโรงเรียน
แต่เมื่อคำแก้วกลับมาบ้านนะเหรอ หึ
“แม่ คำแก้วลื่นล้มกลางเวที ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
“แล้วไง คนชนะผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ หุหุ แบร่ ๆ” เสียงพี่น้องสองคนโต้เถียงกันเล็ก ๆ ไม่จริงจังตามเคย เธอชินเสียแล้วที่มีพี่สาวจอมป่วนคนนี้ ถ้าไม่มีพี่สาวคนนี้เรื่องในวันข้างหน้ามันก็ไม่สนุกนะสิ
รอดูได้เลยค่ะ คำแก้วยิ้มแสยะอย่างน่ากลัว
“แม่ คำแก้วเป็นบ้าไปแล้ว!”
“นี่ก็ฟ้องดีจังเลย อย่าหาว่าน้องอย่างนั้นสิคำแพง” คำแก้วได้ยินแม่เข้าข้างตัวเองระหว่างที่แม่บัวเผื่อนเผลอก็ไม่ลืมทำท่าทางยกมือขวาขึ้นมาปิดปากและหัวเราะเงียบ ๆ อย่างที่คำแพงชอบทำประจำเวลาที่เธอรู้สึกเหนือกว่า
หัวเราะทีหลังดังกว่า แบร่ๆ คำแก้วแลบลิ้นใส่พี่สาวด้วยสีหน้าสะใจเล็กน้อย