ตอนที่ 11 ต้องขยี้
ตอนที่ 11 ต้องขยี้
“คุณธีร์ นั่นคุณจะไปไหน”
หญิงสาวตะโกนถามเสียงดังลั่นจนคนที่ทำท่าทางลุกลี้ลุกลนพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าแบบล้อลากใบโตที่หน้าประตูสะดุ้งสุดตัว
วันนี้มีงานเช้าเหมือนเดิม และเธอโทรหาเขาเป็นสิบสายก็ไม่รับเหมือนเดิม แต่เมื่อเธอกำลังจะขึ้นมาตามเขา ก็เห็นเขาออกจากประตูห้องมาด้วยท่าทางแปลกๆ ข้างกายมีกระเป๋าล้อลากใบใหญ่ มองซ้ายมองขวาพร้อมปิดล็อกประตูห้องด้วยมืออันสั่นเทา ทำตัวเหมือนหนุ่มน้อยจะหนีแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ไม่ปาน
ทั้งๆที่วันนี้ มีถ่ายทำละครในกรุงเทพ แต่เขาเอากระเป๋าเสื้อผ้าใบโตไปด้วยทำไม ทำเหมือนต้องไปค้างอ้างแรมที่ต่างจังหวัดยังไงยังงั้น
ผู้จัดการดาราสาวสวยเดินเข้าประชิดตัวดาราหนุ่มพร้อมคว้ากระเป๋าใบนั้นมาถือเองทันที เธอส่งสายตาคาดคั้นไปที่เขาเพราะเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลแปลกๆ
“ตกลงคุณจะไปไหน”
“เอากระเป๋าผมมาน่า แล้วก็กลับห้องไปซะ ผมอนุญาตให้คุณลาหยุดได้สามวัน”
“จะลาหยุดได้ไง สามวันนี้คุณมีถ่ายละครและถ่ายโฆษณาทุกวัน”
“เออน่า บอกว่าให้กลับก็กลับไปเถอะ”
“คุณจะหนีกองหรอ นี่คุณจะทำอะไร บอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
ดาราหนุ่มหัวเสีย ใช้มือเสยผมลวกๆอย่างรุนแรงหลายครั้ง ก่อนสบถออกมาหลายที
“โถ่เว้ย ทำไมไม่มาให้ช้ากว่านี้อีกหน่อยนะ อุตส่าห์จะหนีรอดอยู่แล้วเชียว”
ว่าแล้วว่าต้องหนี หญิงสาวส่งสายตาคาดคั้นไปยังเขาทันที
“จะไปไหน บอกมาก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”
“อืม จะไปเที่ยวต่างจังหวัด นัดสาวไว้ เอากระเป๋ามาเถอะน่า ป่านนี้เธอมารอรับอยู่ข้างล่างแล้ว”
“คุณธีร์ นี่คุณรู้หรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ วันนี้คุณมีงานถึงเย็น พรุ่งนี้ถ่ายโฆษณาตอนบ่าย วันต่อไปมีอีเว้นท์ทั้งเช้าและบ่าย ใจคอคุณจะทิ้งงานพวกนี้ไปจริงๆหรอ ไม่มีความรับผิดชอบเลย”
หญิงสาวตำหนิทั้งสายตาและน้ำเสียง เกิดมาก็ไม่เคยเจอใครไร้จิตสำนึกเท่าเขามาก่อน
“คุณมายุ่งอะไรด้วยมิลิน ผมเหนื่อย ก็แค่ขอไปพัก”
คนหล่อระดับประเทศเสยผมลวกๆอย่างหงุดหงิดอีกครั้ง
“โอเค ถ้าคุณอยากได้วันพัก คุณควรบอกฉัน ฉันจะได้จัดตารางงานให้คุณได้มีวันพัก อาจงดรับบางงานไป แต่นี่คุณคิดจะทำอะไรก็ทำตามใจเป็นเด็กเล่นขายของ ถามจริง อายุเท่าไหร่แล้ว ทำไม่ไร้ความรับผิดชอบขนาดนี้”
ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้นด้วยไฟโทสะ โกรธจนมือไม้สั่นที่เธอมาดูถูกว่าด่าทอเขาถึงขนาดนี้
“นี่ มันจะมากเกินไปแล้วนะ มีสิทธิ์อะไรมาว่าผม ถือว่าตัวเองเป็นเด็กพี่ชินหรอ ถึงจะทำอะไรจะพูดอะไรกับซุป’ตาร์อย่างผมก็ได้”
แววตาเย่อหยิ่งถือดีนั้นทำเอาเธอเส้นความอดทนขาดผึงลง
“ฉันจะพูดจะทำยิ่งกว่านี้อีก ถ้าคุณยังไม่ปรับปรุงตัว เอานิสัยแย่ๆมาใช้กับงาน แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก แล้วทำคนอื่นเขาเดือดร้อนไปทั่วเพราะความสิ้นคิดไร้จิตสำนึกของคุณ”
ดวงตาคมกริบไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนแค่นยิ้มและเอ่ยถ้อยคำถากถาง
“ถามจริง อย่างคุณจะทำไรผมได้ ถอย ผมจะรีบไป อย่าให้ความอดทนของผมต้องหมดลง”
“เสียใจด้วยคุณธีร์ คุณก็ทำให้ความอดทนของฉันหมดลงเหมือนกัน ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ไม่สิ คืนนี้เลย ฉันจะย้ายเข้ามาควบคุมคุณที่ห้องนี้ อิสระของคุณหมดลงแล้ว และถ้าคุณยังทำแบบนี้อีกครั้ง ฉันรายงานผู้ใหญ่แน่ ต่อให้สิบพี่ชินก็ช่วยเหลืออะไรคุณไม่ได้ ถ้าบอร์ดบริหารรู้เรื่องนี้เข้า อนาคตคุณจบแน่”
“นี่คุณขู่ผมหรอมิลิน”
ซุป’ตาร์หนุ่มยกนิ้วขึ้นชี้ที่หน้าสวยๆของเธอ และแม่สาวใจกล้าก็ใช้มือน้อยๆปัดมือนั้นของเขาออกไปอย่างแรง
“ไม่ได้ขู่ แต่ฉันจะทำจริง ถ้าขืนคุณยังทำอะไรสิ้นคิด สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีกครั้ง คุณเจอฉันแน่”
ดวงตากลมโตจ้องมองสบตากับดวงตาคมกริบฉายแววอำมหิตอย่างไม่ลดละ หญิงสาวแตะคีย์การ์ดเปิดประตู แล้วยกเท้าที่มีรองเท้าส้นสูงสามนิ้วสีแดงสดของเธอ ถีบกระเป๋าเสื้อผ้าล้อเลื่อนใบโตของเขาอย่างแรง จนมันไถลไปจนเกือบถึงโซฟากลางห้อง ก่อนปิดประตูลงอีกครั้งด้วยความโมโห
ชายหนุ่มที่โดนจับได้ว่ากำลังจะแอบหนีเที่ยว ทำอะไรเธอไม่ได้เลย นอกจากยืนทำท่าทางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด แต่ภายในใจนั้นลิงโลดอย่าบอกใคร ที่ทุกอย่างสำเร็จไปตามเป้าหมายที่เขาต้องการ ของแบบนี้ต้องขยี้ เขาคาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิดเลยว่าเรื่องราวมันจะจบลงแบบนี้ การแสดงชั้นครูของเขานี่มันสุดยอดจริงๆ
แล้ววันนี้ทั้งวัน ก็ไม่มีใครเข้าหน้าดาราเจ้าบทบาทอย่างเขาติดอีกเลย แม้แต่ผู้จัดการดาราสาวสวยคนใกล้ชิดที่สุดของเขา แต่แล้วไง ใครแคร์ เธอไม่แคร์คนไร้วินัยและไร้ความรับผิดชอบอย่างเขาหรอก
ใจจริงเธอไม่อยากย้ายเข้าไปอยู่ในห้องของเขาตามคำที่เธอป่าวประกาศออกไปด้วยอารมณ์โมโหนั้นเลย แต่เมื่อเธอโพล่งมันออกไปแล้ว ก็คงต้องทำตามอย่างเดียวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเขาจะหาว่าเธอไม่แน่จริงและไม่เด็ดขาดพอ คราวนี้เธอคงควบคุมอะไรเขาได้ยากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวแน่
เมื่อเสร็จจากงานวันนี้ ดาราหนุ่มก็ถูกบีบบังคับให้ไปนั่งรอเธอเก็บข้าวของจำเป็นที่คอนโดของเธอ เพื่อย้ายเข้าไปอยู่ห้องเขาในคืนนี้เลย ชายหนุ่มกระแทกกายแกร่งลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องรับแขก ทำหน้าตาบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ มือแกร่งถูไถมือถือเล่นเพื่อฆ่าเวลา จนเมื่อสาวสวยลับสายตาเข้าไปในห้องนอนของเธอแล้ว มุมปากหยักได้รูปก็มีรอยยิ้มน้อยๆแต่งแต้มอยู่อย่างสมใจ
ใช้เวลาไม่นาน ร่างบางก็ออกจากห้องนอนมาด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มากหนึ่งใบที่ภายในเต็มไปด้วยเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าของเธอ พร้อมด้วยกระเป๋าล้อลากใบเล็กที่ใส่เครื่องสำอางและเครื่องประดับของเธอเอาไว้จนเต็ม
เธอลากกระเป๋าทั้งสองใบออกมาอย่างทุลักทุเล เห็นดังนั้นดาราหนุ่มที่ตีหน้ายักษ์ก็เดินตรงเข้าไปแย่งกระเป๋าใบใหญ่ของเธอมาถือให้ทันที
“เอาอะไรไปเยอะแยะ นี่กะอยู่เป็นชาติเลยหรือไงแม่คุณ”
ปากบ่นกระปอดกระแปด หน้าตางอง้ำ ก่อนลากกระเป๋าใบโตนั้นเดินผ่านหน้าเธอไปอย่างกระแทกกระทั้น แต่พอคล้อยหลังเธอเท่านั้น มุมปากหยักก็มีรอยยิ้มแต่งแต้มอีกครั้งจนดวงตาเป็นประกาย
ดาราหนุ่มลากกระเป๋าสัมภาระของเธอเอาไปไว้ในห้องที่จัดให้เธอโดยเฉพาะ ที่อยู่เคียงข้างกับห้องของเขาเอง
“นี่ห้องคุณ อยู่ให้สบายล่ะ มีอะไรก็เคาะเรียกผมได้ตลอดเวลา”
“ขอบคุณมากค่ะ งั้นฉันขอเก็บของก่อน ค่อยเจอกันพรุ่งนี้เลยนะคะ อนุญาตให้ตื่นสายได้เพราะมีงานช่วงบ่ายค่ะ”
“ครับ”
ตอบรับด้วยใบหน้าเรียบเฉย แล้วเดินออกจากห้องเธอเพื่อกลับเข้าห้องนอนของตนเอง และทันทีที่ปิดประตูห้องของตนเองได้ ซุป’ตาร์หนุ่มรูปหล่อก็วิ่งไปทิ้งตัวลงนอนหงายที่เตียงใหญ่ ก่อนยิ้มกว้างออกมาจนตาหยี มือใหญ่ก็คว้าหมอนมากอด กลิ้งตัวไปมาและจุ๊บแรงๆบนหมอนนั้นหลายครั้ง เหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งเริ่มมีความรักก็ไม่ปาน
“ในที่สุดคุณก็มาให้ผมหายใจรดต้นคอถึงที่ มิลิน”