บท
ตั้งค่า

3

“น้าจินไม่ให้หนูดีเรียนต่อด้วยค่ะ”

ดรุณีก้มหน้ามองมือตัวเองด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

“อยากเรียนต่อเหรอ” พจน์เอ่ยถามความประสงค์ของเด็กสาว

“คงไม่ได้เรียนแล้วค่ะ หนูดียังเป็นหนี้อาพจน์อยู่อีกตั้งหลายล้าน” ดรุณีพูดอย่างเศร้าใจ

“หักล้างกันได้ ผัวเมียกัน” ประโยคของพจน์ทำให้ดรุณีหน้าแดงลามไปถึงใบหู

“เอ่อ... จริงๆ อาพจน์ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้นะคะ” เธอพูดอย่างเกรงใจ

“แบบไหน” พจน์เอ่ยถาม เพราะเขาทำไปตั้งหลายอย่างเลยไม่แน่ใจว่าเธอหมายถึงเรื่องไหน

“หมายถึงการแต่งงานน่ะค่ะ”

“ถ้าไม่ทำแบบนั้นแม่เลี้ยงของหนูดีจะยอมปล่อยหนูดีมาเหรอ ดีไม่ดีพาไปขายให้เสี่ยคนอื่นอีก คนไหนผีพนันเข้าสิงยากที่จะกลับเนื้อกลับตัว” พจน์คิดว่าหนทางนี้คือการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด

“หนูดีขอบคุณอาพจน์มากนะคะที่ทำเพื่อหนูดีขนาดนี้” เธอยกมือไหว้เขา ขอบคุณเขาจากใจ

“อย่าคิดมากเลย พ่อของหนูดีเคยมีบุญคุณกับอามากนะ อาช่วยเหลือหนูดีแค่นี้ถือว่าตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณ” พจน์บอกให้เด็กสาวคลายใจ อย่าได้คิดมากเรื่องนี้อีก

“อาพจน์เสียเงินตั้งหลายล้าน” ดรุณีพูดอย่างใจหาย เขาเสียเงินจำนวนมากเพราะต้องการช่วยเหลือเธอ

“เงินทองของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้” เขาเลี้ยวรถเข้าไปยังร้านอาหารริมทาง

“หิวหรือยัง” พจน์เอ่ยถาม

“หิวนิดหน่อยค่ะ” ตั้งแต่เช้าเธอยังไม่ได้กินอะไร ไม่สิต้องบอกว่าตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้กินอะไร เธอกินอะไรไม่ลงเพราะกำลังจะโดนเอาไปขาย มันเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ต้องหาทางเอาตัวรอดทุกวิถีทาง

หลังจากคำตอบนั้นเธอก็ต้องอับอายกับเสียงท้องน้อยๆ ที่ร้องประท้วงว่ากำลังหิว

“ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อไหร่”

เขาเอ่ยถามขณะจอดรถหน้าร้านอาหาร

“ตั้งแต่เมื่อวานค่ะ”

“แล้วไม่หิวหรือไง”

“ตอนนั้นไม่ค่อยหิวค่ะ เพราะว่าเครียด”

“ตอนนี้หายเครียดหรือยัง”

“เครียดกว่าเดิมค่ะ”

“หือ...” พจน์ครางอย่างไม่เข้าใจ เขาเป็นคนตรงไปตรงมาไม่ชอบอ้อมค้อมอะไรให้มากความ จึงอยากให้เธอพูดออกมาว่ายังมีเรื่องอะไรต้องเครียดอีก

“คือหนูดีไม่รู้จะทำตัวยังไงดีค่ะ”

“ทำตัวยังไงดีคือยังไง” เขางงกับประโยคของเธอ

“หนูดีเป็นเมียอาพจน์แล้ว เลยไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงน่ะค่ะ” ประโยคของเธอทำให้เขาเข้าใจ

“ทำตัวปกติ เคยทำยังไงก็ทำอย่างนั้น” เขาเดินนำเข้าไปในร้านอาหาร

“ขนมจีนซาวน้ำร้านนี้อร่อย”

“อาพจน์จำได้ด้วยเหรอคะว่าหนูดีชอบกิน”

“แต่ควรจะกินข้าวก่อน ยังไม่ได้กินข้าวเดี๋ยวจะแสบท้อง” เขาสั่งอาหารจานเดียวให้เธอ เป็นข้าวผัดกะเพราะไก่ไข่ดาว ของโปรดของเธอ

“ขอบคุณค่ะ” ดรุณียิ้มให้พจน์ เขาจำได้ว่าเธอชอบกินอะไร

“คืนนี้คงต้องพักค้างคืนแล้วถึงออกเดินทางต่อ”

“ค่ะ” คนตอบเสียงแอบสั่นแบบหักห้ามใจไม่อยู่ เอาไงเอากันมาถึงขั้นนี้แล้ว

“อาพจน์คะ” เงียบไปพักใหญ่เธอก็เอ่ยเรียกเขาอย่างเกรงใจ

“ว่าไง”

“ก่อนจะเดินทางไปยังบ้านของอาพจน์ หนูดีขอไปเจอใครคนหนึ่งก่อนนะคะ”

“ใคร”

“มณีค่ะ ถ้าไม่มีมณีหนูดีคงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้”

“ได้” พจน์เป็นคนพูดน้อย และไม่ชอบอ้อมค้อม คำตอบสั้นๆ ของเขาคือการตอบรับ

หลังรับประทานอาหารเสร็จ พจน์ก็ขับรถพาดรุณีไปหามณีเพื่อนรักของเธอ พอมณีเห็นดรุณีก็โผเข้ามากอดอย่างดีใจ เห็นเพื่อนหนีรอดออกมาจากแม่เลี้ยงใจยักษ์แบบนี้ได้ก็โล่งอก

“ขอบใจมณีมากนะ” ดรุณีร้องไห้เบาๆ เพื่อนแท้หายาก แต่มณีคือเพื่อนแท้เพียงหนึ่งเดียวที่คอยช่วยเหลือเธอมาตลอด

“ไม่เป็นไรเลย เราเป็นเพื่อนกัน” มณีอยู่กับยายที่ชรามากแล้ว แต่มีน้ำใจให้ดรุณีเสมอ

“เอาไว้หนูดีจะติดต่อมาหานะ โชคดีนะ บุญคุณในครั้งนี้หนูดีจะตอบแทนมณีอย่างแน่นอน”

“บุญคุณอะไรกัน อย่าคิดมากสิ หนูดีเองก็มีน้ำใจกับเรา เราขอให้หนูดีโชคดีมีชัยนะ ฝากอาพจน์ดูแลหนูดีด้วยนะคะ” มณีหันไปหาชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ที่รถ

“ครับ” ประโยคสั้นๆ แต่แฝงไปด้วยความจริงใจทำให้มณียิ้มกว้าง ดรุณีขึ้นรถแล้วโบกไม้โบกมือให้เพื่อนด้วยรอยยิ้ม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel