บทที่ 3
เคย์เข้าเป็นพนักงานของบริษัทก่อนหน้าโจอันเพียงวันเดียว และแล้วทั้งสองสาวก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน จนถึงขั้นที่ว่า เมื่อเวลาผ่านไปเพียง 2-3 เดือน ก็ได้มาเช่าอพาร์ตเม้นท์อยู่ร่วมกัน
โจอันเตรียมใจไว้พร้อมแล้วสำหรับในระยะเดือนแรกๆของการทำงาน ว่าเธอกับเจ้านายคนใหม่คงจะเข้ากันไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก แต่แบรนดท์เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมาก นานๆครั้ง ที่เธอจะได้เห็นเขาโมโหโกรธขึ้นมา ไม่ว่าจะมีอุปสรรคหรือปัญหาใดๆ เกิดขึ้นเขาจะต้อนรับมันด้วยความสงบ สุขุม และค่อยๆแก้ไข นามสกุลของเขาทำให้มองเห็นภาพแมวป่าตัวใหญ่ๆ และท่าทางของเขาก็เหมือนสิงโตเอามากๆ ทั้งอิทธิพลและพลังอำนาจดูจะแฝงเร้นอยู่ทั่วกาย มันจะถูกปลุกขึ้นก็ต่อเมื่อถึงคราวจำเป็น แต่มิใช่ด้วยฤทธิ์โทสะ ใบหน้าของเขาก็ออกจะยับยู่ยี่มิได้คมสันเช่นชายใด แต่ก็เร้าใจให้บังเกิดความเลื่อมใส่ความศรัทธา และการเปรียบเทียบได้มาก
แต่ลึกลงไปในใจ โจอันได้เฝ้าบำรุงเลี้ยงความหวังอันลึกลับไว้ มันเป็นความหวังที่อยากจะให้เขาได้มองเห็นเธอเช่นผู้หญิงคนหนึ่งบ้าง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะกลายเป็นเรื่องของหน้าที่การงานไปเสียหมด โจอันได้ลงรากปักฐานเพื่อรอวันแห่งความสำเร็จไว้ พยายามที่จะทำตัวให้เด่นในสายตาของเขา ตามที่ใจคิดว่าควรจะทำ เมื่อตอนที่เธอเข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ใหม่ๆ เสื้อผ้าของเธอก็มีเพียงกระโปรงกับเสื้อสเวตเตอร์ธรรมดา หลังจากนั้นจึงได้เปลี่ยนเป็นสูทแบบเทย์เลอร์ ดูกระฉับกระเฉงคล่องแคล่วขึ้น แต่ก็ยากที่จะให้ใครจับตามอง
เรือนผมสีน้ำตาลแกมทองยาวสลวยนั้น บัดนี้มิได้ถูกรวบรัดไว้ด้วยผ้าพันคอสีสวยอีกต่อไป แต่ถูกมุ่นเป็นมวยตึงเขม็ง ซึ่งทำให้สีสันเข้มขึ้น แว่นสายตาที่จำเป็นต้องสวมอยู่ตลอดเวลาทำให้เธอดูเป็นเลขานุการผู้เคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา ด้วยความระมัดระวังตัวเองว่าจะไปหลงเสน่ห์เขาเข้าได้ ถ้าเธอขืนทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับเขามากเกินไป
ความรักที่ซ่อนเร้นไว้ได้ถูกถนอมกล่อมเกลี้ยงมาเป็นเวลานานพอดู ก่อนที่มันจะแห้งหายไปจากหัวใจ เมื่อมิได้รับการตอบสนอง แบรนดท์ ไลอ้อน มิได้ให้ความสนใจในตัวเธอเลย เมื่อหมดเวลาของหน้าที่การงานแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ยิ่งเป็นตัวเร่งให้ความรักนั้นแห้งหายไปได้อย่างรวดเร็วขึ้น โจอันออกจะดีใจอยู่ที่ธรรมชาติอันสงบเสงี่ยมในกาย ไม่ยอมอนุญาตให้เธอเปิดเผยถึงความรู้สึกที่ซ่อนเร้นออกมาให้ใครรู้ แม้แต่เพื่อนสนิทที่อยู่ร่วมบ้านกัน จะล้อเลียนได้ใกล้ความจริงสักแค่ไหนก็ตาม
ดังนั้น เมื่อเวลาได้ล่วงเลยมานาน ความรู้สึกที่โจอันมีต่อ แบรนดท์ ไลอ้อน จึงเป็นเพียงความชื่นชม และเคารพในตัวเขาเท่านั้น แต่กระนั้นเธอก็อดที่จะอ่อนไหวกับความไม่แยแสที่เขาแสดงออกอยู่มิได้ ลึกลงไปในจิตใจแล้ว เธอก็ยังอยากจะให้เขาได้เห็นเธอเป็นผู้หญิงเช่นคนอื่นๆอยู่ดี มิใช่เป็นเพียงเลขานุการที่คอยแต่จะรับใช้เฉพาะในเวลาทำงานเท่านั้น
รถประจำทางจอดลงตรงป้ายแล้ว โจอันรีบแหวกทางลงมาจากประตู สายลมเย็นเยือกที่พัดมาต้องกาย ราวจะขับไล่ให้เธอต้องรีบเดินเข้าไปในตัวอาคารอพาร์ตเม้นท์ที่พัก นิ้วอันเยียบเย็นของเธอมันราวจะจิกลงไปในผ้าพันคอจนถึงผิวหนัง เมื่อเข้ามาถึงภายในตัวอาคารแล้วเธอเลือกใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักที่อยู่บนชั้น 2
เคย์มักจะบรรยายการตบแต่งภายในของอพาร์ตเม้นท์แห่งนี้ที่เช่ารวมอยู่กับโจอันว่าเป็น “สิ่งที่เหลือมาจากสมัยก่อน” เนื่องจากอพาร์ตเม้นท์ขนาด 2 ห้องนี้ ตบแต่งด้วยเครื่องเรือนที่พ่อแม่ของเธอไม่ต้องการใช้อีกต่อไปแล้ว โต๊ะ เก้าอี้ บุด้วยหนังแท้รูปทรงเป็นแบบเมดิเตอเรเนียน สไตล์แม้แต่เก้าอี้โยกก็เป็นรูปทรงสมัยอเมริกันบุกเบิก ชุดอ่างล้างจานที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้องด้านนอก เตาผิงสีขาวกับตู้เย็นสีทองแดง ดูไม่เหมาะกับสภาพของอพาร์ตเม้นท์ที่ทันสมัยแห่งนี้เลย
สำหรับอีกห้องหนึ่งนั้นเป็นห้องนอน มีเตียงนอนคู่ตั้งอยู่ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งคือห้องน้ำเล็กๆ โจอันถอดเสื้อคลุมตัวหนาหนักออก เอาแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า แล้วจึงได้ถอดเสื้อตัวนอกของชุดสูทที่สวมไว้ โยนลงบนผ้าคลุมเตียงสีแดง
เธอเดินกลับเข้าไปในบริเวณที่แบ่งเป็นห้องครัวอย่างไม่ใคร่เต็มใจนัก พยายามจะสร้างความกระตือรือร้นให้เกิดขึ้น ก่อนที่จะถึงเวลานัดหมายกับน้องชายของจอห์น ขณะที่เทน้ำลงในกาต้มกาแฟ โจอันรู้อยู่แก่ใจว่าเธอได้เปรียบเทียบเอ็ด กับแบรนดท์ ไลอ้อน อยู่ตลอดบ่ายวันนี้ เพียงแต่ว่าตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยพบผู้ชายคนใดที่อยู่ในระดับเดียวกับแบรนดท์ ไลอ้อน เลยเท่านั้น แต่มันก็มิได้หมายความว่า เธอจะมีนัดหมายกับผู้ชายมากเสียจนสามารถจะนำใครต่อใครมาเปรียบเทียบกับเขาได้ ปกติแล้วโจอันมิใช่คนที่ชอบออกงานสังคมเท่าไรนัก แม้เมื่อครั้งที่อยู่ไฮสกูล เธอเป็นคนที่มีรูปร่างสูงกว่าพวกนักศึกษาชายที่รุ่นราวคราวเดียวกัน และเมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว ก็ได้พบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คิดไว้ว่าจะได้พบกับใครสักคนที่เป็นคนตัวเปล่า และเธอก็ไม่ชอบที่จะออกไปเที่ยวแบบรวมกลุ่มกับเพื่อนๆผู้หญิงด้วยกัน ด้วยหวังว่าจะได้พบกับคนใหม่ๆ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นเหตุผลที่เธอมักจะใช้เวลาค่ำอยู่ตามลำพังในอพาร์ตเม้นท์
ในสำนักงานพวกผู้ชายถึง 90 เปอร์เซ็นต์ที่แต่งงานแล้ว ส่วนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือก็ไม่ควรแก่การสนใจ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังได้พบอีกว่า ตำแหน่งของตัวเองในฐานะเลขานุการของแบรนดท์ ไลอ้อน มันทำให้เธออยู่เหนือคนอื่นๆอีกด้วย จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยเมื่อทุกคนจะต้องคิดว่าเธอเป็นคนโปรดของประธานบริษัท
โจอันปรายตามองหนังสือที่อ่านค้างไว้กว่าครึ่งเล่ม ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้โซฟาอย่างอาวรณ์ ไม่กล้าพอที่จะเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาอ่านต่อ เพราะจะทำให้ต้องเสียเวลาไปเปล่าๆ อาจจะเตรียมตัวไม่ทันเมื่อเคย์มาถึง แต่ก็หวังว่าจะได้อ่านต่อเมื่อกลับมาจากงานคืนนี้แล้ว เธอถอนหายใจเบาๆ และก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เป็นเสียงหัวเราะที่ก้องไปทั้งห้อง
คิดเข้าท่าเหลือเกินนะ เธอล้อตัวเอง ดันเห็นการอ่านหนังสือเป็นเรื่องสนุกกว่าที่จะมานั่งสนใจชีวิตรักของตัวเองไปได้
เธอตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำ หมุนก๊อกเปิดน้ำลงอ่าง เติมเกลือหอมลงไป และแล้วก็เดินกลับไปเลือกเสื้อผ้าในตู้ พบชุดกางเกงผ้าไหมสีกาแฟจึงหยิบออกมาวางไว้บนเตียง หยิบเข็มขัดสีทองออกจากกล่องเครื่องประดับ เคย์เคยพูดว่า... แต่งตัวให้มันดูเซ็กซี่หน่อยเถอะ...และบัดนี้ โจอันก็ได้ทำตามคำแนะนำของเพื่อนแล้วด้วยความเต็มใจ
กาแฟบนเตากำลังเดือดได้ที่ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเธอก็เดินออกมานั่งที่โซฟา ซึ่งหุ้มเบาะสีน้ำเงิน มีถ้วยกาแฟวางรออยู่บนโต๊ะใกล้มือ เริ่มปลดเข็มปักผมออกจากมุ่นมวย มันสยายลงราวเส้นไหมสีทองปรกอยู่บนไหล่ แสงจากดวงไฟบนเพดานขับเลื่อมลายให้งามระยับขึ้น และแล้วเธอก็เริ่มลงมือแปรงผมต่อจนเป็นมันเลื่อม
เมื่อเคย์ จอห์น กับน้องชายของเขามาถึง โจอันออกจะดีใจที่เธอได้ใช้เวลาเอาใจใส่กับบุคลิกของตัวเองเป็นพิเศษในค่ำวันนี้ แม้แต่จอห์น ที่เคยเห็นเธอในชุดกางเกงผ้าฝ้ายกับสเวตเตอร์ก็ยังต้องเหลียวมองอีกครั้ง ชุดกางเกงผ้าไหมสีกาแฟช่วยขับสีทองบนเรือนผม และสีน้ำตาลเข้มในดวงตาให้เด่นขึ้น เนื้อผ้าอ่อนเบา แนบเนียนอยู่กับเรือนร่างของเธอ เน้นทุกส่วนสัดชัดเจนขึ้น
“เคย์ คุณไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลยว่านะว่าเพื่อนสนิทของคุณมีผมสีบลอนด์” เอ็ด โทมัส จับมือโจอันไว้ กวาดสายตากรุ้มกริ่มไปทั่วไปหน้า
ในสายตาของเธอ เอ็ดมีส่วนละม้ายคล้ายคลึงกับจอห์นอยู่ เพียงแต่สูงกว่าเล็กน้อยเท่านั้น ผมเป็นสีน้ำตาลอ่อน และรูปร่างก็มีลักษณะเดียวกัน เพียงแต่สีหน้าของจอห์นมักจะฉายความรู้สึกสงบ อ่อนโยน สุภาพ และความเข้าใจอย่างแท้จริง ส่วนเอ็ดเป็นคนที่รื่นเริง แจ่มใสกว่า โจอันไม่แน่ใจว่าตัวเองจะชอบแววในดวงตาคู่นั้น แต่แล้วก็อดดุตัวเองไม่ได้ ที่ออกจะเป็นคนคิดมากจนเกินไป
นับแต่เธอได้พบกับริค แมนวิลล์ ซึ่งมีลักษณะเหมือนจิ้งจอก ทำให้โจอันระมัดระวังตัวมากขึ้น การแสดงความสนใจอย่างเปิดเผย คำอภินันทนาการที่พล่อยออกมาจากปากง่ายๆ ทำให้ผู้หญิงตายใจมามากแล้ว โจอันจึงฝืนยิ้มออกมา ก่อนที่จะดึงมือออกมาจากการเกาะกุม
“การเดินทางสบายไหมคะ...เอ็ด?” เธอเว้นระยะไว้เมื่อจะเอ่ยชื่อเขาออกมาและก่อนที่จะเอื้อมไปรับเสื้อคลุมเฟอร์สีขาวที่เคย์ยื่นมาให้ “เครื่องเข้าตรงเวลาครับ มันก็เลยทำให้รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจอยู่” เขาพูดอย่างติดตลก และอาศัยความไวช่วยสวมเสื้อคลุมให้เธอ ทันทีที่เสื้อคลุมแนบลงบนไหล่ เอ็ดก็โอบกอดเบาๆ พร้อมกับหลิ่วตาให้ “ผมให้จอห์นเขาจองร้านอาหารที่ดีที่สุดไว้แล้ว เราน่าจะได้ฉลองกันให้มากกว่าการฉลองหมั้นของเขานะครับ”
“ถ้างั้นก็ไปกันได้แล้วก่อนที่จะดึกเกินไป” จอห์นเอ่ยขึ้นบ้าง แต่เป็นลักษณะของคำแนะนำมากกว่าออกคำสั่ง “บีแอร์เขาไม่เก็บโต๊ะไว้ให้หรอก ถ้าเราไม่ไปตามเวลา”