สายเสน่หา

77.0K · ยังไม่จบ
Readed
35
บท
926
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

โจอัน ซอมเมอร์ส เลขานุการสาวสวยของบริษัทไลอ้อน คอนสตรัคชั่น ซึ่งแบรนดท์ ไลอ้อน เป็นประธานกรรมการและเป็นนายจ้างของหล่อน ซึ่งรับหล่อนเขาทำงานเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยมองหล่อนว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่หล่อนเป็นเพียงเลขานุการผู้คล่องแคล่ว หล่อนหวั่นไหวเสมอเมื่อใกล้ชิดเขา เพราะเขาเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ แล้วพายุหิมะก็เป็นใจให้หล่อนตกอยู่ในสำนักงานกับเขาตามลำพัง 2 วันกับ 2 คืน ขีดที่เขาวางไว้ระหว่างเรื่องงานกับชีวิตส่วนตัวได้มีอีกเส้นหนึ่งเข้ามาตัด ความเกี่ยวข้องที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ยากจะลืมได้ เพราะหล่อนรักเขา แม้จะรู้ว่าไม่มีโอกาสสมหวัง แต่หล่อนก็ไม่อาจห้ามใจได้ แล้วหล่อนจะทำอย่างไรต่อไป

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันเลขาประธานเศรษฐีรักหวานๆดราม่าโรแมนติก

บทที่ 1

“โธ่...เห็นแก่สวรรค์หน่อยเถอะน่า โจอัน อย่าทำตัวเป็นไม้หลักปักเลนไปหน่อยเลย” เคย์ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม “ไหน เธอบอกให้ฉันฟังหน่อยสิว่า คืนนี้เธอมีอะไรจะต้องทำ สำคัญมากขนาดที่จะเลื่อนไปทำพรุ่งนี้ไม่ได้”

โจอัน ซอมเมอร์ส หลบสายตาตัดพ้อของเพื่อน ก้มลงรวบรวมกระดาษห่อแซนด์วิชกับกล่องนมใส่ลงในถาดอาหาร

“มันก็ไม่ใช่ขนาดนั้นหรอก เธอก็รู้นี่นาว่าฉันรู้สึกยังไงกับการที่ต้องไปพบกับใครสักคน โดยที่ไม่ได้เป็นคู่นัดหมายกันมาก่อนเลย”

“เธอจะพูดว่าเอ็ดเป็นคนอื่นได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นน้องชายของจอห์นแท้ๆ” เคย์เถียง

จอห์น เทอร์เนอร์ ที่เคย์เอ่ยถึงคือคู่หมั้นของเธอเอง เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีนิสัยใจคอน่าคบ แต่สำหรับความเห็นของโจอันแล้ว เขาออกจะเป็นคนเฉื่อยชาไม่น่าตื่นเต้นเวลาที่ได้พบกันเท่าไหร่นัก สิ่งที่น่ารักในตัวผู้ชายคนนี้คือ เขาอุทิศชีวิตให้กับเคย์เพียงคนเดียว เป็นความรักที่เขาแสดงออกในรูปแบบต่างๆ แต่กระนั้น โจอันก็ยังไม่คิดว่า การที่จะได้พบปะกับน้องชายของจอห์น จะทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาได้ เพราะจอห์นไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ แม้ว่าวัยที่ล่วงเลยมาจนถึงอายุ 23 นี่ เธอจะเริ่มแคลงใจตัวเองอยู่ว่าจะชอบผู้ชายในแบบไหนกันแน่ก็ตาม

“ก็แล้วทำไมเธอไม่ไปขอให้ซูซานไปแทนฉันล่ะ?” โจอันแนะขึ้น โดยเอ่ยถึงเพื่อนสาวคนที่เป็นพนักงานรับโทรศัพท์

ดวงจากลมโตของเคย์เปล่งแววเย้ยหยันขึ้นมาทันที

“เธอเคยเห็นซูซานมีเวลาว่างตอนวันหยุดสุดสัปดาห์งั้นเหรอ ? แม่นั่นน่ะมีผู้ชายตามเป็นพรวนยิ่งเสียกว่านางแบบภาพเปลือยเสียอีก” เพื่อนร่วมห้องของเธอยิ้มหยัน “ยิ่งคืนวันศุกร์ด้วยแล้วล่ะก้อ ไม่เคยว่างกับใครเขาหรอก”

“ก็จริงนะ” โจอันออกจะเห็นด้วย คำพูดของเพื่อนทำให้เธอบังเกิดความสงสารตัวเองขึ้นมาตงิดๆ ที่ดูเหมือนจะมีเธอเพียงคนเดียวที่ต้องใช้เวลาอยู่ตามลำพังในอพาร์ตเม้นท์อย่างโดดเดี่ยวในทุกช่วงวันหยุด

“โธ่...ช่วยไปเป็นเพื่อนฉันคืนนี้หน่อยเถอะน่า” เคย์อ้อนวอน “จอห์นเองเขาก็เพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เหมือนกันว่าเอ็ดจะบินมาหาฉัน แล้วฉันก็ไม่รู้จะไปชวนใครได้ทัน เล่นมาบอกกันจวนแจอย่างนี้”

“ก็เขาอุตส่าห์บินมาหาเธอ” โจอันเน้นเสียง “ก็แล้วทำไมเธอ 3 คน ไม่ไปหาที่ทานอาหารค่ำกันที่ไหนสักแห่งล่ะ?”

“เอ็ดน่ะ เขาเป็นน้องชายของจอห์นนะ ไม่ใช่ลุง” เคย์ว่า พร้อมกับผลุดลุกขึ้นยืนเดินตามโจอันที่เดินออกจากโต๊ะไปด้วย

โจอันก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือ

“งั้นเอาไว้ปรึกษากันอีกทีคืนนี้ก็แล้วกัน” เธอว่า “ฉันเห็นจะต้องกลับไปทำงานก่อนละ”

“โอ้ย...ฉันจะรอฟังคำตอบจนถึง 5 โมงเย็นไม่ได้หรอก” เพื่อนร่วมห้องของเธอไม่สนใจกับห้องโถงทางเดินที่แยกออกไปทางปีกขวาของตัวอาคาร ซึ่งเป็นทางเข้าสู่แผนกคอมพิวเตอร์ ที่เคย์ทำงานอยู่ กลับเดินตามโจอันเข้าไปยังส่วนที่จัดเป็นห้องทำงานของฝ่ายเลขานุการของบริษัทไลอ้อน คอนสตรัคชั่น “จอห์นเขาจะต้องมารับฉันตอนงานเลิก หลังจากนั้นเราก็จะตรงไปรับเอ็ดที่สนามบินกันเลย เพราะฉะนั้นฉันต้องรู้คำตอบตอนนี้ล่ะ”

โจอันรู้สึกว่ากำลังถูกต้อนเข้าไปจนมุม แม้ว่าเธอจะยังไม่ตอบตกลงออกไป แต่ก็รู้ว่าคงจะต้องทำตามคำขอร้องของเพื่อน เพราะไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะปฏิเสธได้ เธอออกจะภาคภูมิใจในการที่จะพบกับผู้ชายคนใดโดยที่มิได้รู้จักหรือนัดหมายกันมาก่อน ทั้งๆที่มันออกจะเป็นความคิดที่ค่อนข้างโง่เขลาและเป็นเด็กเกินไป

ที่เธอเชื่อถือในเรื่องนี้ก็เนื่องมาจากเมื่อ 4 ปีก่อน เธอได้เคยพบรักกับริค แมนวิลล์ ในลักษณะเดียวกันนี้ และก็ให้บังเอิญเกิดหลงเสน่ห์เขาขึ้นมา แต่แล้วก็พบว่ามิใช่มีเพียงเธอคนเดียวที่เป็นผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น ยังมีผู้หญิงอื่นอีกหลายคนนัก ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะคิดทำอะไรโง่ๆซ้ำอีก มันเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะเยาะมากกว่าเจ็บใจ เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นเพียงผู้หญิงอีกคนหนึ่งของริค เมื่อคิดไปถึงช่วงเวลานั้น เธอก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเป็นคนอ่อนหัดเพียงไร แต่ในยามนั้นเธอมองเห็นเพียงว่าริคเป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง เป็นบุรุษชาติอาชาไนยที่น่าใฝ่ฝันถึงเป็นที่สุด เขาก็คงจะมีลักษณะเช่นนั้นจริงๆ จึงทำให้เธอมองเห็นไปได้

“โจอัน เธอไม่ต้องทำอะไรเลย ขอเพียงให้ช่วยมาเป็นเพื่อนคืนนี้หน่อยก็พอแล้ว...นะ” เคย์ยังคงขอร้องต่อ “นะ...โจอัน ฉันหวังจริงๆว่าเธอจะมา”

เธอปรายตามองแววอ้อนวอนในดวงตาเพื่อนสาวอย่างครุ่นคิด ขณะที่เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าห้องทำงานด้านนอก เธอกับเคย์มีบุคลิกที่แตกต่างกันอยู่มาก เคย์มีเรือนผมหยักสลวยสีเข้ม เรือนร่างระหง ท่าทางปราดเปรียว ในขณะที่โจอันออกจะเคร่งขรึม เรือนร่างท้วมกว่า ผมเป็นสีน้ำตาลมุ่นเป็นมวยไว้ตรงท้ายทอย ดวงตาสีน้ำตาล แต่ไร้แววรื่นเริงอย่างเคย์ เธอให้ความสนิทสนมกับเพื่อนสาวที่เช่าร่วมกันอย่างดีมาตลอด แต่ไม่ยอมวุ่นวายกับใคร ดังนั้นจึงออกจะเป็นการยากสำหรับโจอันที่จะพบกับคนแปลกหน้าในวงสังคม โดยเฉพาะเมื่อคนคนนั้นเป็นผู้ชาย เคย์เป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมา ค่อนข้างโผงผาง ขณะที่โจอันระมัดระวังเนื้อตัวและปากคำไปเสียในทุกฝีก้าว

แทนการที่จะหาทางออกจากการพบปะกับผู้ชายคนที่มิได้รู้จักกันมาก่อน โจอันกลับคิดไปถึงว่า มันก็เป็นการดีอยู่ที่เธอจะออกไปไหนมาไหนเสียบ้าง เพราะมันมีวันหยุดสุดสัปดาห์มากเกินไปที่เธอต้องใช้เวลาอยู่ตามลำพังในระยะหลังๆนี้ แต่กระนั้น การที่จะตกปากรับคำก็ดูช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน เธอผลักประตูห้องทำงานโดยมีเคย์เดินตามเข้าไปติดๆ

“เธอจะทำให้เราผิดหวังไม่ได้นะ” เคย์ย้ำ “เราต้องการ...”

ประโยคสุดท้ายของคำพูดขาดหายไป เมื่อเธอมองเห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ตู้เก็บเอกสาร และแล้วรอยยิ้มสดใสก็ระบายขึ้นบนใบหน้าของเคย์

“สวัสดีค่ะ คุณไลอ้อน”

แต่คำทักทายด้วยน้ำเสียงแจ่มใสนั้นมิได้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกบนใบหน้าที่ค่อนข้างบึ้งตึงของเขาคนนั้นเลย เขาเพียงแต่ผงกศีรษะรับคำทักทายตามมารยาท ก่อนจะตวัดสายตามองไปทางโจอัน เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยอำนาจ เด็ดเดี่ยว บอกให้รู้ถึงความเป็นคนที่ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดทั้งสิ้น

“คุณซอมเมอร์ส ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่าในตู้เอกสารที่มันปนเปยุ่งเหยิงไปหมดนี่น่ะ ผมจะหาแฟ้มของสเตทเลอร์ได้ยังไง?” เขายกมือขึ้นเสยผมสีน้ำตาลหนาๆก่อนที่จะลดลง เท้าสะเอวอย่างวางอำนาจ

คางของโจอันเชิดขึ้นทันที และอย่างไม่สนใจที่จะโต้แย้ง เธอเดินตัวตรงไปยังตู้เก็บเอกสารที่เขากำลังยืนอยู่ใกล้ “บางทีนะคะ คุณไลอ้อน ถ้าคุณไม่เข้ามายุ่งกับแฟ้มเอกสารพวกนี้ มันก็คงจะไม่ยุ่งยากหรอก” เธอตอบ พร้อมกับหยิบแฟ้มที่ถูกรื้อลงมากองเข้าที่ “เพราะความจริงแล้ว แฟ้มของสเตทเลอร์ไม่ได้อยู่ในตู้นี้หรอกค่ะ ในนี้เก็บแต่ข้อมูลเท่านั้น”

เมื่อแฟ้มเอกสารถูกจัดเก็บเข้าที่เรียบร้อยแล้ว เธอจึงปิดตู้ลง และดึงลิ้นชักที่อยู่ต่ำลงไปออก รู้อยู่แก่ใจว่ามีร่างสูงๆยืนค้ำศีรษะอยู่ ตรงดรรชนีของตัวอักษร “เอส” ที่เธอไล่นิ้วตรวจดูตามรายชื่อตัวอักษรเล็กๆ ซึ่งเป็นชื่อของบริษัทต่างๆพร่าอยู่ในสายตา

“เป็นอะไรไปล่ะ คุณซอมเมอร์ส” เสียงพูดของเขาดังอยู่เหนือศีรษะ “คุณก็หาไม่พบเหมือนกันอย่างนั้นเรอะ?”

“อ๋อ...ต้องพบสิคะ” โจอันยืดร่างขึ้น เดินตัวตรงกลับไปที่โต๊ะทำงาน

“แว่นสายตากรอบกระสีน้ำตาลอ่อนวางอยู่ใกล้เครื่องรับโทรศัพท์ โจอันเคยหัวเราะขำตัวเองอยู่เสมอที่สามารถมองอะไรได้ไกลเป็นไมล์ แต่กลับมองของที่อยู่ห่างเพียงแค่นิ้วเดียวไม่เห็น แต่ในยามนี้เธอมิได้หยิบแว่นขึ้นมาสวมด้วยอารมณ์เริงรื่นเช่นที่เคยเป็น

“เพียงแต่ว่าฉันอ่านรายชื่อที่พิมพ์ไว้ไม่ชัด ถ้าไม่ได้ใส่แว่นตาเท่านั้นละค่ะ” เธอตอบ ขณะที่หยิบแว่นตาขึ้นสวม และเดินกลับไปยังตู้เก็บเอกสาร

เพียงครู่สั้นๆ เธอก็ยื่นแฟ้มเอกสารที่เขาต้องการให้ ใบหน้าที่บึ้งตึงกับแววตาที่ดุดันรีบก้มลงพลิกแฟ้มเอกสาร ดังนั้นแบรนดท์ ไลอ้อน จึงมิได้เห็นสายตาและรอยยิ้มที่สำแดงถึงชัยชนะของเธอ

“สักวันหนึ่งนะ คุณซอมเมอร์ส” เจ้านายของเธอเอ่ยขึ้น ขณะที่เดินช้าๆเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว “คุณคงจะต้องถ่ายแบบพิมพ์เขียวไว้ให้ผมด้วย ผมจะได้หาอะไรจากไอ้ตู้เหล็กของคุณนั่นได้ด้วยอีกคนหนึ่ง”

โจอันเม้มริมฝีปากแน่น ขณะที่ประตูห้องทำงานที่เปิดติดต่อถึงกันอยู่ปิดตามหลังเขาลง คำวิจารณ์ของเขาแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ แม้จะมิได้ดูหมิ่นในความสามารถของเธอก็ตามที แต่โจอันก็อดรู้สึกแปลบปลาบไม่ได้