บทที่ 2
“เธอนี่บางครั้งก็ทำให้ฉันแปลกใจได้เหมือนกันนะ โจอัน” เคย์ส่ายศีรษะอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไม?” โจอันเดินอ้อมโต๊ะเข้าไปตรงเก้าอี้ที่นั่ง วางกระเป๋าถือลงในลิ้นชักล่างสุด
“ก็การที่เธอกล้าเถียงกับคุณไลอ้อนอย่างที่ทำเมื่อกี้นี้น่ะสิ คิดดูสิ เธอกลับไปสั่งเจ้านายไม่ให้มายุ่งกับตู้เก็บเอกสารของเขาเอง” เคย์หัวเราะเบาๆ “ไม่น่าแปลกใจเลยถ้าเธอกับเขาจะเข้ากันไม่ได้”
“ฉันกับคุณไลอ้อนทำงานร่วมกันได้อย่างดีที่สุดด้วย” โจอันเถียงเสียงแข็ง
“ที่ฉันพูดน่ะ หมายถึงว่าเธอกับเขาจะสนิทสนมกันได้ยากต่างหาก อะไรๆมันก็ดูเป็นเรื่องงานเรื่องการไปหมด สายตาที่เขามองเธอก็เหมือนกับเธอเป็นคุณย่าอายุ 50 อย่างนั้นแหละ เธอเองก็ไม่ใช่เล่น ทำยังกับว่าเขาอายุสัก 50 แล้ว ไม่ใช่หนุ่มโสดอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”
“ฉันเป็นเลขาของเขานะยะ ไม่ใช่คู่นอน”
“เฮ้อ...” เคย์ถอนหายใจ “เธอน่ะ ไม่มีวันเป็นคู่นอนของเขาได้หรอก ตราบใดที่ยังเรียกเขาว่าคุณไลอ้อนอยู่อย่างนี้น่ะ”
“เธอเองก็เรียกเขาอย่างนั้นเหมือนกันนะยะ” โจอันแย้ง
“ใช่ แต่ที่ฉันเรียกอยากนั้นก็เพราะว่า นานๆครั้งถึงจะได้พบกับเขานะยะ ถ้าฉันได้เป็นเลขาฯของเขาอย่างเธอละก้อ รับรองเลยว่า ฉันจะต้องมีอะไรเล่นสนุกๆแน่”
“แล้วในที่สุดก็จะต้องจบลงโดยสูญเสียเงินเดือนงามๆไปด้วย” โจอันประชดให้ ถอดแว่นออก “ถ้าจอห์นเขารู้ว่าเธอจับตามองประธานบริษัทอยู่อีกคนหนึ่ง เขาจะคิดยังไง?”
“ก็หึงน่ะสิ เธอว่ามั้ย?” เคย์หัวเราะคิกออกมา “แต่เขาก็รู้นี่ว่าฉันเป็นคนที่ชอบลองไปเรื่อยๆ”
“บางครั้งฉันก็คิดว่าเรื่องพรรคนั้นควรจะเป็นเรื่องที่ขีดเส้นไว้” โจอันพูดยิ้มๆอย่างไม่เห็นด้วย
“เออ...พูดถึงจอห์นแล้วเรื่องคืนนี้ล่ะว่ายังไง?”
รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าของโจอันทันที
“ไปก็ได้” เธอส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ “แต่จะให้ฉันคอยรับรองน้องชายของจอห์นตลอดช่วงวันหยุดน่ะเห็นจะไม่ได้หรอก แค่คืนนี้เท่านั้นนะ”
“ขอบคุณพระ” เคย์สูดลมหายใจลึก “งั้นพอถึงบ้านแล้วเราเลยไปสนามบินด้วยกันเลยนะ เราควรจะไปถึงที่นั่นสักสามทุ่มครึ่งละเหมาะที่สุด เพราะฉะนั้นเตรียมตัวไว้ให้พร้อมก็แล้วกัน”
“ได้”
เสียงเรียกจากเครื่องพูดภายในดังขึ้น
“คะ?” โจอันกรอกเสียงถามลงไป
“ช่วยเข้ามาหาผมในห้องหน่อยได้ไหมคุณซอมเมอร์ส?” เสียงของแบรนดท์ ไลอ้อน สั่งออกมา
เคย์กำลังจะเดินไปถึงประตูเพื่อกลับไปห้องทำงานอยู่แล้ว เมื่อหันกลับมาเสริมว่า
“แล้วก็แต่งตัวให้มันเซ็กซี่กว่านั้นด้วย”
โจอันอึ้งอยู่กับเครื่องพูดภายในเป็นครู่ กลั้นลมหายใจไว้ หวังอยู่ในใจเพียงว่าคำพูดของเพื่อนสนิทคงจะไม่เข้าไปในเครื่องพูดที่ยังเปิดรออยู่
“ฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ คุณไลอ้อน” เขาตอบเสียงเบา
เมื่อตัดสายลงแล้ว เธอจึงเอื้อมมือไปหยิบแว่นสายตาขึ้นมาสวม หยิบสมุดดินสอขึ้นมาถือไว้ เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของเขา ก็หยุดจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ก่อนจะเคาะประตูและเดินเข้าไปภายใน
เก้าอี้แบบหมุนบุหนังตัวใหญ่ หมุนกลับมาเมื่อเธอเดินเข้าไปในห้อง สายตาที่เปี่ยมไปด้วยแววพินิจพิจารณากวาดไปทั่วร่าง โจอันพอจะอ่านความคิดของเขาออก รู้ดีว่าทรงผมกับแว่นตากรอบกระทำให้หน้าตาของตัวเองเป็นอย่างไร แบรนดท์ ไลอ้อน จะต้องแคลงใจในความสามารถของเธอที่จะทำตัวให้ดูเซ็กซี่อยู่มาก
และแล้ว แววพินิจพิจารณาในดวงตาคู่นั้นก็เลือนหายไป เปลี่ยนเป็นแววเอาการเอางานขึ้นมาแทนตามสภาพของนายจ้างกับลูกจ้าง เขาตรวจดูนัดหมายต่างๆสำหรับช่วงบ่าย ส่งม้วนเทปที่ได้อัดเสียงบันทึกข้อความที่ต้องการจะให้เธอพิมพ์ลงไว้ กับรายชื่อของบุคคลต่างๆที่เขาต้องการจะพูดทางโทรศัพท์ และให้เธอจัดการต่อให้ด้วย
แบรนดท์ ไลอ้อน สั่งงานโจอันติดต่อกันไปเรื่อยๆไม่มีการเอ่ยพาดพิงไปในทำนองว่าเขาได้ยินคำพูดของเคย์หรือไม่ อย่างที่โจอันระแวงตอนก่อนหน้าที่จะก้าวเข้ามาในห้อง
แต่กระนั้น เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เมื่อโจอันก้าวเข้าไปหยุดอยู่เบื้องประตูห้องทำงานส่วนตัวของนายจ้าง เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ก่อนที่เธอจะหยุดพักในวันสุดสัปดาห์ คำถามอย่างเป็นงานเป็นการที่เขาเอ่ยขึ้นก็กระทบเข้ากับความสงสัยที่ยังค้างอยู่ในใจ
“ค่ำวันนี้จะออกไปข้างนอกหรอ คุณซอมเอมร์ส?” เป็นคำถามที่แบรนดท์ตั้งขึ้นหลังจากที่บอกเธอแล้วว่า ไม่ต้องการอะไรเกี่ยวกับเรื่องงานที่จะให้เธอทำอีกแล้ว
“ก็วันนี้เป็นวันศุกร์นี่คะ” โจอันตอบด้วยน้ำเสียงราวกับว่า มันเป็นธรรมเนียมที่เธอปฏิบัติอยู่เป็นประจำ แทนที่จะต้องนั่งหง่าวอยู่เพียงลำพังคนเดียวในบ้าน
“งั้นก็...ขอให้สนุกนะ”
น้ำเสียงของแบรนดท์มิได้บอกว่าเขาจะเย้ยหยันหรือยั่วเย้าเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็แสร้งทำเป็นไม่แยแส
“ปกติก็สนุกอยู่แล้วละค่ะ คุณไลอ้อน สวัสดีนะคะ”
สายลมเย็นยะเยือกขณะที่โจอันเดินออกไปรอรถประจำทางอยู่ตรงป้าย หิมะปลายเดือนพฤศจิกายนได้เริ่มละลายลง ทิ้งความเย็นเยียบ และความแห้งแล้งไว้กับผืนแผ่นดินที่ย่างเข้าสู่วันแรกของเดือนธันวาคม ยามพลบเริ่มปรากฏขึ้นเหนือขอบฟ้าสีเทาแต่ความหน่วงหนักในบรรยากาศ มิได้ยอมให้สีทองอมชมพูของดวงอาทิตย์ยามอัสดง โผล่พ้นม่านเมฆออกมาได้เลย
เมื่อวันสุดสัปดาห์เวียนมาถึง บรรยากาศดูจะเงียบเหงากว่าในวันธรรมดา โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งรีบของการจราจรในชิคาโก โจอันรู้สึกสลดหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก และเธอก็รู้ดีว่าสาเหตุของความไม่สบายใจนั้น เนื่องมาจากคำพูดประโยคสุดท้ายที่มิได้บอกวามยินดียินร้ายของแบรนดท์ ไลอ้อน นั่นเอง
เมื่อโจอันสำเร็จจากวิทยาลัยบริหารธุรกิจ เธอได้สมัครเข้าเป็นพนักงานพิมพ์ดีดของบริษัทประกันรายใหญ่แห่งหนึ่ง ทำได้อยู่ 9 เดือน ก็ได้เห็นโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ว่าต้องการเลขานุการส่วนตัว วันนั้นเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เธอจึงได้มากรอกใบสมัครที่บริษัทไลอ้อน คอนสตรัคชั่นแห่งนี้ และก็ได้พบกับเคย์ มอร์แลนด์ ซึ่งสมัครเข้าทำงานในแผนกคอมพิวเตอร์ด้วย
อีก 2 วันต่อมา เธอก็ได้รับโทรศัพท์เรียกให้มาสัมภาษณ์ในวันนั้น เป็นวันที่แบรนดท์ ไลอ้อน กำลังก้มหน้าก้มตาหาแฟ้มเอกสารที่ต้องการอยู่หน้าตู้เช่นกัน เขาไม่ยอมเสียเวลาแนะนำตัวเองด้วยซ้ำ เมื่อสั่งให้เธอหาแฟ้มที่ต้องการให้ โจอันใช้เวลาจัดแฟ้มเอกสารต่างๆให้เข้าระบบอยู่เป็นครู่ จึงได้แฟ้มที่เขาต้องการ
เมื่อตอนที่เธอส่งแฟ้มให้ แบรนดท์ ไลอ้อน กำลังพูดโทรศัพท์ทางไกลอยู่กับใครคนหนึ่ง เขาบอกให้คนที่อยู่ปลายสายรออยู่ก่อนเมื่อกล่าวคำขอบใจ และสั่งให้เธอชงกาแฟให้ เมื่อทำงานตามที่เขาสั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว โจอันก็ออกมานั่งคอยอยู่ในห้องทำงานด้านนอกด้วยใจคอไม่ใคร่ดีนัก กึ่งคร้ามเกรงที่ได้เห็นผู้ที่จะเป็นนายจ้างคนใหม่ยังหนุ่มอยู่มาก หรืออย่างน้อยก็ยังไม่แก่เลย เพราะอยู่ในวัย 30 เศษเท่านั้น บุคลิกลักษณะของแบรนดท์บอกให้รู้ถึงความเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองอยู่ ถ้าเขาต้องการอะไรแล้วจะต้องได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม โจอันอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงใบหน้าขมวดมุ่นบึ้งตึง ตอนที่เขาไม่สามารถหาแฟ้มเอกสารที่ต้องการจากตู้เก็บเอกสารได้
ช่วงที่เธอกำลังนั่งใจลอยอยู่นั่นเอง เขาก็ก้าวออกมาจากห้องทำงานส่วนตัว เธอก็รู้สึกอึดอัดใจอยู่มากที่เห็นดวงตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นจ้องเขม็งมา ให้สงสัยอยู่ในใจว่า คนลักษณะนี้จะวิ่งไล่เลขานุการไปรอบๆโต๊ะหรือไม่หนอ และอดคิดต่อไม่ได้ด้วยว่า มันจะน่าตื่นเต้นสักเพียงไรถ้าถูกเขาจับตัวไว้ได้
“ผมคิดว่าตัวเองต้องการเลขาฯที่มีอายุ แล้วก็มีประสบการณ์มากกว่านี้นะ” เขาเอ่ยขึ้นก่อน
โจอันยังจำได้ว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงเร็วเพียงไรเมื่อได้ยินคำพูดเรียบๆ แต่ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเช่นนั้น เป็นน้ำเสียงที่ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาจะต้องฟัง และต้องนั่งตัวตรงขึ้นอย่างไม่ตั้งใจด้วย
“แต่ฉันก็เชื่อว่าตัวเองมีความสามารถสำหรับตำแหน่งนี้ค่ะ คุณไลอ้อน” โจอันตอบด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ
“งั้นเราก็จะลองดูว่าคุณทำได้แค่ไหน” เธอยังจำได้ว่าเขาพยักหน้าประกอบคำพูดก่อนที่จะหมุนตัวกลับ
“คุณหมายความว่า...ฉันได้งานทำแล้วใช่ไหมคะ?” ตอนนั้นเธอยังมั่นใจอยู่ว่าเขามิได้ต้องการเธอเลยแม้แต่น้อย จึงไม่แน่ใจว่าตัวเองจะแปลความหมายในคำพูดของเขาได้อย่างถูกต้อง
“อ้าว...ก็คุณสมัครเข้ามาทำไม่ใช่หรือ?” แบรนดท์ ไลอ้อน กลับย้อนถามด้วยน้ำเสียงกึ่งรำคาญ และโจอันก็ผงกศีรษะรับแทนคำตอบ “งั้นก็ลงมือเสียสิ”
ในตอนแรกๆนั้น โจอันมีความคิดว่า การที่เขาตัดสินใจรับเธอเข้าทำงานอย่างรวดเร็ว ก็เนื่องจากมีความต้องการที่จะได้ใครสักคนมาทำหน้าที่แทนเลขาฯคนเก่าที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อาการสาหัส แต่เมื่อเวลาผ่านไปจึงได้รู้ว่า ก่อนหน้าที่จะถึงเวลานั้นเขาได้สอบปูมหลังของเธอมา ก่อนที่จะเรียกให้มารับการสัมภาษณ์ด้วยซ้ำ แต่กระนั้นเธอก็ยังอดแฝงความเชื่อไว้ในใจไม่ได้ว่า การที่เธอสามารถค้นหาแฟ้มเอกสารให้กับเขาในวันแรกได้อย่างทันใจ คือเหตุผลที่ทำให้เขาจ้างเธอเข้าทำงานมากกว่า