บทที่สาม ตอบโต้สามีปากร้าย
เช้าวันต่อมา
“หากข้ารู้ว่าข้าเคยวางยากำหนัดหวงจื่อหานเพื่อต้องการเป็นภรรยาของเขาเมื่อคืนข้าคงมิกล้าแบกหน้าไปหาเขาถึงเรือนหรอก เฮ้อ~”
หลังจากเมื่อวานโดนไล่ออกมาสภาพมิต่างอันใดจากสุนัขตัวหนึ่ง หวางเสี่ยวเหยาจึงจับสาวใช้คนเดียวของตนเองมาเค้นถามเรื่องในอดีตของร่างนี้....จึงได้รู้ความจริงอย่างหนึ่ง
นางเป็นอนุเพราะกระทำการวางยากำหนัดเขา....ช่างเป็นเรื่องที่น่าขายหน้ายิ่งนัก
หวงจื่อหานจะรังเกียจร่างนี้ก็มิแปลก
ทว่าที่นางเศร้าใจยิ่งนักมิใช่เพราะตนเองรู้สึกเสียหน้า แต่นางเสียใจเพราะความฝันที่จะสร้างครอบครัวอบอุ่นธรรมดากับสามีที่ดีและรักใคร่กันสักคนหนึ่งของตนเองเป็นอันพังทลายลงไปเสียแล้ว
ตอนแรกหวางเสี่ยวเหยาคิดว่าจะไปขอโทษและปรับความเข้าใจกับเขาใหม่เรื่องนางในตอนนี้มิใช่คนนิสัยเสียคนเดิม แต่นางกับลำแทบไม่ทันเมื่อมีคำสั่งส่งตรงมาจากเรือนใหญ่ตั้งแต่เช้าตรู่มาแจ้งแก่อนุหวางซึ่งก็คือนางนั่นเอง
“นายท่านสั่งมิให้อนุหวางกระทำการใดใดทั้งสิ้นเกี่ยวกับนายท่าน รวมทั้งเรื่องห้ามเดินเข้าออกไปยังเรือนใหญ่ด้วยขอรับ หากฝ่าฝืนคำสั่ง ให้พ่อบ้านจ้าวสามารถลงโทษได้ตามกฎของจวนขอรับ”
“บทลงโทษตามกฎของจวนคืออะไรหรือ”
“ใช้หวายตีหนึ่งร้อยไม้เป็นขั้นต่ำขอรับ”
“อ้อ....” หวางเสี่ยวเหยากลืนน้ำลายหนืดคอ “โอเค...ข้าหมายถึงตกลงน่ะ”
ผู้มาแจ้งคำสั่งแก่หวางเสี่ยวเหยาคืออู๋สี่คนดีคนเดิม
ลูกน้องผู้มีใบหน้าตายด้านไร้อารมณืความรู้สึกมิต่างอันใดกับเจ้านายตนเอง ก่อนไปชายหนุ่มทำสีหน้าเหมือนด่าว่านางสติเลอะเลือนพูดจาไม่รู้ความแวบหนึ่งก่อนเดินจากไปเสียด้วย
“ห้ามยุ่งกับกิจธุระทั้งหมดเกี่ยวกับสามีตนเอง เช่นนี้ต่างต่างอันใดกับเป็นคนแปลกหน้าที่อาศัยอยู่ในจวนเดียวกันเท่านั้นเนี่ย”
ดวงตาของหวางเสี่ยวเหยาส่อประกายหม่นหมองลงชั่วแวบเดียวก่อนกลับไปเรียบสนิทดั่งเดิม
“นายท่านคงกำลังมีโทสะเจ้าค่ะอนุหวาง เวลาล่วงผ่านไปอีกหน่อยคงคลายความโกรธลงบ้าง ถึงยามนั้นอนุหวางก็ประพฤติตัวเรียบร้อยรออยู่ในเรือนดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ดี”
“โถ่อนุหวาง หากขัดต่อคำสั่งนายท่านเกรงว่าจะโดนบทลงโทษนะเจ้าคะ ขะ ข้าน้อยเป็นบ่าวดูแลอนุหวางเกรงว่าจะรับมิไหว เพียงห้าสิบไม้ก็สามารถฆ่าคนให้ตายได้แล้วเจ้าค่ะ”
อาหลางตัวสั่นเทายามนึกถึงบทลงโทษ นางเป็นสาวใช้ตัวน้อยเพียงขั้นสามเท่านั้น ปกตินางต้องทำงานถูพื้น หรือไม่ก็งานตากแดดทว่าได้เลื่อนขั้นเป็นสาวใช้คนสนิทของหนึ่งในเจ้านาย งานสบายขึ้นมากโขทว่าความเสี่ยงเพราะต้องรับบทลงโทษเดียวกับเจ้านายของตนเองก็มีมากขึ้นด้วย
“ข้ามิปล่อยให้ตนเองโดนลงโทษหรอกน่าอาหลาง แม้ว่าข้ามิได้คิดอยู่เฉยที่เรือนนี้เป็นเพราะข้ามีเรื่องคั่งค้างต้องจัดการต่างหาก รับรองไม่ผิดจากคำสั่งของเจ้านายพวกเจ้า”
“จะ เจ้าค่ะอนุหวาง”
พูดจบหวางเสี่ยวเหยาก็ลุกขึ้นจากที่นั่งและเดินตรงออกจากเรือนไป หนทางที่นางมุ่งเดินไปเหมือนเป็นเรือนใหญ่อย่างไรอย่างนั้นทว่าเดินมาได้สักระยะหนึ่ง หวางเสี่ยวเหยาก็เดินเลี้ยวเข้าไปในโรงครัวกลาง
หญิงสาวหายเข้าไปนานเกือบหนึ่งชั่วยามก่อนเดินออกมาพร้อมกับชามขนมน้ำส่งกลิ่นหอมและแผ่มวลความสดชื่นเพียงได้เห็นด้วยตา
พ่อบ้านจ้าวที่บังเอิญเดินมาแถวนี้เห็นยังอดกลืนน้ำลายมิได้แม้ว่าจะรู้สึกมิค่อยชื่นชอบสตรีนิสัยไม่ดีผู้นี้ที่เจ้านายพากลับมาสักเท่าไหร่ก็ตาม
“อ้าว ท่านพ่อบ้านจ้าวมาพอดีเลยเจ้าค่ะ นี่ถึงเวลาพักผ่อนของคนงานในจวนพอดี เชิญเข้าไปชิมขนมน้ำที่ข้าเพิ่งทำเสร็จได้เลยเจ้าค่ะ
เมื่อวานข้าวางแผนเอาไว้ว่าจะทำขนมหวานสูตรพิเศษให้ท่านพี่สักหน่อย ในเมื่อเจ้านายของท่านมิต้องการ จะทิ้งวัตถุดิบที่ซื้อมาก็รู้สึกเสียดายของจึงเปลี่ยนเป็นทำให้พวกคนใช้กินเสียเลย ท่านพ่อบ้านคงมิคิดว่าข้าสิ้นเปลื้องงบของจวนหรอกนะเจ้าคะ”
หวางเสี่ยวเหยในเวลานี้น้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง รอยยิ้มหวานประดับบนใบหน้าครบเครื่องยิ่งส่งเสริมให้หญิงสาวงามล้ำขึ้นไปอีก
ผิดไปจากที่ผ่านมาที่แม้ภายนอกงดงามเพียงใดทว่ากริยาที่แสดงออกมาสามารถฉุดรั้งความงามเหล่านั้นให้หายไปจนสิ้นได้ทันที
“นายท่านมีงบให้คนในจวนมากล้นจนใช้ไม่หมดในแต่ละเดือนขอรับ เรื่องนั้นอนุหวางมิต้องเป็นห่วง ว่าแต่อนุหวางทำขนมอะไรหรือไยหน้าตาจึงคล้ายน้ำแข็งใสทว่ามองดูอีกทีก็ดูมิใช่เสียทีเดียว”
“เจ้าค่ะ มิใช่เสียทีเดียว คนเมืองข้าเรียกว่าโบ๊กเกี้ย นิยมกินคลายร้อนในคิมหันต์ฤดูเช่นนี้ ข้าใส่เครื่องเพิ่มความอร่อยเข้าไปหลายอย่างท่านพ่อบ้านจึงอาจไม่คุ้นชินทั้งมะเขือเทศเชื่อม พุทราจีน เส้นบะหมี่เหนี่ยวนุ่มนี้ข้าทำเองกับมือ ถั่วแดง ข้าวโพด ลูกชิด เฉาก๊วย และวุ้นเจ้าค่ะ รับรองว่าอร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกายแน่นอน”
“น่าทานยิ่งนัก ลำบากอนุหวางแล้วขอรับ”