บทที่สอง สามีเกลียดภรรยาอย่างนั้นหรือ
ครั้นพอกลับมาที่จวนผู้ตรวจการของสามีตนเอง หวางเสี่ยวเหยาบนใบหน้านางยังคงความร่าเริงไว้เช่นเดิม ทว่าหากมองให้ลึกลงไปจึงจะเห็นสีหน้าเป็นกังวลราวกับมีเรื่องให้คิดมากมายในใจ ทว่าความตั้งใจก่อนออกไปตลาดเป็นเช่นไรยามกลับมาที่จวนก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
หวางเสี่ยวเหยามาถึงก็ให้คนพาเดินไปยังห้องครัวใหญ่สถานที่ทำอาหารแห่งเดียวของจวนแสนโอ่อ่าแห่งนี้
“นี่อนุหวางเจ้าคะ ที่นี่มิใช่สถานที่ให้ละเล่นเอาแต่ใจหรอกนะเจ้าคะ อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามจะถึงเวลาตั้งสำรับมื้อเย็นของนายท่านแล้วเกรงว่าพวกเราจะไม่ว่างมารับใช้อนุหวางเจ้าค่ะ”
“ข้ามิได้มาละเล่นนี่ พี่ๆสาวใช้ห้องครัวสุดสวยทั้งหลาย ไยจึงปั้นหน้ายักษ์ไม่เป็นมิตรกับข้าเช่นนี้ เอาเป็นว่าข้าคนก่อนเป็นอย่างไรก็ช่างเถิดไว้คิดบัญชีกันทีหลังดีหรือไม่พี่ๆสุดสวยทั้งหลาย วันนี้ข้ามาเพื่อต้องการทำอาหารให้สามีของข้ารับประทานเจ้าค่ะ หากได้พวกพี่ช่วยคงจะดีมิน้อย”
“อนุหวางผีเข้ารึ”
“เออ ข้าก็คิดเหมือนกัน วันก่อนยังตบข้าอยู่เลยที่ถูพื้นห้องนางไม่สะอาด”
“วันนั้นนางก็เพิ่งด่าว่าข้ากลิ่นตัวเหม็นเช่นเดียวกัน”
“เออออกับนางไปก่อนเดี๋ยวพวกเราโดนลงไม้ลงมือใส่อีก”
คนใช้ในครัวกระซิบกระซาบกัน หวางเสี่ยวเหยายังคงยิ้มและมองหน้าพวกนางตาปริบๆทำท่าว่าไม่ได้ยินเสียงกระซิบของพวกเขา
“อนุหวางทำอาหารเป็นรึ”
“ทำเป็นเจ้าค่ะ แต่ข้ามิถนัดอุปกรณ์ของที่นี่สักเท่าไหร่จึงอยากให้พวกพี่สาวช่วยเป็นลูกมือให้ข้าด้วยย่อมดีที่สุด”
“ทำเป็นแน่รึ”
“แน่สิ”
ไม่มั่วนะ อย่าอวดดี~
หวางเสี่ยวเหยาต่อมุกเพลงในใจอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นสีหน้าที่ดีขึ้น เป็นมิตรขึ้นของพวกคนใช้ในครัวแม้ว่ายังคงแสดงความไม่ไว้วางใจอยู่หลายส่วนก็ตาม
“หากไม่ถูกปากนายท่านเกรงว่าพวกเราจะถูกทำโทษไปด้วย”
“ถูกปากแน่นอนเจ้าค่ะ ฝีมือข้าเสียอย่าง หากไม่มั่นใจข้าไม่อาสาหรอกน่า”
อย่าได้ดูถูกอาชีพหลักในการแฝงตัวอยู่ตามเมืองต่างๆในการทำภารกิจสืบข้อมูลของนางในชาติที่แล้วเชียว
ไว้ใจเชฟอู๋ย่าลู่ได้เลย
เวลาผ่านไปราวสามในสี่ชั่วยาม อาหารหน้าตาแปลกประหลาดไม่เหมือนอาหารของคนยุคสมัยนี้สองอย่าง อาหารคุ้นตาอยู่สามอย่างถูกรังสรรค์ออกมาเสร็จเรียบร้อย
หน้าตาประหลาดทว่าสีสันและกลิ่นหอมเรียกน้ำย่อยยิ่งนัก
อาหารที่นางทำประกอบไปด้วย เป็ดยัดไส้ข้าวเหนียว ยำเนื้อวัวย่าง กุ้งผัดต้นหอม ไก่ต้มน้ำปลา และสุดท้ายคือตับหมูผัดพริก
นางตั้งใจทำอาหารของคนที่นี่และผสมเมนูแปลกใหม่ในยุคของนางเข้าไปด้วยบางเมนูเพื่อที่สามีนางจะได้ไปไม่แปลกใจจนเกินไปถ้านางทำเมนูไม่คุ้นชินจนหมด
“ปะ ยกไปเสิร์ฟ เอ้ย ขึ้นสำรับให้ท่านพี่กันเถอะพี่สาวทั้งหลาย”
“เจ้าค่ะ”
สาวใช้ในครัวหลายคนต่างได้ชิมอาหารบางส่วนที่แยกเอาไว้ให้พวกนางล้วนยินยอมปฏิบัติตามเจ้านายสาวอย่างเคร่งครัด
ใครได้กินอาหารพวกนี้ล้วนต้องติดใจกันไปตามๆกันเป็นแน่ หากนายท่านพวกนางกินเกรงว่าจะส่งผลทำให้อารมณ์ดี
ใครจะไปรู้พวกนางอาจได้รับเงินหลายตำลึงตอบแทนก็เป็นได้
สำรับถูกตั้งโต๊ะในเรือนใหญ่ของหวงจื่อหานทว่าในขณะที่หวางเสี่ยวเหยากำลังเดินทอดน่องตามสาวใช้เข้าไปในเรือนด้วยอีกคนกลับโดนลูกน้องคนสนิทของเจ้าของเรือน อู๋สี่ หวางเสี่ยวเหยาคลับคล้ายคลับคลาว่ามีคนบอกว่าบุรุษผู้นี้เปรียบเสมือนมือซ้ายของสามีนางก้าวมาขวางเอาไว้
“นายท่านมีคำสั่งมิให้อนุหวางเข้ามายุ่งวุ่นวายที่เรือนใหญ่ขอรับ เชิญแม่นางกลับเรือนพำนักเถอะขอรับ”
“ทำไมกัน....เพราะเหตุใดข้าเข้าไปมิได้ แล้วไยพวกนางเข้าได้เล่า”
จะไม่ให้หวางเสี่ยวเหยางงงวยได้อย่างไรในเมื่อคนเป็นภรรยาแท้ๆกลับไม่สามารถเข้าไปในเรือนของสามีตนเองได้แต่พวกสาวใช้กลับเดินเข้าออกได้อย่างง่ายดาย
“เป็นคำสั่งของนายท่านโดยตรงขอรับ เชิญแม่นาง”
“ตะ แต่....”
สุดท้ายหวางเสี่ยวเหยาก็โดนลูกน้องของหวงจื่อหานสองคนลากกลับมาที่เรือนท้ายจวนของตนเองในขณะที่ดวงตามองตามอาหารเหล่านั้นจานแล้วจานเล่าถูกยกเข้าไปตาละห้อย
อาหารที่ตนเองใช้หยาดเหงื่อแรงกายและความใส่ใจตั้งใจตั้งแต่ไปตลาดเพื่อคัดสรรค์วัตถุดิบด้วยตนเองแล้วนำมาปรุงอาหารเลิศรสให้เขาทาน
“อร้าย~ เจ้าสามีใจดำ”
หากคิดว่าการกีดกันเพียงเท่านี้ของพวกเขาจะทำให้หวางเสี่ยวเหยาคนนี้ท้อใจไปล่ะก็ บอกเลยว่าพวกเขาคิดผิด
เหอะ! คอยดูเถอะนางจะทำให้สามีผู้นี้ยอมเปลี่ยนความคิดในการมองนางใหม่เลยแหละ
เอ ว่าแต่นางจะใช้วิธีไหนดี ในเมื่อชาติที่แล้วหวางเสี่ยวเหยาก็ไม่เคยตามจีบใครเสียด้วยสิ เรียกได้ว่าให้นางทำงานหนักยังดูง่ายเสียกว่า
เฮ้อ~