สรุปคือ
“สรุปคือฉัน....ไม่สิ ข้ามีนามว่าหวางเสี่ยวเหยา เป็นบุตรีของเจ้าเมืองอานฉวนอันไกลโพ้นกับมารดาที่มีฐานะเป็นอนุ ข้าถูกรับมาเป็นอนุภรรยาของเจ้านายพวกเจ้านายนามว่าอันนะ....หวงจื่อห่า....”
“มิใช่จะ เจ้าค่ะ นายท่านนามว่าหวงจื่อหานเป็นขุนนางสนิทขององค์ฮ่องเต้มีตำแหน่งเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินเจ้าค่ะ”
“อ้อ นั่นแหละ หวงจื่อหานเขาเป็นสามีของข้า เราแต่งงานกันเมื่อไม่กี่วันก่อนงั้นเหรอ”
“อะ เอ่อ จะเรียกว่าแต่งงานก็ได้เจ้าค่ะ อนุวะ หวาง”
“เป็นผัวเมียกันก็ต้องแต่งงานกันสิ ข้าพูดผิดตรงไหนกัน”
“อะ เอ่อ เจ้าค่ะอนุหวางพูดถูกทุกอย่าง”
“ที่ข้าส่องในคันฉ่องเมื่อสักครู่ หากมิใช่เพราะดวงตาข้าผิดปกติข้าก็ว่าใบหน้านี้งดงามพอตัวอยู่นะ ไยเจ้าจึงเอาแต่ก้มหน้าไม่มองผู้พูดราวกับข้าน่าเกลียดน่ากลัวเสียอย่างนั้น หรือคนที่โบราณเขามีกฎไม่ให้บ่าวสบตาคนเป็นนายกัน”
“อะ เอ่อ มิได้น่าเกลียดเลยเจ้าค่ะ งะ งาม งดงามเหนือผู้ใดยิ่งเจ้าค่ะ”
“โกหก เจ้ากลัวข้า”
อู๋ย่าลู่ฟันธงในใจ
เรื่องความน่าเกลียดตัดออกไปเป็นอันดับแรก ท่าทางของสาวใช้ผู้นี้คือท่าทางของคนกลัวเจ้าของร่างนี้อย่างแน่นอน
เหมือนคนเคยโดนทำร้ายแล้วกลัวว่าจะโดนทำร้ายอีก
สงสัยนิสัยของสตรีผู้นี้คงแย่มาก
เฮ้อ สวรรค์หนอสวรรค์ไยให้อู๋ย่าลู่มาเกิดในร่างของคนสวยแต่รูปทว่าข้างในเน่าเฟะเช่นนี้
“ข้าคนเก่านิสัยแย่มากเลยใช่หรือไม่....ตอนนี้ข้าความจำเสื่อม เท่ากับเป็นคนใหม่ เจ้าไม่ต้องกลัวข้าแล้ว
มาๆเจ้ามาตอบคำถามข้าดีกว่า....หวงจื่อหานมีภรรยากี่คนแล้ว”
“เจ้าคะ?”
“ข้าถามว่าสามีจอมเจ้าชู้ของข้ามีภรรยากี่คนแล้ว ข้าเป็นเมียน้อยคนที่เท่าไหร่รึ”
“นะ หนึ่งเจ้าค่ะ”
“ก็ยังดี นึกว่าคนในยุคโบราณจะมีภรรยาเป็นสิบเสียอีก เมียหลวงเขาชื่ออะไร”
“มะ ไม่มีเจ้าค่ะ ข้าน้อยหมายถึงนายท่านมีอนุภรรยาหนึ่งคนคือท่านเจ้าค่ะ”
“อ้าว” ตอนแรกที่ได้ยินว่าตนเองมีสถานะเป็นอนุภรรยาหากพูดถึงในปัจจุบันเขาเรียกกันว่าเมียน้อยนั่นเอง ตอนนั้นในใจอู๋ย่าลู่รู้สึกหดหู่ยิ่งนัก
ดันมาเกิดในร่างของสตรีมีสามีแล้วไม่พอ นางยังเป็นสตรีที่ใช้สามร่วมกับผู้อื่นอีกด้วย แน่นอนว่าสตรียุคสองพันอย่างอู๋ย่าลู่ไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ได้ คิดไกลขนาดที่ว่าจะหาทางหย่าขาดจากสามีเสียแล้วค่อยไปหาทางดำเนินชีวิตต่อไปข้างนอกด้วยตนเอง
ครั้นได้ยินว่าตนเองเป็นเมียคนเดียว จิตใจค่อยฟูฟ่องชุ่มชื้นขึ้นมาหน่อยแม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าไยมีเมียคนเดียวแต่กลับเป็นเพียงอนุภรรยาก็ตาม
“มีเมียเดียวแต่เป็นอนุภรรยา....อืม แปลกจัง”
“อันใดจังๆนะเจ้าคะอนุหวาง”
“ข้าหมายถึงแปลกยิ่งนัก เจ้ามีอันใดจะเล่าเกี่ยวกับข้าอีกหรือไม่ เล่ามาให้หมด”
“อะ เอ่อ เอ่อ...มะ ไม่มีเจ้าค่ะ”
ไม่มีหรือไม่กล้าเล่ากันแน่ สาวใช้ผู้นี้คงไม่กล้าเล่าวีรกรรมของเจ้าของร่างนี้เป็นแน่
“ช่างเถอะ เดี๋ยวข้าอยู่ไปก็ปรับตัวได้เองนั่นแหละ”
ชาติที่แล้วงานของอู๋ย่าลู่ต้องเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม สวมรอยเป็นบุคคลนู้นบุคคลนี้เพื่อแฝงตัวสืบข้อมูลตั้งมากมาย
ครั้งนี้แม้มิใช่การทำภารกิจเพื่อประเทศ ทว่าอู๋ย่าลู่จะถือว่าตนเองกำลังทำภารกิจเพื่อชีวิตตนเองก็แล้วกัน
ชาติที่แล้วหลังจากเรียนต่อต่างประเทศจบจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดก็สมัครเข้าไปเป็นสายลับในหน่วยงานสายลับของประเทศอังกฤษทันที ทำงานที่ตนเองภาคภูมิใจเพื่อประเทศจนกระทั่งอายุสามสิบนอกจากเรื่องงานที่ทำเพื่อประเทศแล้วเรื่องอื่นถือว่าอู๋ย่าลู่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
เป็นเด็กทุนหัวกะทิของประเทศ ทว่าไร้ครอบครัวเพราะเป็นเด็กกำพร้าอยู่ในความปกครองของมูลนิธิของนายทุนอังกฤษ
ตั้งแต่จำความได้จึงทำเพียงเดินตามเส้นทางที่มีคนวางให้เดินอยู่แล้ว
ไม่เคยท่องเที่ยวแบบไม่ต้องคิดถึงหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ไม่เคยมีความรักเพราะอาชีพของตนเองไม่มีหลักแหล่งที่แน่ชัด
จนกระทั่งตายเพราะดันไปจับวัตถุแปลกประหลาดสวรรค์เมตตาให้มาเกิดในร่างนี้อีกรอบ
ชาตินี้อู๋ย่าลู่จึงหมายใจเอาไว้แล้วว่านับจากวันนี้นางจะทำเพื่อตนเอง
ท่องเที่ยวเดินทางอย่างอิสระเสรี
สร้างครอบครัวของตนเอง มีสามี มีลูกอย่างอบอุ่น
ต่อจากนี้ไม่มีแล้วสายลับอู๋ย่าลู่
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนางคือ....หวางเสี่ยวเหยา
เจ้าของชีวิตของตนเอง ลิขิตเส้นทางเดินของตนเองคนเดียวเท่านั้น!!!
“ในเมื่อหวงจื่อหานมีภรรยาคนเดียวคือข้า การที่ข้าเป็นเพียงอนุภรรยาของเขาเกรงว่าเป็นเพราะสถานะทางบ้านเกิดข้าไม่ดี หรือไม่ข้าก็อาจมีจุดเริ่มต้นไม่ดีกับเขา....ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ ต่อจากนี้ข้าจะเริ่มต้นใหม่ ในเมื่อสามียังไม่รัก ข้าก็จะทำให้เขารักข้าเป็นสิ่งแรกก็แล้วกัน ไป อาหลางพวกเราออกไปปฏิบัติภารกิจของนอกบ้านกัน”
“หืม อนุหวางจะไปที่ใดเจ้าค่ะ”
“ตลาด....ข้าอยากไปตลาดเพื่อไปซื้อของมาทำอาหารให้สามีรับประทาน นี่ย่อมเป็นหน้าที่ของภรรยาที่ดีมิใช่หรือไง”
“อะ เอ่อ ไม่ดีมั้งเจ้าคะ อนุหลางอยู่เฉยๆสงบเสงี่ยมอยู่ที่เรือนแห่งนี้ดีที่สุดเจ้าค่ะ แหะๆ”
“ไม่ เจ้านั่นแหละตามข้าออกมา มิต้องพูดมาก”
“จะ เจ้าค่ะ”
รถม้าคันเล็กเคลื่อนพาสองสตรีหนึ่งเจ้านายหนึ่งลูกน้องที่ถูกมัดมือชกให้ติดตามออกมาจากจวนเพื่อนำทางหวางเสี่ยวเหยาออกมาตลาด พอรถม้าถึงที่หมายอาหลางก็รีบลงจากรถม้าแล้วคุกเข่าลงไปที่พื้น ชันเข่าตนเองขึ้นข้างหนึ่งเพื่อให้เจ้านายใช้ต่างบันไดในการลงจากรถม้า
“นั่นเจ้าทำอันใดอาหลาง”
“บันไดจวนของพวกเรายังมิได้หาซื้อเจ้าค่ะอนุหวาง เชิญเหยียบเข่าข้าน้อยลงมาได้เลยเจ้าค่ะ”
“บ้าไปกันใหญ่แล้ว พื้นเตี้ยเช่นนี้ขนาดเด็กยังกระโดดก้าวลงไปได้อย่างง่ายดายไยต้องใช้บันไดด้วย อาหลางหลบหน่อยข้าจะเดินลงเอง”
“จะ เจ้าค่ะ”
หลังจากจบเรื่องลงจากรถม้าได้อย่างปลอดภัยอาหลางก็พาหวางเสี่ยวเหยาเดินเข้าร้านที่นางต้องการซื้อของ ทว่าไม่รู้เป็นเพราะจิตใจนางเป็นสตรียุคอนาคตหรือย่างไรจึงทำให้หวางเสี่ยวเหยาตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ตนเองเห็นยิ่งนัก จึงเดินเข้าร้านนี้ทีออกร้านนู้นทีมิใช่แค่เพราะต้องการซื้อของอย่างจุดประสงค์ตอนแรก ทว่าหญิงสาวต้องการเดินดูของเที่ยวเล่นมากกว่าเสียแล้ว
หากสัญชาตญาณของหวางเสี่ยวเหยาไม่จับสังเกตสิ่งผิดปกติบางอย่างได้ในขณะนางกำลังเดินดูของที่ตลาดเสียก่อนเกรงว่าวันนี้พวกนางควจะกลับจวนไปไม่ทันก่อนมื้อเย็นเป็นแน่
ในขณะที่พวกนางกำลังเดินเล่นอยู่มีคนแอบเดินตามพวกนาง!
หวางเสี่ยวเหยาไม่ได้หันไปมองทิศทางที่หางตาเห็นความเคลื่อนไหวผิดปกติเพราะกลัวมันไหวตัวทัน
ข้างหน้าเป็นร้านแผงลอยขายข้าวของเครื่องใช้ของอิสตรี หวางเสี่ยวเหยาจูงมืออาหลางเดินเข้าไปดูของด้วยท่าทีร่าเริงเช่นเดิม
“ข้าอยากไปดูของร้านนั้น”
“เจ้าค่ะ”
“สินค้าร้านเราทั้งคุณภาพดีสมราคา คุณหนูเชิญหยิบจับลองดูก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
“กระจกนี้ลวดลายแปลกตายิ่งนัก แกะสลักไม้พวกนี้ช่างที่ร้านทำเองหรือเจ้าคะ”
มือบางหยิบกระจกบานเล็กเท่าฝ่ามือขึ้นมาดูใกล้ๆ ปากก็พ่นบทสนทนาไปอย่างคล่องแคล่วส่วนดวงตาคมดุจเหยี่ยวก็มองภาพสะท้อนในกระจกโดยละเอียด
เจอแล้ว
มีบุรุษสวมชุดชาวบ้านทั่วไปกำลังมองจ้องมาที่นางจริงๆด้วย
ไม่ใช่ท่าทีของบุรุษติดตามโฉมงามเพราะตกหลุมรักหรืออันใดด้วย
ดูจากชุดไม่ใช่ผู้คุ้มกันของจวนหวงจื่อหานแน่นอนหวางเสี่ยงเหยาจำได้
ทำไมจึงมีคนสะกดรอยตามสตรีสามัญอย่างบุตรของอนุบ้านนอกคนหนึ่งด้วย
“ข้าซื้อกระจกนี้กับปิ่นปักผมอันนี้เจ้าค่ะคุณป้า อาหลางข้าฝากจ่ายเงินด้วย เดี๋ยวข้ามาเจ้ารออยู่แถวนี้ก่อน”
หวางเสี่ยวเหยาถือของที่เพิ่งซื้อติดตัวไปด้วยก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งเดินเข้าไปตรอกเล็กๆตรอกหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย! หายไปไหนแล้วเนี่ย โอ๊ย!”
“ใครสั่งเจ้าให้ตามข้ามา!”
บุรุษร่างสูงโดนเชือกเส้นหนาขึงพาดคอ อีกทั้งยังมีปลายแหลมของปิ่นสตรีจิ้มอยู่บริเวณเส้นเลือดใหญ่จุดตายบนลำคออย่างแม่นยำ
“ปล่อยข้า!”
“ข้าถาม! ตอบ!”
“....”
ไร้เสียงตอบกลับทำให้หวางเสี่ยวเหยาฉุกใจบางสิ่งบางอย่างโดยทันที ทว่าไม่ทันเสียแล้วร่างสูงใหญ่ทิ้งน้ำหนักตัวไปข้างหน้าตามแรงโน้มถ่วงของโลก หวางเสี่ยวเหยาปล่อยเชือกในมือ ไม่แม้แต่ช่วยรั้งร่างไร้ชีวิตนั้น ปล่อยให้ล้มกระแทกพื้นไปอย่างนั้น
หญิงสาวเดินเข้าไปใช้เท้าเขี่ยร่างไร้วิญญาณให้นอนหงายขึ้นมา
โลหิตสีดำไหลออกจากปาก
“กัดพิษในปากตาย”
นักฆ่าเดนตาย....
หากทำหน้าที่ไม่สำเร็จจะต้องจบชีวิตตัวเองลงเพื่อรักษาควาลับขององค์กร
สตรีที่นางมาสิงสถิตร่างผู้นี้เป็นเพียงบุตรีอนุธรรมดาจริงๆหรือ
บนใบหน้าสวยสง่าบัดนี้ตึงเครียดจริงจังขึ้นมาหลายส่วนยามมองไปที่ศพนักฆ่าเดนตายคนเดิม
