EP 6
‘นี่จะบอกให้นะ ผู้หญิงที่มันหอบมาอยู่ด้วย ถ้าใครคิดจะจับมันด้วยการปล่อยให้ท้องนะ รู้หรือเปล่าว่ามันทำยังไง มันเอาเงินฟาดหัวนังนั่นแล้วให้ไปรีดเด็กออก มันบอกว่ามันไม่อยากมีลูก มันไม่พร้อมจะเป็นพ่อคน กูได้ยินแล้วก็อยากจะหัวเราะ ไอ้นี่ท่าจะบ้า รวยจนล้นฟ้าแม่งบอกไม่พร้อม ทีกูหาเช้าแดกดึกมีลูกหัวปีท้ายปีก็ยังพร้อมจะเลี้ยงมันเลย’
‘ตอนเราจะไปยืมเงินมันนะ แม่งพูดดีสารพัดให้ไม่อั้น พอมันจะเอาคืนมันก็มาเร่งวันสองวัน พอหาไม่ทันแม่งก็ยึดที่เลย ดูสิไอ้ที่มันมีมากๆ น่ะมันก็ยึดเขามาทั้งนั้นล่ะ ไอ้ห่านี่แม่งรวยแล้วรังแกคนจนว่ะ’
และอีกหลายต่อหลายเสียงที่เคยวิ่งมาเข้าหูเธอในหลายต่อหลายปีมาแล้ว นี่ก็เป็นเหตุให้ความเกลียดชังในตัวเขาสะสมขึ้นเรื่อยๆๆ จนกลายเป็นกองใหญ่เท่าภูเขาเหล่ากาขึ้นมากระทั่งวันนี้ วันที่ตัวเธอเองต้องตกมาเป็นเหยื่ออำนาจเงินของเขา ด้วยน้ำมือพ่อเลี้ยงขี้เหล้า ขี้พนัน
ยิ่งคิดถึงข้อนี้ขึ้นมาน้ำตาที่เพิ่งจะเหือดแห้งก็กลับเอ่อล้นออกมาอีก จนต้องรีบเข้าไปเก็บตัวในห้องมืดๆ คนเดียว อีกทั้งยังไม่อยากเจอหน้าเจ้าของบ้านที่เพื่อนรักบอกว่าอีกไม่นานคงกลับ
แต่จวบจนเย็นย่ำสายัณห์ลาลับทิวไม้ไปแล้ว ก็ยังไม่เห็นจะมีวี่แววของเขาแต่อย่างใด จึงรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก อาหารเย็นจึงพอมีรสชาติขึ้นมาบ้าง โดยเฉพาะได้กินกับเพื่อนรัก ได้พูดคุยกันบ้างเพื่อขจัดความทุกข์ให้จางหายไป แม้เพียงชั่วเสี้ยวนาทีก็ตามที
“พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า แก้มจะมารอรับอยู่หน้าสะพานนะแอ้ สิงหาจะรออยู่หน้าสวนเหมือนเดิม แก้มโทรบอกให้มารับที่นี่เลยไม่ต้องไปบ้านแอ้ก่อน สิงถามใหญ่เลยว่าทำไมติดต่อแอ้ไม่ได้ นัดจะไปกินก๊วยเตี๋ยวท้ายซอยวันก่อนก็ไม่ไปตามนัด แก้มไม่รู้จะตอบว่าอะไรดีเลยบอกว่าแม่ไม่สบายแอ้เลยมานอนเป็นเพื่อน”
ชื่อนี้ทำให้อาหารอยู่ในปากแทบจะกลืนลงคอไปไม่ได้ จากนั้นหัวใจดวงน้อยๆ ก็เต้นแรงขึ้นๆ ประหนึ่งจะหลุดออกมานอกอกเพราะอาการเจ็บหนึบกำลังเล่นงานจนกระตุ้นต่อมน้ำตาให้เอ่อไหลอาบสองแก้มอย่างง่ายดาย อริสาดูเหมือนจะรู้และเข้าใจดี แต่ก็จำจะต้องเอ่ยถึงคนรักของเพื่อน เพื่อถามไถ่ว่าจะเอายังไงต่อไป
“แอ้ยังไม่รู้จะเอายังไงดีเลยแก้ม ในสัญญาเขาห้ามไม่ให้คบใครในระหว่างนี้ด้วย”
เพราะตอนที่ลงนามในสัญญาที่เจ้าหนี้เตรียมไว้ด้วยนั้น ปาลิตาไม่สนใจจะอ่านโดยละเอียดแต่อย่างใด เพิ่งจะได้หยิบมาอ่านเมื่อบ่ายนี้ จึงรู้ว่าเจ้าหนี้นั้นรอบคอบสมเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เพราะข้อผูกมัดสารพัดที่มีจนลูกหนี้ผู้จนตรอกอย่างเธอไม่อาจหาทางดิ้นให้หลุดได้
“อะไรนะ นายนี่ท่าจะบ้า อย่างนี้มันเข้าข่ายริดรอนสิทธิมนุษยชนนี่ แล้วอย่างนี้จะไปพบหน้าผู้ชายคนไหนได้ เกิดวันดีคืนดีอยากได้สวนขึ้นมาไม่หาเรื่องเอาหรอกเหรอ”
ความปากไวของอริสาเกิดขึ้นทันที เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องนี้ ปาลิตาพยายามสกัดกลั้นความขุ่นเคืองให้ได้ก่อนจะเอ่ยตักเตือนเพื่อนด้วยความหวังดี
“จะทำยังไงได้ล่ะแก้ม ก็เราต้องง้อเขานี่ ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็คงไม่มีวันได้สวนของพ่อกลับคืนแน่ มีกฏเราก็ต้องระวังไม่ให้ผิดกฏ ไม่งั้นทุกอย่างจะจบ แก้มก็เหมือนกันนะ จะคิดจะพูดอะไรก็ต้องระวังปากไว้บ้าง กำแพงมีหูประตูมีช่อง เกิดเรื่องถึงเขาเมื่อไหร่ลุงกับป้าจะลำบาก”
“รู้แล้วๆ แต่มันอดไม่ได้นี่แอ้ ห้ามขนาดนี้ก็แล้วทำไมไม่ห้ามไปเสียทุกอย่างเลยล่ะ ตั้งแต่ห้ามญาติมาเยี่ยม ห้ามเพื่อนมาเยี่ยม ห้ามไปโน่นไปนี่ ห้ามกินโน่นกินนี่ จะได้อดตายไปข้างหนึ่งเลย หรือก็เป็นเหมือนนักโทษไปเลย”
อริสาไม่วายบ่นขณะตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ไปด้วย
“ข้อนั้นเขาก็ห้ามด้วย ยกเว้นเรื่องกินที่ไม่ได้ห้าม” ข้าวในปากอริสาแทบจะกระเด็นออกมาใส่จานเสียด้วยซ้ำ เมื่อเพื่อนพูดจบ ความอร่อยในมื้อเย็นแทบจะหมดสิ้นไปพอๆ กับอารมณ์จะคุยที่กำลังจะหมดไปด้วย
“งั้นแก้มกลับบ้านดีกว่า ท่านเจ้าคุณของพ่อกับแม่มาเจอเข้ารับรองได้ระเห็ดออกไปอยู่ที่อื่นแน่”
อรุณรุ่งของวันใหม่เข้ามาเยี่ยมเยือนและยังไร้วี่แววของเจ้าหนี้ ปาลิตาไม่มีแม้แต่กระจิตกระใจจะลุกขึ้นมาแต่งตัวเพื่อไปมหาวิทยาลัย และยิ่งจะต้องพานพบกับคนรักด้วยแล้วยิ่งไม่อยากก้าวขาออกไปไหนเลย
แต่ก็จำต้องฝืนเก็บซ่อนความเสียอกเสียใจเอาไว้ภายในให้ดี เพื่อจะได้ตามเก็บฝันสุดท้ายที่เจ้าหนี้ไม่ได้ห้ามหรือให้หยุดนั่นคือใบปริญญามาครอบครอง
สิงหาจ้องมองดวงหน้าขาวสวยของคนที่กุมหัวใจเขาไว้ทั้งดวง ขณะเดินออกมาจากสวนพร้อมอริสา สองวันเต็มๆ ที่เขาติดต่อเธอไม่ได้ ไปถามพ่อแม่เธอก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรนอกจากไล่ตะเพิดออกมา
ดีที่รู้จากอริสาว่าเธอมาค้างที่บ้านด้วย ทำให้เบาใจไปได้มาก สายตาอันอ่อนโยนทอดไปหาอีกสายตาที่ดูจะหมองหม่นลงอย่างไม่ต้องสังเกตนาน