EP 5
เสียงเคาะประตูห้องดังอยู่นานแล้ว แต่เจ้าของก็ยังไม่คิดจะลุกไปเปิดแต่อย่างใด แม้จะรู้ว่าคนอยู่ด้านนอกคือป้าสายหยุดก็ตามที เพราะห้วงเวลานี้สิ่งเดียวที่ปรารถนาคือระบายความคับแค้นใจผ่านหยาดหยดใสๆ ให้ไหลรินอาบออกมามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ก็นั่งอยู่ไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อเสียงเรียกดังเข้ามาคืออริสาเพื่อนรักนั่นเอง และทันทีที่ประตูเปิดออก อกของเพื่อนก็ที่พักพิงสำหรับเธอในเวลานี้ อกที่เธอเห็นว่าช่างอบอุ่นเหลือคณา อริสาดูเหมือนจะเข้าใจดีว่าเพื่อนรู้สึกยังไงในเวลานี้ จึงได้แต่ลูบหลังเพื่อนไปมาเพื่อปลอบประโลม
“แก้มเราจะทำยังไงดี ทำไมชีวิตเราถึงเป็นแบบนี้ ทำไมๆๆ”
คำถามปนเสียงสะอื้นไห้ไม่อาจหักห้ามน้ำตาของอริสาได้อีกต่อไปแล้ว จึงปล่อยให้ไหลรินออกมาเพื่อแบ่งเบาความทุกข์จากเพื่อน แม้จะน้อยนิดหรือช่วยอะไรไม่ได้เลย แต่สองชีวิตที่กำลังจะจมสู่ห้วงทะเลก็ไม่อาจมีหนทางอื่นที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว
“ทำใจดีๆ ไว้นะแอ้ ทุกอย่างอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิดก็ได้ สงบสติอารมณ์ก่อน แล้วเราค่อยมาหาทางแก้ไขทีหลัง แต่ตอนนี้แก้มว่าแอ้กินอะไรหน่อยเถอะนะ ป้ามนบอกว่ายังไม่ได้กินตั้งแต่เช้าแล้วไม่ใช่เหรอ”
อริสาพยายามจะเรียกสติเพื่อนให้กลับเข้าหาตัว อีกทั้งยังห่วงปากท้องเพื่อนที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แต่สำหรับผู้กำลังว่ายวนอยู่อ่าวปัญหาอันยิ่งใหญ่หาได้คิดคำนึงถึงเรื่องนี้ไม่ นอกจากอยากจะหาทางออกที่ดีให้ตัวเอง
“เรากินอะไรไม่ลงหรอกแก้ม”
อริสาไม่คิดจะเซ้าซี้อีกต่อไปด้วยรู้ว่าเป็นใครก็คงจะไม่มีกระจิตกระใจจะคิดเรื่องปากท้องแน่ จึงได้แต่นั่งปลอบใจและอยู่เป็นเพื่อนจนเกือบจะเที่ยงคืนถึงได้คิดจะกลับบ้าน
“นอนกับแอ้ที่นี่ไม่ได้เหรอแก้ม”
ปาลิตาไม่อยากอยู่ในบ้านหลังนี้เลยสักนิด แม้จะรู้ว่าเจ้าของบ้านไปข้างนอกยังไม่กลับมาก็ตามที แต่ขึ้นชื่อว่าเกลียดแล้ว แม้แต่ชายคาก็ไม่อยากอยู่ร่วมด้วยซ้ำ แล้วไหนจะต้องทำหน้าที่ลูกหนี้ไถ่ถอนอีก ซึ่งไม่รู้ว่าเขาจะให้ทำอะไรบ้าง และถึงแม้จะไม่อยากคิด แต่เธอก็รู้ว่ามีเรื่องนั้นปะปนอยู่ด้วยแน่
“ไม่ได้หรอกแอ้ เจ้าของบ้านดุยังกับอะไรดี เขาไม่ให้ใครเข้าก่อนได้รับอนุญาตด้วยซ้ำ นี่ถ้ารู้ว่าแก้มแอบมาหาแอ้นะ พ่อกับแม่จะต้องถูกดุแน่เลย แก้มจะรีบกลับก่อนที่เขาจะมาดีกว่า ไว้พรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ”
อันที่จริงแล้วอริสาไม่อยากห่างเพื่อนสักนิด แต่เพราะกลัวพ่อแม่จะลำบากจึงจำต้องจากไป ปาลิตาก็จนด้วยเหตุผลจึงไม่รบเร้าต่อ เมื่อเพื่อนคล้อยหลังไปแล้ว ร่างอันอ่อนแรงก็แทบจะคลานขึ้นไปนอนขดอยู่กับเตียงก็ว่าได้ แต่ก็ไม่อาจหลับตาลง เพราะใจกำลังหวาดกลัวในสิ่งที่ใกล้จะเกิดขึ้นกับตัว
โดยมีเจ้าของบ้านเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สองปีกับการพลีเรือนร่างบำเรอความใคร่บนเตียงให้เขามันช่างเป็นช่วงเวลาอันโหดร้ายเกินบรรยายเหลือเกิน แล้วก็อดคิดไปถึงคนรักไม่ได้ ยิ่งคิดอกยิ่งเจ็บหนักขึ้นๆ จนต้องยกมือขึ้นลูบไปมาเพื่อระบายความเจ็บให้ทุเลาลง
ความรัก ความฝัน ความหวัง ทั้งหมดทั้งมวลที่มีกำลังจะพังลงแล้วด้วยประโยคสั้นๆ เมื่อเช้านี้ ประโยคที่แม่บังเกิดเกล้า พ่อเลี้ยงเจ้าปัญหา และเจ้าหนี้หน้าเลือดต้องการจะได้ยิน เพื่อจะได้ยุติทุกอย่างลง ร่างเล็กนอนคิดสารพัดเรื่อง
พลิกไปพลิกมาสารพัดท่านับร้อยตลบกว่าจะหลับตาลงได้เมื่อใกล้รุ่ง สะดุ้งตื่นอีกทีตอนเก้าโมงเช้า เพราะเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามด้วยเสียงอริสา จึงรีบเปิดประตูให้ทันที
“ตื่นนานหรือยังแอ้ แม่เป็นห่วงเลยให้มาดู รีบไปอาบน้ำเถอะแล้วออกมากินข้าว คุณอสมาไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืน แต่แม่บอกว่าอีกไม่นานคงมา แก้มไปก่อนนะถ้าอยากคุยกันยังไงก็เดินไปหาที่บ้านแล้วกัน แก้มไม่อยากมายุ่มย่ามที่นี่มาก”
สิ้นคำอริสาก็วิ่งหายไปทันที ด้วยเพราะไม่ชอบหน้าเจ้าของบ้านหนึ่ง กลัวพ่อแม่จะเดือดร้อนหนึ่ง จึงเป็นเหตุให้ไม่ค่อยจะมาแถวนี้หากไม่จำเป็น หรือจะพูดให้ถูกคืออริสาเองก็แทบจะไม่ได้เห็นหน้าอสมาเลยในแต่ละวัน ด้วยเขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัว แม้กระทั่งคนงานในสวนเขาก็จ้างไว้ไม่กี่คนและให้สร้างบ้านพักอยู่ไกลหูไกลตามาก จะเรียกใช้งานทีเขาจะกดมือถือไปหาเอง
ปาลิตารีบทำตามคำแนะนำเพื่อนแต่โดยดี ข้าวต้มตรงหน้าเรียกให้เดินไปหาแล้วตักเข้าปากช้าๆ แต่ก็กลืนลงท้องได้ไม่กี่คำเพราะตื้อจนไม่อยากกินต่อ เมื่อเจ้าของบ้านหรือเจ้าหนี้ไม่อยู่ การสำรวจสิ่งรอบตัวจึงเกิดขึ้นในทันที เมื่อวานมาบ้านนี้โดยไม่ได้สนใจอะไร
วันนี้เธอจึงเห็นว่าข้าวของเครื่องใช้ล้วนแต่ทันสมัยแทบทั้งสิ้น ซึ่งขัดกับเรือนไทยนักหนา ทุกซอกทุกมุมถูกออกแบบมาอย่างลงตัว เป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้านจนหาฝุ่นไม่เจอ
หญิงสาวเปิดประตูเข้าอีกห้องพบว่าเป็นที่ของเขาจึงรีบปิดทันที จากนั้นก็เดินไปมุมเล็กๆ ซึ่งทำไว้สำหรับปรุงอาหารง่ายๆ แต่ก็มีเครื่องครัวครบครัน ส่วนโต๊ะกินข้าวมีเพียงตัวเดียวที่ตั้งอยู่ระเบียงกว้างขวางทั้งในส่วนที่อยู่ใต้หลังคาและยื่นออกไปพ้นหลังคา
โต๊ะใหญ่อีกตัวตั้งอยู่ริมหน้าต่างห้องนั่งเล่น มีหนังสือหลายต่อหลายเล่มวางเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียบ ให้เดาก็คงจะเป็นที่นั่งทำงานสำหรับเศรษฐีอย่างเขาแน่ ริมฝีปากบางเบะยิ้มอย่างเหยียดหยันในความมีมากจนล้นของเขา
‘แม่งไม่รู้มันจะรวยไปถึงไหนกัน ที่ดินแถวนี้ก็กว้านซื้อไปเป็นร้อยๆ ไร่ จะอยู่อะไรนักหนาตัวก็ไม่มีครอบครัวไม่มีลูกมีเมีย วันๆ อยู่ซะที่ไหน ขับรถราคาหลายสิบล้านวันละคันร่อนหน้าร่อนหลังไปทั่ว ขากลับก็หอบผู้หญิงมาเอา พอเบื่อแล้วแม่งก็โยนเงินฟาดหัว’