สามี 1

16.0K · ยังไม่จบ
พลอยแก้ว
37
บท
3.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อหนึ่งคนที่รักแน่วแน่ ถึงแม้เธอจะทำผิดซ้ำซากแค่ไหน แต่ด้วยหัวใจที่มันรัก ก็มักจะให้อภัยเธอเสมอ...แต่เธอกลับไม่เคยที่จะสำนึกยังคงทำแบบเดิมซ้ำซาก และจากลากันไปอย่างไร้เยื่อใย ทิ้งไว้เพียงหัวใจดวงน้อยไว้ข้างหลัง โดยไม่หันมามองสักครั้ง และลาลับจากไปอย่างไร้หัวใจ "คูมพ่อ คูมพ่อ...เมื่อไหร่คูมแม่จะมาหาหนูคะ?" น้ำเสียงสดใสของเด็กหญิงที่หน้าตาน่ารักอายุสามขวบเอ่ยถามคนเป็นพ่อด้วยภาษาของเด็กที่ยังพูดไม่ชัดถ้อยชัดคำ คำถามที่เหมือนเดิมตั้งแต่เด็กหญิงหัดพูด เธอจะถามคนเป็นพ่อเสมอหากนึกถึง 'เมื่อไหร่คุณแม่จะมาหาหนู' มันเป็นคำถามที่ทำหัวใจของคนเป็นพ่อนั้นเจ็บร้าวทุกครา และทุกครั้งก็จ้องมองหน้าเด็กหญิงที่ไร้เดียงสานี้ด้วยแววตาเศร้าและสงสารลูกสาวจับใจ "คุณแม่ไปทำงานอยู่ไกลมาก ๆ เลย" "แล้วคูมแม่คิดถึงหนูไหมคะ?" ความสงสัยที่ไร้เดียงสา เด็กหญิงเงยหน้ามองคนเป็นพ่ออย่างรอคำตอบ จะบอกลูกสาวที่ยังไม่เข้าใจโลกอย่างไร้เพื่อรักษาความรู้สึก ในเมื่อแม่ของเธอนั้นทิ้งเธอไว้ข้างหลังตั้งแต่ยังแบเบาะ ปล่อยให้คนเป็นพ่อนั้นเลี้ยงดูเพียงลำพังมานานแรมปี "คิดถึงสิคะ คุณแม่คิดถึงหนูอยู่แล้ว" ใบหน้าของเด็กน้อยที่เปื้อนรอยยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบทำให้คนเป็นพ่อนั้นน้ำตาเอ่อคลอในดวงตา ยิ่งมองหน้าลูกสาวก็ยิ่งสงสาร ตั้งแต่เกิดมาลืมตาดูโลกก็ไม่เคยได้สัมผัสกับความรักจากคนเป็นแม่สักครั้ง อ้อมกอดที่สามารถทำให้เธออบอุ่นในหัวใจ อ้อมกอดที่รักและห่วงใยเธอ เป็นพ่อเสมอที่พยายามมอบมัน เพื่อไม่ให้ลูกสาวที่ไร้เดียงสานั้นบกพร่อง "อยากเจอคูมแม่จังเลยค่ะ" เด็กหญิงเปรยยิ้มเงยมองหน้าคนเป็นพ่อ...มือเล็ก ๆ โอบกอดเอวของคนเป็นพ่ออย่างต้องการความรักและการปลอบใจ "สักวัน เมื่อถึงเวลา คุณแม่จะมาหาลูกสาวที่น่ารักนะคะคนเก่งของพ่อ"

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันประธานเลขารักหวานๆรักแรกพบเศรษฐีโรแมนติก

ตอนที่ 1-คูมพ่อลูกติด

ผมชื่อ ศรายุทธ เรียกสั้น ๆ ว่า 'เจ' ตอนนี้อายุ 31 ปี ผมมีธุรกิจเล็ก ๆ ที่ร่วมหุ้นกับเพื่อน เราสนิทกันจนรู้ใจ เพื่อนผมคนนี้เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่คอยฉุดผมขึ้นมาจากความระทมที่เคยเป็น จนผมมีวันนี้และใช้ชีวิตรอดพ้นมาได้ด้วยความพยายาม อดีตที่ทำร้ายผมจนแทบเสียคน จนผมนั้นแทบยืนไม่ไหว เมื่อผู้หญิงที่มีใจและรักมาก แม้เราสองคนจะมีโซ่ทองคล้องใจ แต่ก็ไม่สามารถที่จะรั้งเธอให้อยู่กับด้วยร่วมเรียงเคียงหมอนไปจนแก่เฒ่าได้

แต่ด้วยสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่ผมทอดทิ้งเธอไม่ได้ จึงทำให้ผมนั้นฮึกเหิมและหยัดยืนใหม่ด้วยมีเธอนั้นเป็นกำลังใจ และให้มีชีวิตอยู่ต่อ

"คูมพ่อขา ไอติมแต่งตัวเสร็จแล้วค่ะ อยากไปโรงเรียนแล้ว" เสียงใส ๆ ของเด็กหญิงตัวเล็กบอกกล่าวเมื่อเธอนั้นวิ่งแจ้นเข้ามาในห้องนอนที่มีคุณพ่อกำลังยืนแต่งตัวเพื่อเตรียมไปทำงาน และส่งเธอไปโรงเรียนอนุบาล

"เสร็จแล้วเหรอคนสวยของพ่อ พร้อมหรือยังคะ" คนเป็นพ่อนั่งยอง ๆ ให้เสมอตัวลูกสาวตัวเล็กที่เข้าสู่วัยกำลังซนและช่างสงสัย การไปโรงเรียนที่เหมือนลูกสาวนั้นจะชอบใจ ยิ่งทำให้คนเป็นพ่อนั้นอุ่นใจที่เห็นรอยยิ้มของลูกสาว

"พร้อมมาก ๆ เลยค่ะ ไปโรงเรียนกันเลย" เด็กหญิงตัวกลมน่ารักแสดงท่าทางระเริงใจ เมื่อการไปโรงเรียนคือสิ่งที่เธอนั้นต้องการ

แม้หน้าที่การงานที่หนักอึ้งของคนเป็นพ่อ แม้จะเหนื่อยและท้อแค่ไหน แต่เมื่อได้เห็นหน้าลูกสาวที่มีรอยยิ้มมันก็ทำให้คนเป็นพ่อนั้นสุขใจและคลายความเหนื่อยล้าลงได้

"ไอติมอย่าซนกับคุณครูนะคะ หนูต้องเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนด้วยนะรู้ไหม เดี๋ยวตอนเย็นพ่อพาไปกินของอร่อย ๆ" คนเป็นพ่อบอกกล่าวระหว่างทางที่ขับรถออกมาจากบ้าน ใบหน้ากลมมนของลูกสาวที่เปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข กับการที่เธอนั้นได้ไปโรงเรียน การจะได้มีเพื่อนเล่นใหม่ ๆ เพราะการอยู่คนเดียวที่บ้านเธอคงจะเหงา เมื่อพ่อบอกกล่าวถึงสถานที่แห่งใหม่อย่างปลอบประล่อม มันย่อมทำให้เธอนั้นต้องการจะพบปะโลกกว้าง

"ไอติมจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังคูมครูค่ะ" เสียงสดใสวาจาที่ดูน่ารัก ถ้อยคำบางคำที่ยังพูดไม่ชัดเจน คือความน่ารักของเด็กหญิงไอติม เด็กหญิงที่มีใบหน้าสดใสเปื้อนยิ้มตลอดเวลาหากเธออยู่กับคุณพ่อที่ฟูมฟักเธอมาตั้งแต่แบเบาะ

"เก่งมากค่ะคนเก่งของพ่อ" มือหนาของคนเป็นพ่อลูบหัวลูกสาวอย่างรักใคร่ ไม่ว่าจะยามใดที่ท้อใจเพียงมองหน้าลูกทุกอย่างที่ทำให้เป็นทุกข์ท้อแท้จะคลายมลายทันที

"ไอติมรักคูมพ่อนะคะ" คำบอกรักพร้อมกับรอยยิ้มของลูกสาวที่นั่งเบาะข้าง ๆ ทำเอาคนเป็นพ่อนั้นน้ำตาคลอ

"พ่อก็รักไอติมค่ะ รักมากๆ เลย"

"ไอติมรักคูมพ่อเท่าฟ้าเลยค่ะ"

"เดี๋ยวตอนเย็นพ่อมารับนะคะ" คนเป็นพ่อเดินมาส่งลูกสาวตัวน้อยหน้าห้องเรียนอนุบาล ที่เด็กหญิงไอติมนั้นต้องเรียนประจำ ร่างกายสูงกำยำของคุณพ่อเจนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าลูกสาว มือหนาลูบหัวแผ่วเบาอย่างแสนรัก ก่อนจะจูบซับลงกลางหัวทุยของเด็กหญิงไอติมที่ไร้เดียงสา

"ไอติมจะรอคุณพ่อนะคะ" เด็กหญิงส่งยิ้มอย่างน่ารักพร้อมบอกกล่าวคนเป็นพ่อ

"ผมฝากไอติมด้วยนะครับครูไอซ์" คุณพ่อเจลุกยืนเต็มความสูง แล้วว่ากล่าวอย่างฝากฝังลูกสาว

"ไม่มีปัญหาค่ะคุณพ่อ จะดูแลให้อย่างดีเลยค่ะ" คุณครูไอซ์คนสวยที่ยืนรอรับเหล่านักเรียน เปรยยิ้มอ่อนพร้อมกับกล่าวอย่างให้ความเชื่อมั่น ในการดูแลเด็กหญิงไอติม เพื่อไม่ให้ผู้ปกครองนั้นกังวล

"น้องไอติมสวัสดีคุณพ่อค่ะ" คุณครูไอซ์ก้มมองเด็กหญิงตัวเล็ก พรางบอกอย่างพร่ำสอนด้วยความเป็นเด็กที่ยังไม่ประสา

"สวัสดีค่ะ บ๊ายบาย" เด็กหญิงไอติมยิ้มสดใส โบกมือลาคุณพ่ออย่างน่ารัก

สายตาของคนเป็นพ่อมองตามลูกสาวที่เดินจับมือคุณครูประจำชั้น เข้าไปยังอาคารเรียน การเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ต้องฝ่าฟันเลี้ยงเด็กเพียงลำพัง ไม่ได้ง่ายเลยกว่าจะผ่านพ้นมาได้ ยิ่งลูกสาวเติบโตขึ้น การเผชิญโลกใบใหม่ยิ่งทำให้เธอนั้นสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่มีแม่อย่างเช่นคนอื่น ๆ

ความเจ็บปวดที่คนเป็นพ่อนั้นต้องเก็บกั้น ทุกครั้งที่ลูกสาวไร้เดียงสาถามว่า

'แม่ไปไหน'

'แม่จะคิดถึงหนูไหม'

คำถามเหล่านี้ที่ออกจากปากของลูกสาว ยิ่งบีบรัดหัวใจของคนเป็นพ่อให้เจ็บร้าวจนแทบน้ำตาไหล เมื่อไม่รู้จะตอบลูกสาวอย่างไรดีกับคำถามเหล่านี้ที่ยากนักที่จะตอบให้ลูกสาวที่ยังอ่อนต่อโลกนั้นเข้าใจ

.

.

การเข้ามาในห้องเรียนที่ยังคงมีผู้ปกครองเดินเข้ามาส่งและนั่งเล่นกับเหล่าลูก ๆ ของตน เด็กหญิงไอติมที่นั่งโดดเดี่ยวเพียงลำพัง ส่องสายตามองภาพเหล่านั้นด้วยแววตาละห้อย แม้มือน้อย ๆ จะหยิบจับของเล่นตัวต่อหลากสีอยู่ก็ตาม เพื่อน ๆ ที่มีแม่นั่งยิ้มและพูดคุยทำให้เด็กหญิงนึกน้อยใจและคิดถึง

"น้องไอติม ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ?" เสียงหวานละมุนของคุณครูไอซ์เอ่ยถาม เมื่อสังเกตอยู่นานกับอาการและสีหน้าของเด็กหญิงนั้นเป็นจนนึกห่วงใยและเดินเข้ามานั่งลงตรงหน้าเธอ

"เปล่าค่ะครูไอซ์" เด็กหญิงตอบกลับเสียงเศร้า แล้วนั่งก้มหน้า มือน้อย ๆ สารวนกับของเล่นที่เต็มตะกร้า

"ทำไมไม่เป็นเล่นกับเพื่อนล่ะคะ มีอะไรไหมเอ่ยบอกครูได้นะ" คุณครูไอซ์เอื้อมมือลูบหัวเด็กหญิงอย่างแผ่วเบาละมุน การสัมผัสที่อยากให้เด็กหญิงนั้นรู้สึกปลอดภัยและไม่โดดเดี่ยว

"ไม่มีค่ะ ไอติมเล่นคนเดียวได้ค่ะ" เด็กหญิงไอติมเงยหน้ามองคุณครูที่นั่งตรงข้าม และส่งยิ้มอ่อนให้เหมือนกับเธอนั้นไม่ได้มีสิ่งใดที่อยู่ในใจ

"เดี๋ยวจะเข้าแถวแล้ว ครูว่าเก็บของเล่นเข้าชั้นดีกว่าเนอะ เตรียมตัวไปตั้งแถวกันดีกว่า" คุณครูไอซ์ยิ้มหวานและบอกเด็กหญิง แม้จะสงสัยกับการสิ่งที่เห็นทางสีหน้า แต่ก็ไม่อยากจะเร้าหรือ เพราะไม่รู้ว่าเด็กหญิงนั้นมีสิ่งใดในใจ ไม่แน่ใจว่าจะใช่สิ่งที่คนเป็นครูนั้นพอจะคาดเดาจากสายตาได้หรือไม่

"ค่ะ" เด็กหญิงตอบรับและเริ่มขมักขะเม้นเก็บของเล่นลงตะกร้าตามที่คุณครูนั้นบอกกล่าว

มื้อกลางวันที่เหล่าเด็กอนุบาลนั้นทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เข้าสู่การสันทนาการตามอัธยาศัย กลุ่มเพื่อนในห้องจับกลุ่มกันเล่นเครื่องเล่นหลากหลาย แต่เด็กหญิงไอติมกลับอยู่ลำพัง นั่งมองเพื่อน ๆ นั้นเล่นเครื่องเล่นอย่างสนุกสนาน การมาเรียนที่คิดว่าจะสนุกกว่าการอยู่บ้านแต่ไม่ได้เป็นดั่งที่เธอนั้นคิดสักนิด

"ไอติม แม่ไอติมทำไมไม่มาส่งเหมือนเราล่ะ" อยู่ ๆ ก็มีเพื่อนหญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ห้องเดียวกันเอ่ยถามขึ้น

"แม่เราไปทำงานไกล มาส่งไม่ได้" เด็กหญิงตอบเพื่อนอย่างเดียงสา ตามที่คนเป็นพ่อนั้นเคยบอกกล่าวจนเธอนั้นรับรู้

"ไม่มีแม่เหรอ" เพื่อนหญิงย้อนถาม

"เรามีแม่นะ แค่แม่ไปทำงานเฉยๆ " เด็กหญิงไอติมย้อนแย้งในสิ่งที่เธอนั้นรับรู้จากปากของคนเป็นพ่อ

"ไม่มีแม่ล่ะสิ ใช่ไหมล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า" เพื่อนหญิงพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย และปล่อยหัวเราะเสียงดัง

"ก็บอกแม่ไปทำงานไง เรามีแม่"

"ไอติมไม่มีแม่ คิก คิก" เพื่อนหญิงกล่าวเย้ยพร้อมกับเดินหัวเราะมือปิดปากอย่างชอบใจที่ได้ล้อเด็กหญิงไอติม

"เรามีแม่นะ ฮึก อึก ไอติมมีแม่ ฮืออออออ" เด็กหญิงเปรยออกมาทั้งน้ำตา เมื่อคำที่เพื่อนนั้นล้อทำให้เธอเก็บกั้นน้ำตาและความเศร้าไว้ไม่ไหว มือเล็ก ๆ ยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม ดวงตากลมโตแดงก่ำ พูดพร่ำออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นเสียใจก่อนจะเดินออกมาจากจุดเดิมด้วยความโศกเศร้ากับการที่เพื่อนล้อว่า เธอนั้นไม่มีแม่เฉกเช่นกับเพื่อนคนอื่น ๆ

เวลาเลิกโรงเรียนของเด็กหญิงไอติม วันนี้เด็กหญิงดูเงียบปากผิดปกติ การนั่งในรถของคุณพ่อที่ในทุกวัน เด็กหญิงไอติมจะต้องสรรหาสารพัดคำถาม มากมายต่อการเล่าเรื่องราวที่พบเจอ

"ไอติม เป็นอะไรหรือเปล่าคะ" คุณพ่อเจที่นั่งสังเกตลูกสาวอยู่นานเอ่ยขึ้น มือก็บังคับพวงมาลัย สายตาก็มองลูกสาวเป็นระยะ ๆ

"ไม่เป็นอะไรค่ะคุณพ่อ" เด็กหญิงหันไปฉีกยิ้มให้คนเป็นพ่อด้วยความพยายามปั้นแต่ง

"วันนี้หนูดูเงียบ ๆ "

"ไอติมง่วงค่ะ ฮ้าว~~ ..... "เด็กหญิงทำท่าทางหาวนอน พร้อมกับมือเล็ก ๆ ที่ปิดปากไว้อย่างน่าเอ็นดู

"ถ้าอย่างนั้นหนูก็นอนนะ ถึงแล้วเดี๋ยวพ่อปลุก" คนเป็นพ่อเอ่ยบอกพร้อมกับเอื้อมมือลูบหัวลูกสาว

"ค่ะ" เด็กตอบรับด้วยรอยยิ้ม และนอนนิ่งหลับตาลงทันใด

การนอนหลับใหลที่ไม่ได้หลับจริง ๆ เพียงแค่เด็กหญิงนิ่งกลบเกลื่อนความรู้สึกที่เป็นเท่านั้น ปมด้อยที่เพื่อนล้อเรื่องแม่ของเธอกำลังซึมซับเข้าสู่ความรู้สึกของเธอทีละน้อย

ห้างสรรพสินค้าที่มีผู้คนมากมาย สายตาเด็กหญิงมองโดยรอบ องค์ประกอบของครอบครัวที่มีครบสมบูรณ์ด้วย พ่อ แม่ และลูก พอหันกลับมามองตัวเองคำที่เพื่อนก็สะกิดตามน้ำตาของเด็กหญิงให้พานไหล

"ไอติมร้องไห้ทำไมลูก" คนเป็นพ่อเอ่ยถามอย่างห่วงใย เมื่อเด็กหญิงนั้นกำลังร้องไห้ นั่งก้มหน้ามองถ้วยไอศกรีม

"ฮึก ๆ คูมพ่อขา ทำไมไอติมไม่มีแม่ คิดถึงแม่" แม้เด็กหญิงจะไม่รู้ว่าแม่ของเธอมีหน้าตาเป็นแบบไหน ด้วยความรู้สึกลึกๆ เธอยังพร่ำหา

คำถามที่ลูกสาวเปล่งออกมา ทำเอาหัวใจของคนเป็นพ่อนั่นหล่นวูบลงสู่ปลายเท้า ดวงตากลมโตเอ่อคลอด้วยม่านน้ำตาที่แสนเดียงสา เธอเงยหน้ามองคนเป็นพ่อที่นั่งข้าง ๆ อย่างน่าสงสาร

คนเป็นพ่อที่มองหน้าลูกชั่วครู่ และอุ้มเธอให้นั่งตัก โอบกอดเธอด้วยรักที่คนเป็นพ่อนั้นมี อยากให้เธอสัมผัสอ้อมอกที่เปี่ยมล้นของคนเป็นพ่อสื่อถึงเธอ

"ไอติม ไม่ร้องนะคะ หนูยังมีพ่อที่รักหนูอยู่ตรงนี้ สักวันแม่จะมาหาหนูนะคะ คนเก่งไม่ร้องนะ" คนเป็นพ่อที่ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดปลอบ ความเป็นผู้ชายที่ความอ่อนโยนน้อย คนเป็นพ่อจึงทำได้เพียงเท่านี้

"ฮึก ๆ ไอติมอยากมีแม่ ฮือ" เด็กหญิงพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น คราบน้ำตาเปียกชุ่มบนเสื้อผ้าของคนเป็นพ่อ

"โถ ไอติมลูก" คนเป็นพ่อยิ่งเห็นลูกสาวร้องไห้พร่ำเช่นนี้ก็ยิ่งสงสาร ทำได้เพียงพูดปลอบใจ ฝ่ามือลูบหัวเล็กนั้นอย่างปลอบประโลม โอบกอดเธอไว้แนบอกด้วยรักที่มีให้ทั้งใจ

"ไอติมไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว ฮึก ๆ " เด็กหญิงร้องไห้เสียใจฟูมฟายตามประสา เมื่อสถานที่เเห่งใหม่นั้น มันสร้างความเจ็บปวดหัวใจให้แก่เธอ เพื่อนที่โรงเรียนล้อกับสิ่งที่เธอขาดหาย จนวันนี้เธอร้องไห้ฟูมฟายเสียใจ

"ทำไมล่ะ....มีอะไรที่โรงเรียนหรือเปล่า บอกพ่อสิ" คนเป็นพ่อเริ่มกังวล เมื่ออยู่ ๆ ลูกสาวก็กล่าวขึ้นจนสะกิดความอยากรู้ของคนเป็นพ่อ

"อึก ฮึก พะ เพื่อนบอกไอติม ไม่มีแม่ ฮึก ฮึก ไอติมไม่อยาก ปะ ไปโรงเรียนแล้ว" เด็กหญิงพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ฟังแทบไม่เป็นศัพท์

"มีสิคะ ถ้าไอติมไม่มีแม่ หนูเกิดมาได้ยังไงล่ะจริงไหม?" คนเป็นพ่อพยายามสรรหาคำพูดที่ทำให้เด็กหญิงคิดตาม

"ฮึก อึก" เธอดูสงบลงและนิ่ง มือเล็กๆ ปาดน้ำตาอย่างลวกๆ ตามประสา เงยหน้ามองคนเป็นพ่อที่พูดอย่างตั้งใจ

"จะเกิดมาได้ต้องมีคุณแม่ที่อุ้มท้องโต ๆ .... แบบนั้น" คนเป็นพ่อที่สายตามองเห็นหญิงตั้งครรภ์ที่เดินอยู่ด้านนอก ยกตัวอย่างให้เด็กหญิงได้คิดตาม

"แล้วคูมแม่ไปไหน ทำไมไม่อยู่กับไอติม" เด็กหญิงยังคงถามต่อ

"คุณแม่อยู่ไกลมาก สักวันคุณแม่จะมาหาหนู เชื่อพ่อนะลูก" คนเป็นพ่อโอบกอดลูกสาวอย่างนึกสงสาร ทุกครั้งที่เธอถามหาคนเป็นแม่ มันทำหัวใจของคนเป็นพ่อเจ็บปวดแทบใจสลาย

แม้จะติดต่อคนเป็นแม่แท้ ๆ ที่อยู่แสนไกลคนละซีกโลกด้วยเธอนั้นมีครอบครัวใหม่อยู่ต่างแดน แต่ก็ยังติดต่อกันผ่านเฟซบุ๊ก ร้องขอให้เธอนั้นมาหาลูกบ้างแค่การโทรทางไกลเห็นหน้าก็ยังดี แต่เธอนั้นก็ปฏิเสธคุณพ่อเจที่ยังเฝ้าหวัง ไม่ได้หวังให้เธอนั้นกลับมาหา แต่หวังว่าเธอจะยอมคุยกับลูกสาวตัวเล็กบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น....แม้ว่าลึก ๆ เขาจะรอเธออยู่ก็ตาม และการมีคนใหม่ไม่ได้มีในความคิดของพ่อเจ เพราะเขานั้นห่วงลูกสาว กลัวเขาคนใหม่นั้นจะรับคุณพ่อลูกติดอย่างเขาไม่ได้ และรักลูกสาวของเขาไม่มากพอ