บทที่ 5
“สูตรเขาดีนะ อร่อยมากๆ เลย เหมือนลงตัวทุกอย่าง เจ้าของสูตรเปิดร้านอาหารได้สบายเลยนะ” พัฒนาเห็นด้วยเช่นกัน “ว่าแต่ก้อยไม่สบาย เป็นไงมั้ง ต้องไปหาหมอไหม”
“ป้าก้อยกินยาพาราไปแล้วค่ะ ตอนนี้หลับอยู่ ต้องรอแกตื่นถึงจะรู้ว่าแกค่อยยังชั่วไหม” น้อมตอบ
“ถ้ายังไม่หายก็ไปหาหมอนะ ก่อนไปมาเอาเงินที่ฉัน แล้วให้บุญขับรถพาไปโรงบาล”
“ค่ะคุณผู้ชาย” น้อมรับคำ จากนั้นไปจัดเตรียมชาและกาแฟมาเสิร์ฟให้เจ้านาย
พรนับพันที่แอบยืนฟังคำชมอยู่ตรงประตูห้องกินข้าวยิ้มหน้าบาน เมื่อได้ยินคำพูดและได้เห็นสีหน้าของสามพ่อแม่ลูกที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ข้าวต้มกุ้งพิโรธของตนอร่อย เธอยิ้มกับภาพที่เห็น ก่อนหมุนตัวเดินออกห่างประตูบานนั้น ก้าวเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน กลับไปอยู่ในโลกของเธอในห้องนอนอันเงียบเหงา
พีรภัทรเกิดอาการเซ็งอย่างหนัก เป็นอาการที่เกิดขึ้นนานแรมเดือนหรือตั้งแต่เขาแต่งงานกับพรนับพัน หญิงสาวที่ไม่ปรารถนาจะใช้ชีวิตคู่ด้วย แต่ก็ขัดพินัยกรรมของนพรุจคนเป็นปู่ไม่ได้ ตอนแรกเขาดีใจที่พินัยกรรมระบุว่า ตนจะต้องแต่งงานกับทายาทของศักดิ์ชัย เพื่อนสนิทที่รักกันมานานของนพรุจ บ้านใกล้เรือนเคียงที่เป็นเพื่อนบ้านกันมานานห้าสิบปี เพราะคิดว่าหญิงสาวที่ตนต้องแต่งงานด้วยคือ พลอยพรรณ ลูกสาวเพียงคนเดียวของคฑาเทพทายาทเพียงคนเดียวของศักดิ์ชัย ทว่าความคิดนั้นกลับไม่ใช่ คนที่เขาต้องแต่งงานด้วยคือ พรนับพัน บุตรบุญธรรมของคฑาเทพที่ถือว่า เป็นทายาทคนหนึ่งของตระกูลรัตนะเรือง
เมื่อเซ็งและไม่อยากเห็นหน้าพรนับพัน เขาจึงไม่กลับบ้านใช้คอนโดหรูที่ซื้อไว้เพื่อปล่อยให้เช่า หาความสุขกับบรรดาสาวๆ ที่ซื้อมา ดีกว่ากลับไปหลับนอนกับหญิงสาวที่ไม่พิศวาส สถานที่แห่งหนึ่งที่เขามาบ่อยๆ เพื่อคลายเครียดคือ ไนท์คลับรีเจนซี่
สถานบันเทิงแห่งนี้แบ่งออกเป็นสามโซน โซนแดนซ์ โซนร้านอาหารและโซนเล้าจ์ โซนที่พีรภัทรนั่งดื่มโดยมีสาวสวยคอยบริการคือโซนเล้าจ์ โซนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่ต้องการมีความเป็นส่วนตัวมาใช้บริการ อย่างเช่นพบปะลูกค้า เพื่อนนักธุรกิจหรือเพื่อนสนิทมิตรสหาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย แต่ก็มีสตรีที่มากับคู่รักหรือมากับเพื่อนมาใช้บริการเช่นกัน
พีรภัทรนั่งอยู่บนโซฟานวมบุหนังเนื้อดี ค่ำคืนนี้เขาไม่มีสาวสวยคอยนั่งเอาอกเอาใจเพราะอยากนั่งดื่มเงียบๆ คนเดียว ขณะที่เขากำลังนั่งดื่มด้วยอารมณ์เซ็งสุดใจ สตรีนางหนึ่งได้เดินมานั่งใกล้กับร่างเขา
“พี่พีคะ” พีรภัทรหันมามองหน้าต้นเสียง เขายิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าคือใคร
“พลอย มาได้ไงเนี่ย” พีรภัทรทักพลอยพรรณ หญิงสาวข้างบ้านที่เขาพอใจในรูปร่างหน้าตาและความน่ารักสดใสมาตั้งแต่เธออายุสิบหกปี ในเวลานั้นพรนับพันมีอายุสิบแปดปี ส่วนเขาอายุ ยี่สิบห้าปี
“พลอยมากับเพื่อนค่ะ” พลอยพรรณชี้ไปยังโต๊ะที่นั่งกับเพื่อนๆ ที่มีทั้งชายและหญิง “พลอยเห็นพี่พีก็เลยเข้ามาทักค่ะ แล้วนี่พี่พีมาคนเดียวหรือคะ”
“ใช่พี่มาคนเดียว พอดีเซ็งๆ เบื่อๆ ก็เลยมานั่งดื่ม นั่งฟังเพลง” เขาตอบ
“พลอยได้ข่าวว่าพี่พีไม่กลับบ้านเลยนับตั้งแต่วันที่แต่งงานกับพี่หมิว”
ที่พลอยพรรณรู้ เพราะคนใช้ทั้งสองบ้านมักพูดคุยกันเสมอ ส้มจีนนำเรื่องมาคุยให้ป้านุ้ยฟัง ป้านุ้ยจึงนำเรื่องนี้มาบอกตน
เหมือนคำถามแทงใจดำ พีรภัทรหน้าตึงกระดกดื่มเหล้าในแก้วจนหมด แล้วเรียกให้บิรกรนำเครื่องดื่มแก้วใหม่มาให้
“ไม่อยากกลับ ไม่อยากเห็นหน้าใครบางคน” เขาตอบตามจริง พลอยพรรณยิ้มพอใจกับคำตอบ
“พี่พีทำอย่างนี้ พี่หมิวก็เป็นฝ่ายชนะสิคะ ชนะตามแผนที่วางไว้” พีรภัทรหันมามองหน้าคนพูด ที่สะดุดหู สะดุดใจจังเบอร์
“พลอยพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”
“พลอยก็ไม่อยากพูดหรอกค่ะ เพราะยังไงพี่หมิวก็เหมือนพี่สาวของพลอยคนหนึ่ง แม้ว่าจะพี่หมิวจะเป็นลูกที่เก็บมาเลี้ยงก็ตาม แต่มันก็อดพูดไม่ได้ นับวันพี่หมิวยิ่งร้ายกาจขึ้นทุกวัน พลอยกลัวว่าความร้ายของพี่หมิวจะทำให้บ้านพี่พีเดือดร้อนก็เลยต้องเตือนให้รู้ธาตุแท้ของพี่หมิวค่ะ”