บท
ตั้งค่า

5. พิธีมงคลสมรส

ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะยอมรับของหมั้นจากเจ้าเด็กสกุลกวงก็เพราะนั่นเป็นลูกศิษย์ของเขาเอง หากมันทำเรื่องไม่ดีกับบุตรสาวก็แค่ไปรับนางกลับจวนก็สิ้นเรื่อง แต่ถ้าหากเป็นจวนของหยางกั๋วกง เฉินลั่วเองก็ไม่รู้ว่าควรจะต่อกรเช่นไรจริง ๆ

นึกไปถึงใบหน้าอวบอ้วนของหยางกั๋วกงที่หัวเราะร่าด้วยความสมใจในตอนที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้ระหว่างจวนทั้งสอง เฉินลั่วก็อยากจะปาจอกเหล้าทิ้งเสียเดี๋ยวนี้ กลับกัน เป็นเฉินเจิ้งที่สุขุมกว่า แม้จะมีรอยยิ้มติดใบหน้าแต่ดวงตาเขาราบเรียบไร้ระลอกคลื่น ไม่มีผู้ใดรู้ว่ากุนซือผู้ล้ำลึกกำลังคิดสิ่งใดอยู่ เขาวางจอกเหล้าลงอย่างเบามือ เดินไปทางมารดาและน้องสาว

“ท่านแม่ เซียนเอ๋อร์ ลำบากพวกท่านเดินมาส่งขนมไกลถึงศาลาเรือนหน้าแล้ว”

อันซื่อยิ้มบาง โบกมือปัด “ลำบากอันใดกัน จวนสกุลหยางกับเราคบหาเป็นสหายมาเนิ่นนาน วันนี้ได้ยินว่าคุณชายหยางกลับมาจากค้าขายที่เมืองถังก็อยากจะมาพูดจากล่าวต้อนรับสักเล็กน้อย เจ้าอย่าได้ทำให้แขกเราตกใจไป”

เฉินเจิ้งเข้าใจความหมายในคำพูดของมารดาดี เขาพยักหน้ารับ “ขอรับท่านแม่ เซียนเอ๋อร์ เจ้าก็มาด้วยกันเถิด”

เสียงเรียกของพี่ชายดึงเอาสตินางกลับมาในที่สุด เฉินลี่เซียนรับคำด้วยอาการเลื่อนลอยเล็กน้อย เดินก้าวเท้าเข้าไปในศาลาพร้อมกันกับอันซื่อ เสียงแว่วหวานของท่านแม่กล่าวหยอกล้อท่านพ่ออยู่อีกทาง เสียงทุ้มต่ำของพี่ชายดังอยู่ข้างหู แต่สิ่งที่เฉินลี่เซียนสนใจเป็นที่สุดคือน้ำเสียงแหบพร่าเจือปนไปด้วยความเกียจคร้าน มันพุ่งทะลุเข้าหูกระแทกเข้าที่จิตใจนางจนรู้สึกใบหน้าแดงก่ำไปหมด

เหตุใดเสียงเขาถึงได้น่าฟังเพียงนี้หนอ

“เซียนเอ๋อร์ เจ้าอย่ามัวแต่ยืนอยู่ตรงนั้น มาคารวะพี่รองหลงของเจ้าเร็วเข้า เมื่อก่อนเจ้าเอาแต่ร้องไห้อยากจะตามเขากลับจวนไม่ใช่หรืออย่างไร เหตุใดวันนี้ถึงได้ยืนนิ่งเช่นนี้เล่า”

เฉินลี่เซียนอยากจะร่ำไห้เหลือเกิน ท่านแม่ ท่านไม่พูดข้าก็ไม่อับอายหรอกนะเจ้าคะ

แต่สุดท้ายนางก็ยังขยับกายไปด้านข้างหยางคุนหลง ย่อกายคารวะทั้งยังเอ่ยเสียงเบา “คารวะคุณชายหยางเจ้าค่ะ”

“คุณหนูเฉินไม่ต้องมากพิธีปานนั้น อย่างไรนี่ก็เป็นจวนเจ้า ควรเป็นข้าเสียด้วยซ้ำที่ต้องเป็นฝ่ายคารวะ”

“มิกล้ารับเจ้าค่ะ”

หยางคุนหลงมีรอยยิ้มเรียบเรื่อยประดับใบหน้า ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่เฉินลี่เซียนกลับสัมผัสความเป็นมิตรไม่ได้แม้แต่น้อย กลับกันเฉินลี่เซียนสัมผัสได้ถึงสายตาล้ำลึกคู่หนึ่งที่โอบพันรัดรึงร่างนางเสียจนอึดอัดแทบจะหายใจไม่ออก แต่เมื่อนางช้อนสายตาขึ้นมอง ความรู้สึกนั้นกลับหายไปเสียแล้ว

เฉินเจิ้งคล้ายรับรู้ถึงบรรยากาศแปลกแปร่งระหว่างคนทั้งคู่ได้ เขาเอื้อมมือหยิบไหสุราจากด้านข้างขึ้นมา รินใส่จอกก่อนวางลงตรงหน้า หยางคุนหลงอีกครั้ง

“ได้ยินว่าเจ้าเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้มานานหลายปี ตอนนี้กลับมาเมืองหลวงแล้ว ที่ผ่านมาคงได้ลิ้มรสสุราเลื่องชื่อมาไม่น้อย นี่เป็นสุราที่น้องสาวข้าหมักไว้ตั้งแต่ก่อนปักปิ่น จวบจนตอนนี้ก็ได้ห้าปีแล้ว หากท่านดื่มแล้วรังเกียจว่ามันไม่ดีเด่อะไรก็ยังต้องขอให้ไว้หน้าน้องสาวข้าสักหน่อย”

หยางคุนหลงหัวเราะเสียงเบา เขาคว้าจอกนั่นขึ้นดื่มลงไปรวดเดียวจนหมด เอ่ยว่า “สุราดี”

เฉินลี่เซียนก้มหน้างุด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้รู้สึกว่าคำพูดของเขาไม่ได้พูดถึงสุราที่เพิ่งดื่มไป

นั่งนิ่งเป็นเพื่อนมารดาได้ครู่ใหญ่อันซื่อก็เห็นแก่เวลาสมควร ไม่อาจให้หนุ่มสาวพบหน้ากันนานเกินกว่านี้จึงได้พาเฉินลี่เซียนเดินจากมา ครั้นใกล้ถึงเรือนใหญ่ อันซื่อถึงได้หยุดฝีเท้า หันมาถามบุตรสาวด้านหลัง

“เจ้าคิดว่าคุณชายหยางเป็นอย่างไร”

เฉินลี่เซียนครุ่นคิดอย่างจริงจัง ใบหน้าเขาหล่อเหลา ท่าทางมีมารยาทแต่ก็ไม่ได้เคร่งครัดจนเกินไปนัก ไม่เหมือนพวกบัณฑิตคงแก่เรียนพวกนั้นทว่าพอจะมองออกว่าเขาได้รับการสอนสั่งเป็นอย่างดีจากบ้านเดิม สีหน้าและน้ำเสียงพอเหมาะพอเจาะ ราวกับรู้ว่าควรจะสนทนาอย่างไรให้ผู้คนรอบกายหัวร่อไปกับคำพูดของเขา

กล่าวแล้ว หยางคุนหลงผู้นี้ไม่มีอันใดไม่ดี เพียงแต่ดีเกินไปเท่านั้น ดีเสียจนนางยังไม่เชื่ออยู่บ้างว่าบุรุษเช่นนี้จะเป็นคู่หมั้นของตนเอง

เฉินลี่เซียนเอียงคอ ตอบอย่างจริงใจ “คุณชายหยางผู้นี้ดียิ่งเจ้าค่ะ เป็นอย่างที่ท่านแม่กล่าว เขาเป็นบุรุษที่ดีจริง ๆ”

อันซื่อยิ้มอย่างพอใจ “เช่นนั้นก็ดีแล้ว อีกหนึ่งเดือนจะถึงวันแต่งงานที่ทางกรมพิธีการกำหนดไว้ ช่วงนี้เจ้าก็อยู่แต่ในเรือนปักสินเจ้าสาวเถิด อย่าได้ออกไปเถลไถลด้านนอก รอผ่านช่วงแต่งงานไประยะหนึ่งแล้ว ค่อยออกไปก็ยังไม่สาย”

เฉินลี่เซียนพยักหน้ารับ “ลูกล้วนเชื่อฟังท่านแม่เจ้าค่ะ”

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน จวนสกุลหยางและจวนสกุลเฉินต่างเปิดประตูออกกว้าง ต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดีในพิธีมงคล ภายใต้ฤกษ์ยามที่คำนวณมาอย่างพิถีพิถัน เฉินลี่เซียนในชุดคลุมสีแดงยาวสวมมงกุฎหงส์นั่งเกี้ยวแปดคนหาม สินเจ้าสาวยาวสุดลูกหูลูกตา ออกเดินทางจากบ้านสกุลเฉินไปยังจวนสกุลหยางด้วยเกียรติสูงสุดอย่างสมรสพระราชทาน

ภายในห้องหอที่เรือนฝั่งตะวันตกมีผ้าแดงผูกไว้สวยงาม เฉินลี่เซียนเดินตามการประคองของหลันหลันมายังห้องนอนใหญ่ นางถูกจับให้นั่งลงบนเตียงที่เต็มไปด้วยธัญพืชมงคลวางกระจัดกระจายทั่วจนแทบมองไม่เห็นผ้าคลุมเตียง ในใจรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยถึงขั้นหวาดหวั่น

เฉินลี่เซียนนับตั้งแต่มาเกิดใหม่เคยพบหน้าคุณชายหยางผู้นี้เพียงครั้งเดียว นอกจากความทรงจำที่ว่าเขาหล่อเหลาและวางตัวได้ดียิ่งก็ไม่มีอะไรมากเกินกว่านั้นอีก ทั้งตลอดเดือนที่ผ่านมานางก็เก็บตัวอยู่ในจวน แทบไม่ได้โผล่หน้าออกมาด้านนอก แม้แต่งานเลี้ยงสังสรรค์ของจวนอื่น ๆ ก็ยังบอกปัดด้วยข้ออ้างปักสินเจ้าสาว มายามนี้ต้องแต่งออกจากจวนสกุลเฉิน จึงเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกหวาดกลัวอนาคตข้างหน้า

อันซื่อและเฉินลั่ว ไหนจะยังเฉินเจิ้งต่างปฏิบัติกับนางดียิ่ง เพียงหนึ่งเดือนเฉินลี่เซียนก็รู้แจ้งแก่ใจแล้วว่านางคือดวงใจของพวกเขาอย่างแท้จริง แตกต่างจากตอนอยู่จวนสกุลหลี่ลิบลับ เมื่อต้องแต่งเข้ามาเช่นนี้แม้จะมีสมรสพระราชทานคุ้มหัวก็ไม่รู้ว่าจะได้รับการปฏิบัติเช่นไร

“คุณหนู คุณชายหยางกำลังเดินตรงมาทางนี้เจ้าค่ะ”

หลันหลันที่ถูกส่งไปเฝ้าหน้าประตูเรือนรีบวิ่งเข้ามารายงานขัดความคิดเรื่อยเปื่อยของเฉินลี่เซียน สวีมามาที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นกิริยาไม่เรียบร้อยก็เอ็ดไปประโยคหนึ่ง

“วิ่งเข้ามาเช่นนี้ใช้ได้หรือ หากฮูหยินตกใจเป็นอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร” สวีมามาเป็นแม่นมของเฉินลี่เซียน นางหน้าตาดุร้ายทว่ารักใคร่คุณหนูของตนเป็นที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องของเฉินลี่เซียน ต่อให้ต้องตายตกสวีมามาก็ยินยอมพร้อมใจอย่างยิ่ง

“อีกอย่าง เจ้าควรจะเรียกว่าฮูหยินน้อย หาใช่คุณหนู ที่นี่ใช่จวนสกุลเฉินเสียเมื่อไหร่ ภายในจวนกั๋วกงหูตามากมาย เกิดใครได้ยินเข้ามิใช่เจ้าหาเรื่องมาให้ฮูหยินของข้าหรอกรึ”

หลันหลันเป็นสาวใช้คนสนิทของเฉินลี่เซียนทว่าทำสิ่งใดไม่ค่อยจะเรียบร้อยสวีมามาจึงไม่นึกชอบนางสักเท่าไหร่ มีโอกาสทีไรเป็นต้องหาทางจิกกัดอยู่ทุกเมื่อ ครานี้ก็เช่นกัน เฉินลี่เซียนนั่งอยู่บนตั่งเตียงกว้าง สีหน้านางราบเรียบแต่ในใจกลับโอดครวญไม่หยุด

มงกุฎหงส์นี่ไม่หนักไปหรือ ขืนต้องทนต่ออีกแม้แต่ครึ่งเค่อเดียว นางจะต้องกลายเป็นเจ้าสาวที่ตายในคืนแต่งงานของตนเองเพราะคอหักแน่นอน

เฉินลี่เซียนได้ยินเสียงทะเลาะก็ยิ่งไม่สบายตัว โบกมือไล่ทั้งสองคน “พวกเจ้าออกไปก่อน ทั้งคู่เลย ข้าอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว”

สวีมามาถลึงตาใส่หลันหลันครั้งหนึ่ง แต่เมื่อหันกลับมาทางนายสาว สีหน้าของนางกลับนอบน้อมยิ่ง “เจ้าค่ะ ฮูหยิน มีอันใดเรียกใช้บ่าวได้เลยนะเจ้าคะ”

“อืม”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel