บท
ตั้งค่า

3. ข้าคือเฉินลี่เซียน

บ่าวผู้นั้นเป็นคนซื่อพอได้ยินเจ้านายเอ่ยปากถามก็รีบเล่าออกมาทั้งหมด หลี่ชุนเหมยถึงได้รู้ว่าหญิงสาวที่นางเข้ามาอาศัยร่างอยู่คือคุณหนูใหญ่สกุลเฉิน เฉินลี่เซียน มีบิดาเป็นอาจารย์ใหญ่สำนักต้าชุน เฉินลั่ว แม้จะเรียกว่าอาจารย์ใหญ่แต่ก็มีตำแหน่งเป็นถึงขุนนางขั้นสี่ มีหน้ามีตาในราชสำนักอยู่บ้าง

ส่วนมารดาของนางอันซื่อ ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงท่านหญิง บุตรสาวเพียงคนเดียวของหนิงอ๋องที่ปกครองหัวเมืองเหนือ แม้จะไม่สูงศักดิ์เท่าท่านหญิงในเมืองหลวง แต่อย่างไรตำแหน่งท่านหญิงของนางก็ไม่ได้ไร้อำนาจถึงเพียงนั้น

ส่วนพี่ชายใหญ่เฉินเจิ้ง ขณะนี้มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นห้า เป็นกุนซืออยู่ในค่ายทหารฝ่ายขวา ตำแหน่งแม้จะไม่สูงไม่ต่ำแต่เขาอายุเพียงยี่สิบปี เพิ่งจะสวมกวานไม่เท่าไหร่ก็คว้าได้ตำแหน่งถึงขั้นห้า คนเช่นนี้เกรงว่าในภายภาคหน้าก็จะมีแต่ปีนขึ้นสูงเท่านั้นแล้ว

ส่วนเรื่องที่ทำให้นางต้องกระโดดน้ำล้างอายนั้นก็เป็นเรื่องขี้ประติ๋วเสียเหลือเกิน เล็กจ้อยเสียจนหลี่ชุนเหมยหรือเฉินลี่เซียนถึงขั้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความคับแค้นใจ เพราะบิดาถูกใส่ร้ายจนถูกยึดตำแหน่งขุนนาง ไม่อาจเชิดหน้าชูตาทั้งยังไม่สามารถช่วยพี่ชายใหญ่ได้อีก ถึงภายหลังจะมีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเพียงการเล่นสกปรกของรองอาจารย์ใหญ่ แต่บิดาที่รักในอุดมการณ์ไม่ยอมกลับไปยังราชสำนัก ทั้งยังปฏิเสธอย่างละมุนละม่อมว่าตนเองแก่แล้ว ราชสำนักที่เต็มไปด้วยคลื่นลมเช่นนี้ควรมีแต่เด็ก ๆ จึงจะดีกว่า

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เฉินลี่เซียนตรอมใจ เรื่องที่ทำให้นางถึงขั้นตัดสินใจอย่างอดสูคือคนรักเก่าอย่างจอหงวนแซ่กวงผู้นั้นต่างหาก กวงเซิ่งเจาเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของบิดา ทั้งยังเป็นลูกศิษย์ที่บิดาภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ตอนที่เขาส่งแม่สื่อมาขอทาบทามบิดานางถึงได้ตอบรับโดยไม่อิดออด

ใครเลยจะคาดคิด เมื่อบิดาต้องโทษ กวงเซิ่งเจาจะถึงขั้นหลีกลี้หนีหน้า ส่งคนมาบอกเลิกสัญญาหมั้นหมาย หันไปสู่ขอบุตรสาวของรองเจ้ากรมคลังแทน เฉินลี่เซียนเป็นสตรีน้อยในห้องหอมีหรือจะรับความช้ำใจนี้ได้ แม้จะมีการปลอบโยนเป็นสมรสพระราชทานแต่นางก็ยังมิอาจปล่อยวางจิตใจได้โดยสมบูรณ์ สุดท้ายถึงได้กระทำเช่นนั้นลงไป

หลี่ชุนเหมยในคราบเฉินลี่เซียนเบิกดวงตากลมโตกว้างด้วยความโมโห ทุบกำปั้นลงบนเตียงนุ่มทีหนึ่ง “ผู้ชายสารเลว!”

ไม่ว่าจะเป็นกวงเซิ่งเจาหรือคนรักเก่านาง บุรุษล้วนชั่วช้าไม่ต่างกัน!

หลี่ชุนเหมยสูดลมหายใจเข้าปอดลึก นางตั้งปณิธานกับตนเองไว้แล้ว งานแต่งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ยกเลิกไม่ได้คงต้องจำใจแต่ง แต่ถ้าหากคู่หมั้นนางเลวร้ายไม่ต่างจากสองคนก่อนหน้า เช่นนั้นก็ให้ฮ่องเต้แต่งเองแล้วกัน!

หลี่ชุนเหมยแม้จะทำใจยอมรับสถานะคุณหนูจวนสกุลเฉินได้แล้วแต่ก็ยังมิวายแสดงอาการแปลกแปร่งในตอนที่คนรับใช้ทยอยเข้ามาในเรือนอยู่ดี สมัยอยู่จวนสกุลหลี่ แม้นางจะมีฐานะเป็นคุณหนูแต่ก็หาได้สูงศักดิ์เช่นพี่หญิงใหญ่ หญิงรับใช้ที่มีก็มักจะเป็นบุคคลมือเท้าห่างไม่เป็นที่ต้องการของแม่ใหญ่และพี่สาว สุดท้ายจึงส่งมาให้นาง

แต่เมื่อกวาดตามองในเรือน หลี่ชุนเหมยก็ถึงกับต้องชื่นชมวิธีจัดการจวนของอันซื่อเสียเหลือเกิน คุณหนูคนเก่าแต่เดิมมีนิสัยเรียบร้อย อ่อนหวาน มักจะวางตัวเป็นกันเองกับบ่าวไพร่แต่ก็หาได้มีสาวใช้ใจกล้าคนใดคิดปีนหัวเจ้านาย เมื่อหลี่ชุนเหมยสวมร่างเฉินลี่เซียนนางก็แทบจะไม่ต้องจัดการอะไรให้มากความ นอกจากพยายามแสดงออกให้เหมือนเจ้าของเดิมก็เท่านั้น

“คุณหนูเจ้าคะ วันนี้ไปคารวะฮูหยิน เช่นนั้นปักปิ่นหยกดีหรือไม่เจ้าคะ”

หลี่ชุนเหมยดึงสติกลับคืน นางสบตาเงาสะท้อนในกระจกพลันรู้สึกว่าร่างนี้ไม่ว่าจะพิศมองเช่นไรก็งดงามไปทุกส่วนเสียจริง ดวงตากลมโตทว่าหางตากลับชี้ขึ้นเมื่อตวัดผงถ่านกรีดยาวออกไปก็ยิ่งทำให้ดวงตาดุดันผิดจากนิสัยใจคอไม่น้อยแต่เมื่อรวมกับท่าทางผ่อนคลายที่มักจะอาบย้อมร่าง ความกดดันที่ห่อหุ้มไว้กลับเปลี่ยนเป็นความเย้ายวนสายหนึ่ง ต่อให้มองเพียงผ่าน ๆ ก็ยากจะลืมเลือน

นางผินหน้าไปทางสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง เป็นสาวใช้คนเดียวกับที่บอกเล่าเรื่องราวให้นางฟังเมื่อสามวันก่อน เพราะท่านแม่กลัวว่าหลังฟื้นหากต้องลมเร็วเกินไปจะทำให้ไข้กลับมาอีกครั้งหลี่ชุนเหมยถึงต้องทนอุดอู้อยู่ในเรือนนานถึงสามวันสามคืน ในที่สุดวันนี้นางก็จะได้ออกไปสักที

หลันหลันเห็นนายสาวไม่ตอบก็นึกว่าคุณหนูผู้นี้ไม่พึงใจปิ่นหยกที่ตนเองหยิบมาจึงขยับมือหมายมาดจะเก็บลงกล่องจันทร์ด้านข้าง ทว่า หลี่ชุนเหมยกลับยื่นมือออกมาขัดเสียก่อน นางโบกมือปัด วางท่าเป็นบุตรสาวตระกูลขุนนางได้อย่างช่ำชอง แต่ในหูคล้ายได้ยินเสียงกลองตีกระหน่ำ หลี่ชุนเหมยจิกนิ้วเข้าอุ้งมือเป็นการเตือนสติตนเอง นางผู้เชื่องช้า สุ้มเสียงแว่วหวานน่าฟัง

“เอาปิ่นหยกอันนี้แหละ ท่านแม่ไม่ใคร่ชอบให้ประดับด้วยปิ่นทอง เครื่องประดับอันอื่นก็เก็บไปเถอะ”

หลันหลันพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน “เจ้าค่ะคุณหนู”

เห็นท่าทางไม่ติดใจสงสัยอันใดของสาวใช้คนสนิท หลี่ชุนเหมยก็ลอบผ่อนลมหายใจที่ตึงเครียดมาตลอดลง นางใช้เวลาสามวันสามคืนในการแอบถามหลันหลัน รู้ว่าคุณหนูสกุลเฉินท่านนี้มีความชอบแตกต่างจากนางอยู่มาก เฉินลี่เซียนรักการปักผ้า ดีดฉิน อ่านตำรา ส่วนนางนั้นฝีมือฉินไม่เอาไหน เรื่องปักผ้าอย่าได้หวัง นางมีเพียงความรู้เรื่องของอร่อยเต็มหัวก็เท่านั้น อย่าได้คิดว่านางจะทนนั่งหลังขดหลังแข็งปักลายดอกไม้แสนจืดชืดพวกนั้นเชียว

ส่วนเรื่องอ่านตำรา...

บันทึกการเดินทางของหญิงสาวต้องห้ามเหล่านั้นก็ถือเป็นตำรากระมัง

หลี่ชุนเหมยตั้งใจจะสวมรอยเป็นเฉินลี่เซียนให้แนบเนียน เพียงแต่เรื่องพวกนี้ยังต้องค่อยเป็นค่อยไป ถึงหลันหลันจะบอกว่าท่านพ่อและท่านแม่รักเอ็นดูบุตรสาว พี่ชายตามใจไม่ห่าง แต่อย่างไรก็เป็นคำพูดจากปากคนนอก มีแต่ต้องสัมผัสด้วยตนเองเท่านั้นจึงจะแจ้งแก่ใจว่าใช่ความจริงหรือไม่

หญิงสาวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ลำคอระหงส์ของนางตั้งตรงทั้งใบหน้างดงามยังเชิดขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางมีรอยยิ้มอ่อนหวานประดับ เสียงปิ่นระย้าขยับไหวอยู่บนศีรษะคล้ายเสียงพราวพิรุณพร่ำ ทำเอาคนฟังรู้สึกเคลิบเคลิ้มไม่น้อย หลันหลันดวงตาเหม่อลอย นางรู้มานานแล้วว่าคุณหนูของตนเองเป็นหญิงงามเทียมฟ้า ไร้ผู้ใดต่อกรอย่างแท้จริง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด หลังจากฟื้นขึ้นคราวนั้นคุณหนูก็ดูจะ...

มีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเคย

เป็นเสน่ห์ที่หาไม่ได้ในบรรดาหญิงสาวที่เพิ่งพ้นวัยปักปิ่น แต่เป็นเสน่ห์ของหญิงสาวที่พบเห็นโลกมามาก มากเสียจนปล่อยวางได้ทุกสิ่ง ใช้ชีวิตตามความปรารถนาของตนเอง

หลันหลันเอียงคอ นึกด่าตนเองในใจว่าคิดอันใดไร้สาระ คุณหนูเพิ่งจะสิบหกปี จะไปมีท่าทางอย่างมามาในวังพวกนั้นได้อย่างไรเล่า

หลี่ชุนเหมยดึงชายเสื้อให้เรียบร้อยมากขึ้นอีกหน่อย นางหมุนตัวไปทางสาวใช้คนสนิทที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “หลันหลัน เจ้าจะไม่ไปเรือนใหญ่หรือ”

หลันหลันพลันได้สติกลับคืน นางรีบลุกขึ้นยืน ตรงมายังคุณหนู ในมือมีเสื้อคลุมกันลมและเตาอุ่นมือตระเตรียมไว้ครบถ้วน แม้จะเป็นวสันต์ฤดูแต่อากาศก็ยังคงหนาวเย็นไม่น้อย คุณหนูเพิ่งจะต้องไอเย็นจนล้มป่วย อย่างไรก็กันไว้ก่อนดีกว่า

“เตาอุ่นมือเจ้าค่ะคุณหนู”

“อืม”

หลี่ชุนเหมยเดินออกไปนอกประตูเรือน นางเงยหน้ามองท้องนภากว้างไกล ฉับพลันนั้นคล้ายรู้สึกว่าหลี่ชุนเหมยไม่มีตัวตนอยู่จริง แท้จริงแล้วเป็นนางที่ถูกเรียกขานว่าคุณหนูเฉินมาตลอด เรียวคิ้วงามมุ่นเข้าหากันเล็กน้อยแต่เพียงชั่วครู่ก็คลายออกกลับมาราบเรียบตามเดิม ดวงตากลมโตมีประกายล้ำลึกวาบผ่าน

หลี่ชุนเหมยแย้มยิ้มบาง

จะเฉินลี่เซียนก็ดี จะหลี่ชุนเหมยก็ช่าง

ชีวิตนี้เป็นของนาง นับแต่ก้าวนี้ต่อไป เรื่องทั้งหมดล้วนมีนางเป็นผู้กำหนดเอง

คิดได้เช่นนั้นลาดไหล่ก็ค่อยเปิดออก จากเดิมที่ดูอ่อนแอ บอบบาง น่าทะนุถนอมกลับกลายเป็นหญิงสาวที่เชื่อมั่นในตนเองผู้หนึ่ง เฉินลี่เซียนก้าวเท้าเหยียบลงบนต้นหญ้าสีเขียวขจี มุมปากกดลึกเป็นรอยยิ้มกว้างกว่าแต่ก่อน

สัมผัสของคนเป็นช่างดีจริง ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel