บทที่ 10
บทที่ 10
ป๊าต้องเปลี่ยนลูกเขย
ใบหน้าสวยเฉี่ยวซุกซบเข้ากับอกแกร่งแบบพอดิบพอดีราวกับจับวาง และนอกจากเสียงกระถางต้นไม้จะไม่สามารถทำให้ร่างบางตกใจได้แล้ว จมูกเล็กของเธอยังสูดหายใจเข้าลึกราวกับต้องการเก็บกลิ่นกายของเขาไว้เต็มปอดอีกต่างหาก
ก็แหม...กลิ่นสบู่ กลิ่นเสื้อ กลิ่นเหงื่อของเขามันทำลายล้างออกขนาดนี้
...ขอดมอีกนิดละกัน
"อะแฮ่ม!"
เสียงกระแอมเตือนของคนตัวโตเรียกให้คนที่กำลังถือโอกาสแต๊ะอั๋งเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน ก่อนที่เธอจะแกล้งเฉไฉทำเสียงเข้มแบบไม่รู้ไม่ชี้สุดๆ
"กระถางมันเกือบร่วงใส่หัวฉันแล้วนะเนี่ย"
"อืม... ถ้าเดินเร็วกว่านี้อีกนิด ไม่รอดแน่"
"ขอบคุณนะคะ" อันตาบอก แล้วแกล้งมองขึ้นไปข้างบน เพื่อสำรวจที่มาของกระถาง
ทว่ายังไม่ทันทีที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ ร่างสูงโปร่งของเอกภพก็เดินลิ่วออกมาจากบ้านหน้าตาตื่น
"เกิดอะไรขึ้นหรออัน"
"กระถางต้นไม้มันร่วงลงมาค่ะ"
ผู้เป็นเจ้าของบ้านอีกคนเงยหน้าขึ้นมองระเบียงชั้นสองที่มีกระถางต้นไม้หลายใบวางเรียงกันเพื่อประดับประดาให้บ้านชุ่มชื่นด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น
"เราย้ายกระถางลงมาดีไหม เกิดคราวหน้ามันร่วงลงมาโดนหัวใครเข้า จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่"
"ไม่เป็นไรหรอดค่ะพี่เอก สงสัยคราวนี้ลมมันพัดแรงไปหน่อย ปกติมันก็ไม่เคยร่วงนี่คะ"
"แล้วอันไม่เป็นอะไรใช่ไหม" เอกภพถามพลางมองสำรวจร่างบางตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ค่ะ"
"โชคดีนะที่ไม่โดน ไม่งั้นป๊าอันได้ด่าพี่แน่เลย" คนตัวโตบอกกลั้วหัวเราะ เพราะเขารู้สึกเหมือนเป็นพี่ชายที่ต้องดูแลน้องสาวคนเล็ก
"หืม... ป๊าไม่ว่าพี่เอกหรอกค่ะ"
"น้อยไปสิ" เขาบอก
"จริงนะคะ ถ้าป๊าจะว่าก็คงว่าอันเนี่ยแหละ" หญิงสาวบอก ก่อนจะขยับเข้าไปจับมือหนาของร่างสูงข้างตัว แล้วหันมามองคู่สนทนาอย่างขออนุญาต
"อันขอพาผู้กองขึ้นไปเก็บของก่อนนะคะ"
"ตามสบายเลย" เอกภพอนุญาตด้วยรอยยิ้ม
ทว่าหญิงกลับหยุดฝีเท้าลง เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
"ความจริงเย็นนี้อันต้องไปรับขวัญหลานที่บ้านใหญ่... แต่พี่เอกคงไม่ว่างไปด้วยกันใช่ไหมคะ"
อันตาแกล้งถามลองเชิง เพราะตั้งแต่นุชนรีกับลูกเข้ามาอยู่ร่วมบ้าน เอกภพก็ราวกับถูกเมียจองจำเอาไว้ในกรงทอง จนแทบไม่ได้ขยับตัวไปไหนนอกจากบ้านกับที่ทำงาน จนเธอยังรู้สึกอึดอัดแทน
"เอ่อ... ความจริงพี่ไปกับอันได้นะ"
"ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อันไม่อยากให้พี่เอกมีปัญหากับคุณนุช"
นางแบบสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้าอกเข้าใจเขาสุดๆ ถึงแม้ว่าในใจเธอจะรู้สึกหมั่นไส้คู่นี้มากก็เถอะ
"แต่ป๊าอันอาจจะสงสัย"
"สงสัยเรื่องอะไรคะ" คนถามแกล้งตีหน้าซื่อถามกลับ
"ก็... เรื่องของเรา"
"ตราบใดที่ป๊ายังไม่มาที่นี่ ป๊าก็ไม่มีทางรู้หรอกค่ะ"
เอกภพพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยฝากฝังให้ภรรยาในนามช่วยรับหน้ากับผู้ใหญ่แทนเขา "พี่ฝากด้วยนะอัน"
"ค่ะ"
หญิงสาวรับคำพร้อมกับโปรยยิ้มหวานไปให้เขา ทว่ามือของเธอกลับกระตุกให้คนข้างตัวเดินตามกันเข้าไปภายในบ้าน
"กระถางต้นไม้มันหนักนะคุณ" จินเจษฎ์ก้มลงมากระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน
"คุณคิดเหมือนที่ฉันคิดใช่ไหม"
"ถ้าคุณรู้สึกเหมือนมีผมเข้าไปวิ่งอยู่ในใจคุณล่ะก็... คงงั้นมั้งครับ"
คนที่คล้ายจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจกะพริบตาถี่ๆ อย่างพยายามตั้งสติ แล้วหันไปมองร่างสูงเพื่อขอคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้ ทว่าเขากลับยิ้ม ยิ้ม และยิ้มเท่านั้น
"ยิ้มบ้าอะไรของคุณ"
"เอ๊า! ผมอยากยิ้มผมก็ยิ้ม มีกฎหมายข้อไหนเขาห้ามยิ้มล่ะ" คนยียวนลอยหน้าลอยตาตอบ ทำให้เขาถูกคู่สนทนาเหวี่ยงค้อนใส่โครมใหญ่
"กวน-ประ-สาท" อันตาพูดย้ำทีละคำ
ทหารหนุ่มคลี่ยิ้มกว้าง แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน
"เย็นนี้อยากให้ผมไปด้วยไหม"
"ไปในฐานะสามีคนที่สองของฉันน่ะนะ"
"แล้วจะให้ไปไหมล่ะ" จินเจษฎ์ถามหน้าตึงคล้ายกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง
"ไม่ย่ะ ถ้าคุณไปความลับได้แตกพอดีสิ"
"เฮ้อ... ทำไมคุณต้องช่วยเขาด้วย ในเมื่อเขาไม่ได้ห่วงเลยสักนิดว่าคุณจะรับหน้าผู้ใหญ่แทนเขาได้หรือเปล่า" ชายหนุ่มบ่นขึ้นเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนที่เขาจะเดินตามเธอเข้าไปภายในห้องนอน
"มันเป็นแบบนี้มานานแล้วล่ะ"
"แบบไหน" คนถามขมวดคิ้ว
"ก็แบบที่ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองไง"
"แล้วที่บ้านคุณเขาไม่เคยถามถึงความสัมพันธ์ของคุณกับสามีบ้างเลยหรอ" จินเจษฎ์ถาม แล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาปลายเตียง
"ไม่เลย พวกผู้ใหญ่ก็ห่วงแต่เรื่องธุรกิจนั่นแหละ" หญิงสาวบอกเสียงเนือย แล้วเดินเข้ามานั่งข้างเขา
"การแต่งงานมันแค่เกมธุรกิจไงคุณ แต่งแล้วก็แล้วกันไป จะอยู่ได้หรือไม่ได้ก็ต้องอยู่"
หลังจากที่อันตาพูดจบ มือหนาของคนข้างตัวก็เอื้อมมาจับที่ขมับ แล้วโน้มศีรษะทุยสวยลงมาซบที่ไหล่เขาอย่างเบามือ จนคนถูกกระทำใจเต้นโครมครามแทบทะลุออกจากอกมาเต้นระบำอะโกโก้
ตึกตัก! ตึกตัก!
เสียงหัวใจที่เต้นถี่รัว ทำให้ร่างบางต้องหลับหูหลับตาซ่อนความเขิน
อุ๊ยตาย! หวังว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงหัวใจของเธอนะ
"ถ้าเลิกสนใจมรดกวันไหนก็บอกแล้วกันนะ"
"ทำไมคะ"
"เปล่า"
เป็นอีกครั้งที่คำตอบของเขามันขัดใจเธอสุดๆ จนคนที่เกือบจะฟินส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ แล้วยกศีรษะออกจากไหล่หนาอย่างหัวเสีย
"งั้นฉันไปเตรียมชุดที่จะใส่เย็นนี้ก่อนนะ อยากเก็บอะไรไว้ตรงไหนก็ตามสบายเลย แต่ห้ามขยับข้าวของของฉันเด็ดขาด"
ผู้เป็นเจ้าของห้องบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วตั้งท่าจะเดินเข้าไปภายในห้องแต่งตัว แต่ทันทีที่มือของเธอสัมผัสกับลูกบิด เสียงพึมพำของสมาชิกร่วมห้องก็ลอยมาเข้าหู...
"ก็ว่าจะให้อามาขอ"
วืบบ...บ~
มือเล็กยกขึ้นมากุมที่หน้าอกด้านซ้ายเพื่อตรวจเช็คว่าหัวใจของตัวเองยังอยู่ดีหรือไม่ ก่อนจะรีบเดินลิ่วหายไปอย่างรวดเร็วเพื่อกลบเกลื่อนอาการร้อนผ่าวบริเวณแก้มทั้งสองข้าง
"ให้อามาขอคืออะไรยะ ไอ้บ้า!"
อันตาบ่นไปยิ้มไปราวกับคนเสียสติ แต่เมื่อเห็นใบหน้าของตัวเองในกระจกก็จำต้องสะบัดศีรษะรัวๆ แล้วปลอบให้ตัวเองสงบลง
"บางทีนะ... บางทีฉันอาจจะแค่หูฝาด หูเพี้ยน หูไม่ดี หู... จะเขินอะไรนักหนาวะเนี่ย"