บทที่ 5. (ผู้หญิงลามก)
สามีปีมะเมีย(สามีปีนักษัตร)
บทที่ 5. (ผู้หญิงลามก)
หลังจากป้าแก้วจัดห้องให้ไอรินตามคำสั่งของพ่อเลี้ยงศรันเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน จนกระทั้งเวลาผ่านไปจนถึงตอนเที่ยง ศรันก็กลับเข้ามาในเรือนใหญ่อีกครั้ง และเอ่ยถามถึงหญิงสาวทันทีเมื่อไม่เห็นเธอ
"ผู้หญิงคนนั้นล่ะป้า?"
"คุณหนูเธออยู่บนห้องค่ะพ่อเลี้ยง ตั้งแต่ขึ้นไปป้าก็ยังไม่เห็นเธอลงมาอีกเลย"
ป้าแก้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เช้ามีอะไรตกถึงท้องหญิงสาวบ้างหรือเปล่า ครั้นพอนางไปเคาะประตูห้องถามว่าหิวไหม นางจะทำอะไรให้ทาน คำตอบที่ได้รับคือไม่หิว
"พ่อเลี้ยงจะให้ป้าแก้วตั้งโต๊ะกลางวันเลยไหมคะ?" นางแก้วหันมาถามเจ้าบ้าน
"ตั้งเลย ตั้งเผื่อคุณหนูของป้าด้วย เดี๋ยวผมจะขึ้นไปตามเขา" ศรันสั่งเสียงเรียบ ก่อนเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของหญิงสาวที่ถูกจัดไว้ใกล้กับห้องนอนของตน
เสียงเคาะประตูถี่รัวดังลั่นราวกับฟ้าดินถล่มทะลาย ทำให้หญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งสะลืมสะลือตาปรอย เมื่อเสียงเงียบลง ร่างเล็กก็ทำท่าจะเลื้อยลงนอนอีก หากเสียงเคาะประตูและเสียงห้าวทุ้มที่ร้องเรียกก็ทำให้หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นเต็มตา ก่อนกระโจนลงจากเตียงวิ่งไปเปิดประตูเผชิญหน้ากับเจ้าของบ้าน
"ลงไปกินข้าว ป้าแก้วกำลังเตรียมอาหารให้เราสองคนอยู่" เสียงทุ้มออกคำสั่ง ใบหน้าคมเข้มเรียบเฉย จนไอรินนึกหมั่นไส้
หญิงสาวอยากบอกเขาว่าเธอไม่หิว หากอาการปั่นป่วนจากน้ำย่อยในท้องก็ทำให้เธอจำต้องกลืนคำพูดเหล่านี้ลงคอ หากยังไม่วายเล่นแง่
"คุณจะกรุณาให้คนจัดอาหารมาให้ฉันบนห้องได้ไหมคะ ฉันไม่อยากลงไป"
ไอรินเสนอ เธอเลือกที่จะไม่พูดตรง ๆ ว่า ที่เธอไม่อยากลงไปสาเหตุเป็นเพราะเขา ไอรินไม่ชอบหน้าเขา เธอจึงไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับเขา มันคงทำให้เธอทานอาหารไม่อร่อยแน่ ๆ
และคำพูดของไอรินก็ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มมีสีหน้าเข้มขึ้นด้วยความไม่พอใจทันที
"นี่คุณหนู ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ ที่นี่ไม่มีใครเขาคอยเอาอกเอาใจพะเน้าพะนออย่างที่เธอต้องการหรอก อย่าลืมว่าที่นี่คือไร่อาชา ไม่ใช่คฤหาสน์หลังใหญ่ที่เธอจากมา"
ถ้อยคำดูถูก ส่งผลให้หญิงสาวหน้าม้าน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแดงจัดด้วยความโกรธ
"ไม่เห็นต้องพูดขนาดนั้นก็ได้ และก็ไม่ต้องทำเหมือนกับฉันเป็นตัวปัญหาด้วย อีกอย่างฉันไม่ใช่คุณหนูอย่างที่คุณเรียก"
"ไม่ใช่คุณหนูอย่างนั้นเหรอ แต่สิ่งที่เธอทำมันฟ้องว่าเธอใช่ ไปล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปกินข้าวอย่าต้องให้พูดกันหลายรอบ เราจะได้คุยเรื่องอนาคตของเธอกันสักที เหมือนเธอจะยังไม่รู้ แต่ที่นี่ฉันเป็นใหญ่ ไม่ใหญ่ธรรมดานะ แต่ใหญ่คับคอกเลยล่ะ ถ้าเธอไม่ใช่ตัวปัญหาอย่างที่ปากว่า ก็ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อย"
ศรันกล่าวด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งให้หญิงสาวอย่างกวน ๆ ก่อนจะเดินกลับลงไปข้างล่าง ส่วนไอรินกำมือแน่น อยากจะหาอะไรสักอย่างเขวี้ยงใส่เขา แต่เธอคิดว่าคงไม่คุ้มค่า
"เธอชื่ออะไร?" ศรันเอ่ยถามหลังจากหญิงสาวเดินมาทรุดตัวลงนั่งยังโต๊ะอาหารแล้ว
"ไอริน" เธอตอบด้วยน้ำเสียงสั้นและห้วนอย่างมะนาวไม่มีน้ำ
"พ่อของเธอมีบุญคุณกับฉันมาก และถ้าการที่ฉันรับเธอเข้ามาอยู่ในไร่จะเรียกว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณฉันก็ยินดี แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะอยู่ที่นี่อย่างสุขสบาย แบบที่ลูกคุณหนูเขาทำกัน"
พ่อเลี้ยงหนุ่มกล่าวด้วยเหตุผล หากไอรินที่ตั้งตนเป็นอริกับเขาไปแล้วเงียบเฉย ยอมรับว่าที่เขาพูดมาทั้งหมดล้วนฟังขึ้น แต่เธอจะไม่พูดให้เขาได้ใจเป็นอันขาด
"เรียนจบอะไรมา?" เขาถามอีก
"บริหารธุรกิจ เอกเลขานุการ"
"น่าเสียดายที่ไร่อาชาไม่มีตำแหน่งที่เธอร่ำเรียนมารองรับ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเธอจะสบาย ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องทำงานแลกข้าว แลกน้ำ และสำคัญที่สุดก็คือแลกเงิน"
ศรันเว้นช่วงให้หญิงสาวได้คิดตาม แม้จะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาพร่ำพูดไปทั้งหมดนั้นเข้าหูหญิงสาวบ้างไหม แต่ก็ยังดีกว่าไม่พูดแล้วปล่อยให้เธอทำอะไรตามใจตัวเองแบบผิด ๆ
"ฉันจะให้เธอทำงานในสโตร์คู่กับ 'ภูวิช' เจ้าหน้าที่อีกคน หน้าที่ของสโตร์คือดูแลการเบิกจ่ายของทั้งหมดให้กับคนงาน เป็นงานง่าย ๆ นะ แต่ความรับผิดชอบสูง เธอคิดว่าเธอทำได้ไหมไอริน?"
ศรันอธิบายคร่าว ๆ และตบท้ายด้วยคำถาม ซึ่งไอรินตอบได้เลยทันทีชนิดที่ว่าไม่ต้องเสียเวลาคิด
"ทำได้ค่ะ"
"ฉันดีใจที่ได้ยินเธอพูดแบบนี้ เพราะถึงเธอจะบอกว่าทำไม่ได้ ฉันก็จะให้เธอทำอยู่ดี"
เป็นอีกครั้ง หรืออีกหลายครั้งที่ไอรินอยากทำร้ายคนตรงหน้าให้สาสมกับความกวนประสาทของเขา แต่จำต้องเงียบไว้เพราะตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะแข็งข้อกับเขาได้
"ฉันทานข้าวได้หรือยังคะ เจ้านาย?" เธอเปลี่ยนเรื่องพูด เริ่มหิวขึ้นมาจริงจัง เพราะตั้งแต่เช้ามีแค่ข้าวเหนียวหมูปิ้งเท่านั้นที่ตกถึงท้อง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อดที่จะพูดประประชันเขาไม่ได้ ท่าทางวางอำนาจ กวนประสาทเก่ง คงพอใจที่เธอเรียกแบบนี้
"ฉันชอบสรรพนามที่เธอเรียกนะ แต่เรียกฉันว่าพ่อเลี้ยงเหมือนคนงานคนอื่น ๆ จะดีกว่า กินข้าวเถอะ"
เมื่ออีกฝ่ายอนุญาต ไอรินก็รีบตักกับข้าวใส่จานของตัวเอง ก่อนตักข้าวใส่ปากอย่างรีบร้อน มองดูคล้ายเด็กหิวโหยผู้ยากไร้ไม่มีผิด
กระทั่งไอรินเป็นฝ่ายอิ่มก่อน เธอจึงเอ่ยขอตัวและลุกจากโต๊ะอาหารไปทันทีโดยไม่รอให้ศรันเอ่ยปากอนุญาต ชายหนุ่มส่ายหัวเล็กน้อยกับท่าทีไร้มารยาทของหญิงสาว
"เห็นทีต้องอบรมสั่งสอนกันให้มากกว่านี้" เขาเปรยขึ้นเบา ๆ
"คุณหนูยังเด็ก พ่อเลี้ยงอย่าถือสาเธอเลยค่ะ อย่าต้องถึงกับใช้ไม้แข็งเลยนะคะ ใช้ไม้อ่อนเธอก็น่าจะเข้าใจ"
"แบบนั้นเขาไม่เรียกว่าเด็กแล้วนะป้า จบมหาลัยแล้ว บรรลุนิตภาวะแล้ว" ศรันค้านอย่างไม่ห็นด้วย ท่าทางของหญิงงสาวอย่างกับม้าพยศไม่มีผิด
"ป้าถึงได้แนะนำพ่อเลี้ยงไงคะ ว่าควรใช้ไม้อ่อน เพราะเธอโตแล้ว หนุ่มสาวอายุขนาดนี้ถ้าใช้ไม้แข็งก็จะยิ่งต่อต้านค่ะ" นางแก้วกล่าวตามประสาคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน
"ผมจะเก็บคำพูดของป้าไว้พิจารณาแล้วกัน" แต่ถ้าเธอพยศมาก ๆ เข้า ก็คงต้องใช้ไม้แข็งอยู่ดีนั่นแหล่ะ ประโยคนี้พ่อเลี้ยงหนุ่มต่อท้ายในใจ ก่อนจะลุกจากโต๊ะอาหารเดินขึ้นข้างบนไปอีกคน
เมื่อศรันเข้ามาอยู่ในห้องนอนส่วนตัว ร่างสูงเต็มไปด้วยมัดกล้ามจัดการเปลื้องผ้าของตัวเองออก เตรียมพร้อมจะอาบน้ำ หากประตูกลับถูกเคาะจากทางด้านนอก ชายหนุ่มจึงเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันเอวไว้อย่างหลวม ๆ จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตูเพราะคิดว่าอาจเป็นนางแก้ว แต่คนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับเป็นไอรินแทนเสียอย่างนั้น
หญิงสาวลอบกลืนน้ำลายลงคอ จ้องมองอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังของบุรุษเพศตอนนี้ช่วงบนเปลือยเปล่า ส่วนช่วงล่างมีผ้าขนหนูพันเอวไว้แบบหมิ่นเหม่ดูพร้อมจะหลุดลงมาได้ทุกเมื่อ สร้างความปั่นป่วนภายในช่องท้องของหญิงสาวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
"บ้าไปแล้วไอริน!" หญิงสาวต่อว่าตัวเองเบา ๆ ที่ตัวเองเผลอไผลไปมีอารมณ์สุนทรีชื่นชมสรีระของผู้ชายแบบนี้ แถมยังเป็นกับผู้ชายที่เธอไม่ชอบขี้หน้าอีกต่างหาก
เสียงพึมพำที่หลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม ซึ่งคนหูดีอุตส่าห์ได้ยินชัดเจน ทำให้เรียวปากหยักสวยกระตุกยิ้ม ก่อนเอ่ยพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
"ผู้หญิงลามก หน้าไม่อาย"