สามีปีมะเมีย(สามีปีนักษัตร)

39.0K · จบแล้ว
Ranadda , ณัฐสุดา , สาวก หวังเซียว
19
บท
280
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ว่ากันว่า ผู้ชายที่เกิด 'ปีม้า' หรือ 'ปีมะเมีย' นั้น เป็นคนที่มีอุปนิสัยร่าเริ่งและรักสนุก มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ปากแข็งหากแต่ใจอ่อน รักความก้าวหน้า อีกทั้งยังไม่ชอบยึดติดกับใคร ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือนิสัยของ 'ศรัน' พ่อเลี้ยงหนุ่มแห่ง 'ไร่อาชา' ที่สาวน้อยสาวใหญ่มากหน้าหลายตาอยากจะครอบครองเป็นเจ้าของหัวใจ แต่ความตั้งใจ และนิสัยที่พ่อเลี้ยงหนุ่มคิดว่าไม่มีทางเปลี่ยนได้นั้นมีอันต้องสั่นคลอน เมื่อได้พบกับ 'ไอริน' คุณหนูตกอับลี้ภัยจากเจ้าหนี้ ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้มีพระคุณที่เคยให้ความช่วยเหลือ ทั้งที่ศรันไม่อยากจะสนใจ ให้ที่พักอาศัยพร้อมกินอยู่แล้วก็แล้วไป แต่ไม่รู้ทำไม ทั้งที่ปากบอกว่าไม่ แต่หัวใจกลับเพรียกหาอยู่ทุกนาที

พ่อเลี้ยงโรแมนติกรักหวานๆนิยายรักโรแมนติกนิยายรัก18+นิยายปัจจุบัน

บทที่ 1.(ลูกคุณหนูลี้ภัย)

สามีปีมะเมีย(สามีปีนักษัตร)

บทที่ 1.(ลูกคุณหนูลี้ภัย)

"นะ... นี่มันรูหนูชัด ๆ!"

'ไอริน' กวาดสายตามองห้องพักขนาดเท่าขี้ตาแมวด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่า ในโลกนี้จะมีห้องนอนที่เล็กขนาดเท่ากับแมวดิ้นตายอยู่กับเขาด้วย

ในที่สุดไอรินก็ไม่พ้นต้องอัปเปหิตัวเองออกมาจากคอนโดสุดหรูใจกลางเมืองเพื่อไปตายเอาดาบหน้ายัง 'ไร่อาชา' ซึ่งบิดาของเธอย้ำนักย้ำหนาว่ามันปลอดภัย แต่ใครจะไปคาดคิดว่าระหว่างทางจะต้องมาเจอกับห้องพักไซส์มินิแบบนี้

หลังจากที่เสียน้ำตาไปเป็นโอ่งให้กับชีวิตบัดซบ(จังเลย) ไอรินจึงเริ่มคิดได้ว่าน้ำตาไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น มือแกร่งหากเรียวสวยอย่างลูกคุณหนูที่ไม่เคยกรำงานหนักมาตลอดทั้งชีวิตจึงยกขึ้นป้ายน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวก ๆ แล้วเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ หากยังทิ้งร่องรอยแดงช้ำใต้ขอบตาเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความโศกเศร้าในครั้งนี้ และนั่นก็ทำให้หญิงสาวได้มีเวลาพิจารณาห้องพักของโรงแรมจิ้งหรีดเล็ก ๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่แห่งนี้ชัด ๆ ถนัดสองตา ซึ่งมันก็คือรูหนูอย่างที่เธอกล่าวไปตั้งแต่ต้น

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น

ความจริงแล้วไอรินไม่จำเป็นต้องระหกระเหินออกมาจากคอนโดที่เธออาศัยอยู่เลยสักนิด หากโทรศัพท์ของบิดาที่ดังขึ้นในขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งตีป้อมอย่างเมามันอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นกลับเป็นสาหตุ และไม่คิดเลยว่ามันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ในชั่วพริบตา

'ฮัลโลพ่อ' ไอรินกดรับสาย ทั้งที่มือและสายตายังคงสาละวนกับการฟาร์มมอนเตอร์ที่ซ่อนอยู่ในป่า

(ไอเหรอลูก) เสียงของบิดาบังเกิดเกล้าดังมาตามสาย หากหญิงสาวเอะใจสักนิด จะสังเกตได้ว่าน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความร้อนใจ

'ไอเองค่ะ พ่อมีอะไรรึเปล่า?' ไอรินเอ่ยถาม 

(ฟังพ่อนะลูก รีบเก็บของจำเป็นใส่กระเป๋า แล้วออกจากคอนโดให้เร็วที่สุด ลูกต้องขึ้นไปเชียงใหม่ ไปที่ไร่อาชา เมื่อไปถึง บอกกับเจ้าของไร่ว่าไอเป็นลูกของพ่อ ที่นั่นปลอดภัย เจ้าของไร่จะดูแลไออย่างดี)

คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันทันทีที่คนเป็นพ่อเอ่ยจบ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอต้องไปที่ไร่อาชา ริมฝีปากอิ่มสวยกำลังจะเอ่ยถาม แต่เสียงของบิดาก็ดังขัดขึ้นมาอีก

(ไม่มีเวลาแล้วลูก รีบออกมา พวกมันใกล้จะไปถึงคอนโดของลูกแล้ว...ตู๊ด...ต๊ด...ตู๊ด...) จากนั้นสัญญาณโทรศัพท์ของบิดาก็ถูกตัดไป 

ไอรินมีอาการสับสนและมึนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก พวกมันคือพวกไหน แล้วมาเกี่ยวอะไรกับการที่เธอต้องรีบออกจากคอนโดด้วย หากสังหรณ์บางอย่างก็สั่งให้ร่างเล็กเดินไปแง้มผ้าม่านออกเพื่อมองหาสิ่งผิดปกติภายนอก หญิงสาวพบรถสีดำติดฟิล์มมืดจอดอยู่หน้าคอนโดด้านล่าง พวกมันลงจากรถแล้วหันไปกระซิบกระซาบกัน ก่อนเงยหน้าขึ้นมองมายังตำแหน่งห้องของเธอ

ไอรินรีบซ่อนตัวหลบหลังม่าน ริมฝีปากหยักสวยเม้มแน่น คำพูดของบิดาเป็นเรื่องจริง ตัวเธอกำลังไม่ปลอดภัย หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าคนพวกนี้ต้องการอะไร แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ร่างเล็กเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว รีบเก็บของใช้จำเป็นลงกระเป๋าเป้เพื่อลี้ภัยไปตายเอาดาบหน้า

การปิดไฟในห้องเป็นเหมือนสัญญาณให้พวกมันลงมือ ไอรินคาดเดาว่าพวกมันอาจจะเดินอ้อมมาทางด้านหลังโดยใช้บันไดหนีไฟ 

เมื่อเตรียมตัวพร้อม หญิงสาวชะโงกหน้าออกไปสำรวจทางเดิน ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งชั้น แน่นอนอยู่แล้วว่าดึกแบบนี้คงไม่มีใครออกมาเดินเพ่นพ่าน ร่างเล็กบอบบางก้าวออกมาจากห้องด้วยอาการระแวดระวัง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูทางหนีไฟเปิดออก

'แย่แล้ว!'

'เฮ้ย! มันอยู่นั่น อย่าหนีนะมึง!' เสียงห้วนห้าวดังขึ้น หากไม่ดังมากนัก ก่อนที่พวกมันอีกสามคนจะวิ่งกรูกันมาจะจับตัวหญิงสาว ในขณะที่ไอรินยกยิ้มขึ้นตรงมุมปาก พวกมันกลัวคนได้ยิน แต่เธอไม่กลัว

'ไฟไหม้ ๆ!' ไอรินตะโกนคำศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้คนทั้งชั้นแตกตื่น และอาจจะแตกตื่นไปทั้งคอนโดในอีกไม่ช้า เพราะเจ้าตัวยังคงวิ่งไปด้วยตะโกนไปด้วยทั้งที่เหนื่อยแสนเหนื่อย แต่เพื่อเอาตัวรอดเธอต้องอดทน

ผู้คนเปิดประตูขนของเตรียมจะหนี คนเหล่านั้นแตกตื่นออกมาโวยวาย บางคนหาถังดับเพลิงให้วุ่นวายไปหมด ประตูหลายบานที่เปิดออกเป็นตัวขวางทางไม่ให้พวกมันเข้าถึงตัวหญิงสาวได้โดยง่าย

ไอรินฉวยโอกาสนั้นวิ่งลงบันได หากยังคงตะโกนสร้างความโกลาหลต่อไปจนกระทั่งออกมายืนเหนื่อยหอบหน้าคอนโด จากนั้นเล็กจึงวิ่งปรู๊ดออกไปยังถนนใหญ่และโบกรถแท็กซี่คันแรกที่วิ่งผ่านมา

'ไปสนามบินค่ะ" เสียงหวานที่ยังคงหอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อยเอ่ยขึ้น ไอรินหันไปมองทางด้านหลัง ในขณะที่รถเคลื่อนตัวออก ก่อนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อไม่เห็นพวกมันตาม

นั่นก็คือเหตุการณ์ก่อนหน้าที่หญิงสาวจะมาอยู่ในโรงแรมจิ้งหรีดระดับหนึ่งดาวแห่งนี้ และถ้าถามว่าทำไมลูกคุณหนูอย่างเธอไม่เลือกเข้าพักในโรมแรมหรูระดับห้าดาวที่ติดหนึ่งในสิบของจังหวัด คำตอบก็คือเงินก้อนสุดท้ายของเดือนนี้หมดไปกับค่าตั๋วเครื่องเรียบร้อยแล้ว ที่เหลืออยู่ในกระเป๋าตอนนี้มีไม่ถึงห้าร้อยเลยด้วยซ้ำ

ในวันพรุ่งนี้ เมื่อไอรินไปถึงไร่อาชา โลกใบใหม่ที่เธอไม่คุ้นเคยจะเริ่มต้นขึ้น ถนนชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบกำลังจะเปลี่ยนเป็นถนนลูกรังแทน แม้ว่าเธอจะทำใจได้แล้วว่าชีวิตต้องมีหลายรสชาติ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็อดหวาดกลัวอนาคตที่มองไม่ห็นไม่ได้

กลับสู่โลกความจริง

จากคำบอกเล่าของบิดาที่โทรกลับมาหาเธออีกครั้งหลังจากก้าวขาลงจากเครื่อง เป็นความจริงที่ไอรินแทบไม่กล้ายอมรับว่าครอบครัวของเธอได้เข้าสู่ภาวะล้มละลายลงเพราะการทรยศของหุ้นส่วนในบริษัท ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นบรรดาเพื่อนสนิทของบิดาของไอรินเอง

และเมื่อธุรกิจเข้าสู้ตาจน คนที่สร้างมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อประคับประคองให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ และด้วยความหน้ามืดตามัวชั่วขณะทำให้บิดาของไอรินตัดสินใจไปพึ่งแหล่งเงินกู้นอกระบบมาเพื่อยื้อบริษัทไว้ หากสุดท้ายแล้ว ทุกอย่างกลับล้มไม่เป็นท่า

สมบัติทุกอย่างรวมทั้งคฤหาสน์หลังใหญ่ถูกธนาคารยึดไปจนหมด หนี้ในระบบพอประนีประนอมได้ แต่หนี้นอกระบบนี่สิคือตัวปัญหา เอะอะพวกมันก็ไม่ยอมท่าเดียว ด้วยเหตุนี้บิดาของไอรินจึงต้องหนีหัวซุกหัวซุนรวมทั้งตัวเธอด้วย 

ไอรินกวาดสายตามองห้องพักแห่งนี้ด้วยสายตาหม่นเศร้าอีกครั้ง แล้วปัดความรู้สึกแย่ ๆ ในใจทิ้งไป ก่อนเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ขึ้นพาดบ่า หากความรู้สึกหยาบระคายของเนื้อผ้าก็ทำให้หญิงสาวต้องพิจารณาผ้าผืนนี้อีกครั้ง พลางคิดไปว่าผ้าหยาบขนาดนี้จะบาดผิวกายของเธอในยามที่ใช้มันหรือเปล่า

เรียวปากหยักปากสวยสีแดงระเรื่ออย่างคนที่มีสุขภาพดีเบะออกเล็กน้อยราวกับจะร้องไห้ หากเจ้าตัวพยายามฝืนกลั้นเอาไว้ ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่นว่าเธอต้องผ่านมันไปให้ได้

ไอรินต้องพบกับบททดสอบ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวิบากกรรมอีกครั้ง เมื่อเครื่องทำน้ำอุ่นภายในห้องน้ำเกิดเสีย เธอไม่รู้ว่ามันเพิ่งเสียหรือเสียนานแล้ว แต่อากาศที่เชียงใหม่ตอนนี้เข้าหน้าหนาวแล้ว ถ้าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นรับรองได้เลยว่าเธอต้องแข็งตายอยู่ในนี้แน่

ร่างเล็กบอบบางยืนทำใจอยู่พักใหญ่ คิดไตร่ตรองชั่งใจว่าควรทำยังไงกับสถานการณ์ตอนนี้ดี ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจหมุนตัวกลับออกมาจากห้องน้ำและกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่ออาบไม่ได้ก็ไม่อาบ ใครจะเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยง ถึงชีวิตของเธอแทบจะไม่เหลืออะไรแล้วก็ตามที