บท
ตั้งค่า

บทที่ 2.(วิบากกรรมซ้ำซ้อน)

สามีปีมะเมีย(สามีปีนักษัตร)

บทที่ 2.(วิบากกรรมซ้ำซ้อน)

เช้ามืดวันต่อมา

ไอรินเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมด้วยความรีบร้อน ปกติเธอไม่ใช่คนที่ตื่นเช้าขนาดนี้ และถ้าจะเรียกให้ถูก นี่ไม่ใช่การตื่นเช้า แต่เป็นเพราะหญิงสาวไม่ได้นอนเลยต่างหาก

เมื่อคืนขณะที่ไอรินกำลังเคลิ้มหลับ อยู่ ๆ ก็พลันสะดุ้งตื่น เพราะรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นบริเวณนิ้วเท้า และเมื่อหญิงสาวเอาไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือส่องดู ก็จ๊ะเอ๋เข้ากับแมลงสาปที่กำลังไต่ขาของเธออยู่

หญิงสาวแหกปากร้องลั่น ลุกพรวดออกจากเตียงทันทีด้วยความขยะแขยง เกิดมาก็เพิ่งจะเคยพบเคยเจอกับเหตุการณ์อกสั่นขวัญสยองแบบนี้ และหลังจากนั้นไอรินก็ไม่หลับอีกเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้

หลังออกมาจากโรงแรม หญิงสาวเดินเข้าไปหาข้าวเช้ากินรองท้องในตลาด ด้วยเพราะงบดุลในกระเป๋าเหลือน้อย เธอจึงได้หมูปิ้งสามไม้กับข้าวเหนียวหนึ่งห่อมาเป็นมื้อเช้า จากนั้นร่างเล็กจึงเดินไปหาที่นั่งกินเงียบ ๆ จนกระทั่งกินเสร็จเธอจึงเริ่มมองหาหนทางไปยังไร่ขอาชา และคนที่จะช่วยไอรินได้นั้นก็คงหนีไม่พ้นพ่อค้าแม่ค้าในตลาด

"ป้าคะ ป้ารู้จักไร่อาชาไหมคะ?" และแม่ค้าคนแรกที่หญิงสาวเลือกถามก็คือแม่ค้าหมูปิ้งที่เธอไปอุดหนุนมานั่นแหล่ะ ซึ่งก็ได้ความพอดิบพอดี

"รู้จักสิ คนทั้งตลาดนี้เขารู้จักไร่อาชากันทั้งนั้นแหล่ะ ว่าแต่... เอ็งถามทำไมฮะนังหนู"

"หนูมีธุระที่ไร่อาชาค่ะ" โชติกตอบ

"จะไปสมัครงานล่ะสิ หุ้นผอมแห้งอย่างเอ็งนี่จะทำไปอะไรไหว ที่นั่นงานหนักนะ มีแต่พวกใช้แรงทั้งนั้นที่อยู่ได้"

แม่ค้าพูดขึ้น พร้อมกับกวาดสายตามองไอรินตั้งแต่หัวจรดเท้า จะดูถูกก็ไม่ใช่ จะสงสารก็ไม่เชิง

"เปล่าค่ะ หนูมีธุระกับเจ้าของไร่ต่างหาก" ไอรินปฏิเสธ ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าทันทีที่ไปถึงจะถูกต้อนรับจากเจ้าของไร่แบบไหน

"อ๋อ... มีธุระกับ 'พ่อเลี้ยงศรัน' นี่เอง โน่นเลย เอ็งเห็นรถสองแถวสีแดงนั่นไหม?" แม่ค้าบอก ก่อนชี้มือไปที่รถสองแถวสีแดงตามที่นางว่า ซึ่งรถคันนั้นจอดอยู่บริเวณหน้าตลาด มีลุงแก่ ๆ คนหนึ่งนั่งประจำที่คนขับ ขณะที่ปากของแกคาบยาเส้นสูบแล้วพ่นควันออกมาโขมง

ส่วนไอรินก็ถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสภาพรถสองแถวที่แม่ค้าหมูปิ้งบอก คนขับว่าแก่แล้วสภาพรถเก่าแก่กว่าคนเยอะ ดูแล้วไม่น่าจะขับไปไหนไกล ๆ ได้

"ถ้าอยากจะไปไร่อาชาก็รีบ ๆ หน่อยนะนังหนู อีกเดี๋ยวคนงานในไร่จะทยอยพากันกลับไร่ เดี๋ยวจะไม่มีที่นั่ง" แม่ค้าหมูปิ้งส่งเสียงขึ้นอีก ไอรินจึงหันไปกล่าวขอบคุณแม่ค้า ก่อนจะรีบเดินไปยังรถสองแถวเก่าคร่ำคร่าด้วยความรู้สึกคิดหนัก หวังว่ามันคงจะไม่ไปตายเอากลางทางหรอกนะ

เป็นอย่างที่แม่ค้าหมูปิ้งพูดไว้จริง ๆ เพราะเพียงแค่หญิงสาวก้าวขึ้นไปหย่อนก้นลงนั่งบนรถได้ยังไม่ถึงนาทีเลยด้วยซ้ำ เหล่าคนงานที่พากันออกมาซื้ออาหารสดเพื่อนำไปทำอาหารในแต่ละมื้อก็ทยอยกันขึ้นมาบนรถ และเพราะแบบนั้นไอรินจึงต้องขยับเข้าไปนั่งชิดในจนสุด

ความแออัดเบียดเสียดเยียดยัดส่งผลให้หญิงสาวหายใจแทบไม่ออก เธอคิดจะลุกขึ้นออกไปอยู่ด้านนอกเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ หากคนงานผู้หญิงสามถึงสี่คนกลับก้าวขึ้นมาบนรถพร้อมเก้าอี้พลาสติกในมือ พวกเธอเหล่านี้วางเก้าอี้ลงก่อนจะนั่งเรียงแถวไปจนถึงท้ายรถ นั่นหมายความว่าไอรินต้องทนอึดอัดอยู่ด้านในจนกว่าจะถึงที่หมาย

แต่ความอึดอัดก็ยังไม่รุนแรงเท่ากลิ่นไม่พึงประสงค์ที่โชยเข้าจมูกเป็นระยะ ไอรินไม่แน่ใจนักว่ากลิ่นที่รับรู้ได้อยู่ตอนนี้นั้นเป็นกลิ่นของอะไร บางทีอาจจะเป็นกลิ่นของส่วนผสมของอาหารอะไรสักอย่างที่มีกลิ่นฉุนมากจนเธอรู้สึกขมคอ

ขณะที่รถสองแถวเคลื่อนตัวออกจากตลาดเพื่อมุ่งหน้าสู่ไร่อาชา จังหวะนั้นมีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้า จึงทำให้ลุงคนขับรถเหยียบเบรคกระทันหัน ผลก็คือเหล่าคนงานที่นั่งถัดไปจากไอรินต่างพากันทิ้งตัวมาทับหญิงสาวทั้งหมด เรียกได้ว่าเธอแบนจนแทบจะเป็นกล้วยทับเลยก็ว่าได้

กระทั่งรถกลับสู่ภาวะปกติ คนงานขยับตัวออกห่างเพื่อนั่งให้สบายขึ้น จังหวะนั้นผู้ชายที่นั่งข้าง ๆ ไอรินพลันยกมือขึ้นจับราวรถไว้เพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อครู่นี้อีก และในตอนนี้หญิงสาวก็ได้รู้ว่ากลิ่นไม้พึงประสงค์นั้นแท้จริงแล้วเป็นกลิ่นของอะไร มันคือกลิ่นตัวของผู้ชายคนนี้!

เมื่อรู้แน่ชัดว่ามันคือกลิ่นอะไร ไอรินพลันรีบกลั้นหายใจพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่น ราวกับกลัวว่าหากเธออ้าปากกลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนนี้จะลอยเข้าปากของเธอไปด้วย

รถสองแถวขับเคลื่อนไปตามถนนลาดยาง โชคดีอยู่บ้างที่ถนนเส้นนี้ไม่ใช่ถนนลูกรังที่เต็มไปด้วยหลุมลึก เพราะหากเป็นเช่นนั้นไอรินก็คงนึกสภาพของตัวเองไม่ออกเหมือนกันว่ากว่าจะถึงไร่อาชานั้นเธอจะเป็นเช่นไร

หากโชคดีที่ไอรินคิดว่ายังพอมีหลงเหลืออยู่ก็พลันหายไปหมดสิ้น เมื่อรถสองแถวเลี้ยวเข้าถนนเส้นรอง ตรงทางเลี้ยวมีป้ายไม้แกะสลักขนาดใหญ่ชี้บอกทางเข้าไร่ พื้นถนนเป็นดินแดงยามรถวิ่งผ่านฝุ่นสีแดงกระจายฟุ้งไปทั่วบริเวณ อีกทั้งสองข้างทางยังเต็มไปด้วยป่าทึบ หากเมื่อรถวิ่งไปเรื่อย ๆ ทุ่งหญ้าโล่งก็เข้ามาแทนที่ป่าทึบ และมีรั้วไม้ทอดยาวไปตลอดเส้นทาง

แน่นอนว่าความซวยของไอรินไม่หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อสิ่งที่หญิงสาวคิดกลัวมาตั้งแต่ต้นได้เกิดขึ้น ซึ่งก็คือรถสองแถวเกิดยางแตก ยังดีที่ลุงแกขับรถไม่เร็วมาก อีกทั้งยังชำนาญเส้นทาง รถจึงไม่เสียหลักพุ่งเข้าข้างทางอย่างที่มันควรจะเป็น

"เอ้า! ลงมา ๆ วันนี้รถไปต่อไม่ได้แล้ว"

คนขับรถตะโกนมาจากด้านหน้า ในขณะที่คนงานต่างพากันทยอยลงจากรถอย่างหัวเสียพร้อมกับส่งเสียงบ่นกันระงมลั่นทุ่ง ส่วนไอรินก็เดินตามคนงานลงมาอย่างเงียบ ๆ

"รถเสียอีกแล้ว เป็นแบบนี้ทุกที"

"เป็นแล้วแบบนี้แล้ว จะเข้างานทันได้ยังไง"

"มีหวังโดนพ่อเลี้ยงหักเงินอีกแน่"

และอีกมามายหลายเสียงที่ไอรินแทบใจใจความไม่ได้ เพราะฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนที่เสียงบ่นจะเเงียบหายไป เมื่อชายคนหนึ่งพูดขึ้น

"พวกมึงหยุดบ่นได้แล้ว เหตุสุดวิสัยแบบนี้พ่อเลี้ยงไม่หักเงินหรอกน่า พ่อเลี้ยงเขามีเหตุผลพอโว้ย เดี๋ยวกูจะโทรเข้าไปในไร่ให้เขาเอารถออกมารับ เลิกบ่นกันได้แล้ว"

พูดจบชายคนดังกล่าวก็ล้วงเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วกดโทรออก พูดคุยไม่กี่ประโยคก็วางสาย จากนั้นไม่นานก็มีรถกระบะสี่ประตูยกสูงขับเข้ามาจอดบริเวณที่ไอรินและคนงานยืนรออยู่

ประตูรถฝั่งคนขับถูกเปิดออกมา ก่อนที่ร่างสูงกำยำแข็งแรงในชุดเสื้อแขนยาวลายสก็อตกับกางเกงยีนส์สีซีดก้าวลงมาจากรถ

"ไปขึ้นรถ" เสียงทุ้มออกคำสั่งอย่างมีอำนาจ ขณะที่คนงานปิดปากเงียบ เสียงบ่นกระปอดกระแปดเมื่อครู่นี้หายไปหมดสิ้น ต่างพากันเดินไปขึ้นรถอย่างรีบเร่ง รวมทั้งไอรินที่เดินตามไปเป็นคนสุดท้าย

"เดี๋ยว" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอีก พร้อมกับที่เจ้าตัวยื่นมือมาเกี่ยวคอเสื้อของไอรินไว้จากทางด้านหลัง ดึงรั้งไม่ให้หญิงสาวก้าวขึ้นรถไปได้โดยง่าย

"คิดว่าตีเนียนปะปนไปกับคนงาน แล้วจะเข้าไปในไร่อาชาง่าย ๆ ได้รึไง?

ไอรินสะดุ้งเฮือก สั่นไปทั้งตัว ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ในขณะที่อีกฝ่ายขยับเข้ามาจนชิดในลักษณะคุกคาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel