ตอนที่ 7 งานเลี้ยงน้ำชา
หยางไซซี
การที่ถูกเรียกตัวเข้าวังจากฮองเฮามาร่วมงานเลี้ยงน้ำชาชมดอกมู่ตาน ในวังครั้งนี้ถือเป็นการเปิดหูเปิดตาหลังจากที่เก็บตัวอยู่ใน สกุลหยางเกือบเดือนได้ฤกษ์ได้ชัยออกท่องเที่ยวงานเลี้ยงในวังเสียแล้วโดยครั้งนี้ ก็จะเป็นเหล่าญาตพี่น้อง บุตรสาว บุตรชายของขุนนางทั้งหลาย และบรรดาฮูหยิน รวมไปถึงเชื้อพระวงศ์ต่างๆที่มาร่วมงานเลี้ยงเพราะต้องการหาคู่ ก็เหมือนกันจัดงานเลี้ยงหาคู่ดีๆนี่เองซึ่งถ้าไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะงานเลี้ยงนี้ฮองเฮาเป็นคนจัดการ
"ทำไมคนที่แต่งงานแล้วอย่างข้าต้องมาด้วย"
พี่รองขึ้นอย่างหัวเสียเพราะนอกจากห่างจากภรรยาแล้วยังต้องมาร่วมงานเลี้ยงนี้อีกต่างหาก คนมันรักภรรยาแล้วนะห่างกันก็ไม่ค่อยได้
"พี่รองท่านบ่นอะไรหรือ"
"ใช่ท่านขี้บ่นเกินไปแล้วข้าเป็นหม้ายลูกติดก็ยังต้องมาเลย"
คราวนี้เป็นน้องหกที่บ่นขึ้นมาบ้างที่ต้องฮอบสังขารตนเองมาถึงงานเลี้ยงในครั้งนี้และพี่น้องทั้งหมด 15 คนของข้าก็มาร่วมงานที่นี้ด้วยร่วมไปถึงท่านพ่อและท่านแม่ก็ยังถูกเชิญมาจนครับมีเพียงท่านแม่หกที่ไม่มาเพราะไม่ชอบผู้คนในวังเท่าไหร่นัก
"นายท่านหยางกับครอบครัวมาถึงแล้ว!!"
"คาราวะนายท่านหยาง"
"นายท่านเหว่ยกับครอบครัวก็มาถึงแล้วเช่นกัน"
"คุณชายเฟิงและฮูหยินผู้เฒ่ามาถึงแล้ว!!"
มากันจนครบเลยสินะ เฮ้อ ชักจะรู้สึกแปลกแล้วสิ ลางสังหรณ์ชักไม่ดีเสียแล้วกลัวเหลือเกินว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นขอเพียงอย่าให้ลางสังหรณ์นี้เป็นเรื่องจริงเลยเถอะ
"อ้าวนายท่านหยางมาเร็วกว่าข้าเพียงไม่นานสินะ"
"เราสนิทกันหรือ"
"เอ่อ...เชิญนายท่านหยางกับครับครัวทางนี้ขอรับ"
"อืม"
เสียงซุบซิบนินทาจากเราบรรดาขุนนางมากมายก็เอ่ยปากขึ้นงานเลี้ยงในครั้งนี้ชักจะปวดหัวเสร็จแล้ว
"นายท่านหยางกิจการของการค้าท่านเป็นอย่างไร"
"ก็ดี ถ้าไม่มีหนอนเข้ามาทำลายการค้าในครั้งนั้นก็นับว่าจะดีกว่านี้"
"หนอน ใครกันที่ทำเช่นนี้"
"หึ ข้ารู้ตัวคนทำแล้วนายท่านอู่ไม่ต้องกังวลแทนข้าหรอกคนอย่างหยางเฟิงใครกล้าลูบคมล้วนอยู่ได้ไม่เกินปีแน่นอน"
"ฮ่ะฮ่าๆๆ ข้าจะรอดูฉากนั้นดื่มหมดจอก"
"ดื่ม"
นั่นเป็นเรื่องจริง 3 อย่างที่ไม่ควรทำกับท่านพ่อเลยก็คือ 1 อย่ายุ่งเกี่ยวกับภรรยาสุดที่รัก 2 อย่ารังแกบุตรชายบุตรสาวสุดที่รัก และสุดท้ายข้อที่ 3 อย่าทำตัวเก่งและอย่าลูบคมเด็ดขาดไม่เช่นนั้นชะตาชีวิตจะสั้นลงทันทีเป็นข้อห้ามที่ต่างไปต่างรู้จักกันดีในคาบพ่อค้าหน้ายิ้มของท่านพ่อ
"คุณชายสี่ได้ข่าวว่าหย่ากับคุณชายเฟิงจริงหรือ"
ฮูหยินอวี่เอ่ยขึ้นมานางเป็นภรรยาของขุนนางชั้นกลางที่มีชื่อเสียงดีงามแต่ไม่คิดว่าฮูหยินอวี่จะชอบยุ่งเรื่องผู้อื่นเช่นนี้
"ตามที่ฮูหยินอวี่รับรู้"
"คุณชายสี่ไปทำอะไรล่ะถึงโดนหย่าจากสามีเช่นนี้ เฮ้อ เกิดเป็นชายแล้วยังต้องแต่งกับชายด้วยกันอยู่ได้ไม่นานก็ต้องหย่าน่าสงสารยิ่งนัก"
"ฮูหยินไม่ต้องสงสารข้าหรอกนะเพราะไม่ว่าจะเป็นสตรีหรือบุรุษหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนอกใจปันใจให้คนอื่นต่อให้รักและยึดติดเขามากเพียงใดเขาก็หย่ากันได้ดีไม่ดีสามีของท่าน เบื่อท่านในเร็ววันนี้อาจจะอยากหย่าจากท่านไปแต่งกับคนอื่นมันก็เป็นเรื่องง่ายมากอย่างไรท่านก็ไม่ต้องสงสารข้าหรอกนะ ข้าโตแล้วข้ารู้ว่าทำอะไรอยู่"
"นี่คุณชายสาปแช่งถ้าอย่างนั้นหรือ"
"ถ้าฮูหยินคิดเช่นนั้นก็คงเป็นไปตามนั้นแต่ถ้าคิดในทางที่ดีก็คือการเตือนเพราะข้า ก็เคยเป็นภรรยาของผู้อื่นมาเช่นเดียวกันต้องย่อมรู้ว่า คนคนนั้นคิดเห็นเช่นไรฉันเองก็ระวังตัวดีๆก็แล้วกัน"
"ท่าน!!"
"ขอตัวก่อน"
ข้ายิ้มตอบกลับไป ในเมื่อนางอยากยุ่งเรื่องชาวบ้านข้าก็อยากยุ่งเรื่องของนางเช่นเดียวกัน พูดแค่นั้นก็เดินจากมาและมานั่งที่ของตน
"ฝ่าบาทเสด็จ"
"ฮองเฮาเสด็จ"
"ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาขอให้ฝ่าบาทและของเฮาอายุยืนหมื่นๆปีๆ!!!!"
เมื่อทำความเคารพเสร็จแล้วการนั่งร่วม ดื่มชาในครั้งนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
เหว่ยหงอวี่กับเฟิงหมิงหลิงนั่งข้างกายกันเฉกเช่นสามีภรรยาแต่แท้จริงแล้วอีกแค่ 2 เดือนเท่านั้นถึงจะแต่งงานกันไม่สำรวมกิริยาเอาเสีย
"เหตุใดคุณหนูใหญ่เหว่ยกับคุณชายเฟิงถึงนั่งใกล้ชิดกันขนาดนั้น"
เป็นฮูหยินท่านหนึ่งที่เอ่ยออกมาดูท่าทางแล้วเป็นคนยึดมั่นในจารีตประเพณีอย่างเคร่งครัดการแต่งตัวของนางดูเรียบร้อยมิดชิดดูสำรวมกิริยาของตนเองเป็นอย่างมาก
"ต้องขออภัยข้ากับคุณชายเฟิงอีกไม่กี่เดือนก็จะแต่งงานกันแล้วจึงลืมตัวเจ้าค่ะ"
"ต่อให้แต่งงานกันก็ไม่สมควรนั่งหน้าชิดใกล้กันถึงเพียงนั้น ทำตัวเหมือนสตรีหอโคมแดงก็ไม่ได้มันน่าเกลียด"
"ฮูหยินท่านนี้กล่าวว่าจะดูถูกบุตรสาวของข้าเช่นนี้มันไม่งามนัก"
"บุตรสาวของท่านคำกิริยาของตนเองไม่เหมาะสมที่นี่คือพระราชวังการทำตนให้เป็นระเบียบมีมารยาทเป็นที่กระทำตนของคนชั้นสูงหาไม่แล้วก็จะโดนดูถูกเราได้ว่าเป็นคนไม่ได้รับการสั่งสอนจากบิดามารดาข้าแค่เตือนด้วยความหวังดี"
"นี่ท่านมากเกินไปแล้วนะ"
"ทุกคนอยู่ต่อหน้าเรายังกล้าที่จะต่อว่ากันอีก คุณหนูใหญ่เจ้าเองก็ทำตนเองผิดกฎ ผิดประเพณี เช่นกันนั่งออกมาห่างๆหน่อยก็ไม่เป็นไรหรือไม่ก็รอให้เรากับฮองเฮาออกจากงานไปก่อนถึงค่อยทำ"
"หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะขอให้ฝ่าบาทอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ"
"หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ"
เสียงของฮูหยินผู้นั้นช่างสงบเยือกเย็นยิ่งนักก่อนที่ฝ่าบาทจะทรงยิ้มแย้มออกมาไม่ต่อว่าผู้ใดอีกแล้วงานก็เริ่มต้นขึ้นอย่างบรรยากาศเริ่มดีขึ้นกว่าเดิม
"ไม่ทราบว่าฮูหยินท่านนี้มีนามว่าอะไร"
"ข้ามีนามว่าอวิ๋นหานหรานซือ เป็นฮูหยินประจำกายอ๋องสิบ ท่านคือคุณชายสี่ หยางไซซีเป็ชายงามอันดับหนึ่งสินะ"
"คาราวะหวางเฟยพะยะค่ะ"
"ไม่ต้องมากพิธี ข้าอยู่ในวังมานานรู้กฏ จารีตประเพณีเป็นอย่างดีกฎของสตรีก็เป็นข้าที่เขียนขึ้นไม่ต้องมากพิธีอะไรเพราะเราต่างก็รู้จักกันดี"
"เช่นนั้นก็รบกวนหวางเฟยแล้ว"
"เรียกฮูหยินอวิ๋นเถอะ"
"พะยะค่ะ"
"เจ้านี้นะ หน้าตางดงามกิริยามารยาทช่างดียิ่งนักการวางตัวก็ดีคาดไม่ถึงว่าคนอย่างท่านจะโดนกระทำเช่นนี้อย่างไรจิตใจ"
"ก็กล่าวโทษเขาแต่เพียงผู้เดียวก็ไม่ได้เพราะตัวข้า ก็ทำตัวจืดจางไร้ความรู้สึกทำให้เขารู้สึกว่าไม่เหมาะกับข้า ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวของข้าเองเช่นเดียวกันความรักห้ามกันไม่ได้เมื่อไหร่ก็ทิ้งขว้างเป็นเรื่องของสัจธรรมของมนุษย์"
"ข้ามีบุตรชายคนนึงอยากแนะนำให้เจ้ารู้จักจะได้เป็นเพื่อนเล่นกันบุตรชายของข้ากำลังจะแต่งงานอีกแค่ไม่กี่วันกับองค์ชายต่างแคว้น ซึ่งเป็นคนรักกันแต่ว่ากิริยามารยาทไม่ได้สมดั่งเป็นบุตรชายของท่านอ๋องเลยแม้แต่น้อยอยากให้เจ้าช่วยดูแลให้ข้าหน่อยได้หรือไม่"
"ได้สิขอรับ ช่วงนี้ก็ว่างๆไม่มีอะไรทำอยู่แล้วเข้าวังมาเล่นบ่อยๆจะได้แวะมาหาฮองเฮาอีกด้วย"
"ในวังช่างน่ากลัวแต่ถ้าในวังรักใคร่สามัคคีกันก็ไม่มีเรื่องใดที่น่ากลัวอีกวังต้องห้ามแห่งนี้จะว่าดีก็ดีจะว่าน่าสงสารก็คงจะเป็นอย่างนั้น เจ้าว่าใช่หรือไม่"
"ทุกคนความรู้สึกย่อมไม่เหมือนกันอยู่ภายในวังการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเป็นเรื่องปกติอย่าว่าแต่อยู่ในวังเลยอยู่ข้างนอกการเป็นที่หนึ่งในใจของชายคนนึงก็ยากแค้นต้องแย่งชิงกันขึ้นมา"
"แต่ใครจะรู้ล่ะว่านายท่านหยาง บิดาของเจ้ามีภรรยาตั้ง 10 คนไม่เคยทะเลาะตบตีกันเลย หรืออาจจะเป็นเพราะเป็นบุรุษที่แข็งแกร่งมียศฐามีความคิดความอ่านที่เป็นกลางทำให้ไม่มีเรื่องเช่นนี้บุตรชายบุตรสาวแต่ละคนก็เป็นคนที่มีฝีมือเก่งกาจครอบครัวของเจ้าก็ดีไม่ไม่แพ้กัน"
"แม้ว่าท่านพ่อจะมีท่านแม่มากมายแต่ท่านพ่อไม่เคยทำเองที่จะรักใครข้างเดียวรักทุกคนเท่าเทียมกันซึ่งทำให้ท่านแม่กลางรักใคร่กลมเกลียวกันไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันพวกเราถูกเลี้ยงดูด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจึงไม่ทะเลาะกัน"
"ข้าถึงได้อิจฉาเจ้าอย่างไรล่ะไปเถิดไปชมดอกมู่ตานกัน"
ข้ากับฮูหยินของท่านอ๋องต่างพากันเดินเที่ยวชมดอกมู่ตานกันอย่างมีความสุข นางเป็นคนช่างพูดการพูดของนาง ช่างสละสลวยและทำให้จิตใจสงบยิ่งนัก หายากที่จะมีผู้ใดสามารถพูดคุยกับคนอื่นทำให้คนอื่นสบายใจมากมายถึงเพียงนี้
"พอตกบ่ายจะมีการล่องเรือกันเราไปล่องเรือกันเถอะ"
"ขอรับ"
ฮูหยินท่านอ๋อง เอ่ยปากชวนพร้อมกับรอยยิ้มโดยข้างหลังข้าก็มีบรรดาท่านอ๋องท่านหญิงมากมายและ รวมไปถึงเหล่าคุณหนูคุณชายที่ออกมาท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน แม้กระทั่งเฟิงหมิงหลิงกับเหว่ยหงอวี่ก็ยังมา เฮ้อ หนีไม่พ้นจริงๆ
"เดินช้ายิ่งนัก"
พลั๊ก!!!!!
"โอ๊ย!!"
"เกิดอะไรขึ้น"
ตัวข้าที่โดนชนจนล้ม พร้อมกับตัวของเหว่ยหงอวี่นางทำหน้าน่าสงสารทั้งที่ตัวข้านั้นถูกนางชนจนล้มหน้าขมัมเช่นนี้
"ท่านตั้งใจชนตัวข้าอย่างนั้นหรือ ข้าไปทำอะไรให้ท่านถึงทำร้ายข้าถึงเพียงนี้"
ช้าก่อนคุณหนูใหญ่เป็นตัวเจ้าที่เดินมาชนข้าเหตุใดต้องโทษว่าข้าเป็นคนจนเจ้าด้วยทุกคนก็เห็นเหตุการณ์
"แต่ข้าเห็นเจ้าชนคุณหนูใหญเหว่ยนะ"
"ใช่ๆข้าก็เห็นท่านต่างหากที่ตั้งใจชนคุณหนูใหญ่จนล้มขนาดนี้"
"ข้าเนี่ยนะเหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้น"
"เพราะท่านอิจฉาข้าที่อดีตสามีของท่านเลือกข้าไม่ใช่ท่านใช่มั้ย"
"ขี้อิจฉานี้เองน่ารังเกียจเสียจริง!"
"เดี๋ยวก่อนใส่ร้ายป้ายสีข้าเช่นนี้ไม่คิดว่ามันจะแรงไปหน่อยหรือเหตุใดตัวข้า ต้องทำตัวน่าไม่อายเช่นนี้ ข้าไม่สมควรที่ทำด้วยซ้ำเพราะยังไงเจ้าก็ไม่ใช่เหตุผลที่ข้าจะอิจฉาหรอกนะ"
"ท่านอิจฉาข้า ก็พูดมาตรงๆเถอะเจ้าค่ะ"
พูดแค่นั้นตัวของเหว่ยหงอวี่ ก็ร้องห่มร้องไห้ข้าเลยมองดูนางด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยามน่าสมเพช นางเป็นสตรีที่น่าสมเพชที่สุด เท่าที่ข้าเคยเจอมาไม่คิดเลยว่า จะมีสตรีที่ทำตัวเช่นนี้อยู่ไม่ละอายใจต่อบิดามารดาเลยแม้แต่น้อยหรือว่าจะเป็นทั้งตระกูลที่สั่งสอนมา
"ข้าก็อยู่ที่นี่ข้าเห็นเจ้า ชนคุณชายหยางล้มและทำตัวว่าตนเองโดนชน ไม่น่าละอายไปหน่อยหรือ"
"เจ้าอีกแล้ว เจ้าเกลียดข้ามากใช่ไหมถึงได้รวมหัวกันทำเช่นนี้"
"เลิกร้องไห้เสียทีข้าเป็นสตรียังไม่ต้องให้มากๆเช่นเจ้าเลย ข้าที่พูดมาเป็นความจริงทั้งหมด และพวกเราทั้งสองคนที่ใส่ร้ายเมื่อกี้เจ้าทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มของคุณหนูใหญ่ เพราะตั้งแต่เข้างานมาข้าก็เห็นพวกเจ้าทั้ง 3 คนยืนพูดคุยกัน จะมาเป็นพยานว่าคุณชายหยาง ชนคุณหนูใหญ่จะเป็นไปได้อย่างไร พวกเจ้ามันน่าสมเพชยิ่งนัก"
"สู้เป็นใครกันที่กล้ามาด่าข้าเช่นนี้!!"
"แล้วเจ้าเป็นผู้ใดกันที่กล้ามาว่าข้าเช่นนี้"
"ฮูหยินพอเถอะขอรับไม่ต้องไปสนใจคนเช่นนี้หรอกไปกันเถอะขอรับ"
"เจ้าจะไปไหน ว้ายยยย!!!!"
"อ๊ะ!!!!!"
ข้าลื้นล้มเซถลาไปตามแรงพลักของเหว่ยหงอวี่จนร่างกายข้าตกลงไปในน้ำพร้อมกับนาง ทำให้ผู้คนแถวนั้นต่างตื่นกังวลไปในทันที และที่แย่ที่สุดก็คือข้าว่ายน้ำไม่เป็น
"ช่วยด้วย!!!"
"ช่วยข้าด้วย!!!!"
ใครก็ได้ช่วยที
.......