4.นางมารเอวเคล็ด
“จะ...เจ้าช่างน่ารังเกียจและไร้ยางอาย สตรีชั้นสูงเรือนใดกันถึงได้ดูดหน้าอกบุรุษจนเป็นแผล และยังกัดที่คอ หัวไหล่ ข่วนหน้าข้าจนลายพร้อย อ้อ และอาการปวดหนึบ ๆ ที่หลังใบหูและแก้ม คงไม่ใช้เป็นเพราะเจ้าตบตีข้าหรอกนะ”
ดวงตากลมมองอีกฝ่าย ใบหน้างามล้ำถูกปั้นให้ตึง อันที่จริงนางอยากตัดผมหยักศกที่เป็นลอนสลวยของเขาทิ้งด้วยซ้ำ!
แน่นอน เนี่ยหยวนซูต้องเล่นใหญ่เข้าไว้ มิเช่นนั้นแผนนางคงแตกเป็นแน่ การที่จะทำให้ลาโง่ที่เผด็จการและไร้หัวใจจดจำนางได้ก็คือ เขากับนางต้องเป็นศัตรูกัน คือคู่เวรแสนบัดซบ เป็นผีเน่ากับโลงผุ ที่ชาตินี้จะมีแต่การร่วมทุกข์ หาความสุขไม่พบ!
“ข้าหรือทำให้ท่านเจ็บ? โอ้ ท่านแม่ทัพโปรดดูเรือนร่างนี้ให้ดี มีส่วนใดบ้างที่ยังหลงเหลือความบริสุทธิ์ไว้ให้ข้าได้ภูมิใจ!” เนี่ยหยวนซูเอ่ยจบน้ำตานางก็เหมือนสั่งได้ มันไหลคลอหน่วย ส่วนเสื้อตัวบางที่คลุมเรือนร่างอย่างหมิ่นเหม่พลันเลื่อนลงไปกองบนพื้น เผยให้เห็นลำคอระหง หัวไหล่กลมมน และหน้าอกกลมกลึงสวยงาม รวมถึงส่วนเว้าส่วนโค้งของสตรี ทว่าเบื้องล่างนางยังสวมผ้าสามเหลี่ยมเอาไว้ กระนั้นก็ทำให้คิ้วหนาของชายหนุ่มขมวดกันมุ่น เขาไม่ได้เกิดความหลงใหล หากกำลังตกตะลึง
จิ่งหลัวคุนหน้าชาและหัวใจหดเกร็ง ผิวขาวของเนี่ยหยวนซูปรากฏรอยจ้ำม่วงคล้ำอมเขียวหลายแห่ง บางจุดเป็นห้อเลือด
“เจ้าถูกตะขาบหรือสัตว์ชนิดใดทำร้ายเยี่ยงนั้นหรือ!”
ได้ยินคำพูดนั้นเข้า เนี่ยหยวนซูก็ตาเหลือกค้าง แม้เขาจะแสดงความห่วงใยผ่านสายตาอยู่บ้าง แต่ลาโง่ก็ยังเป็นลาโง่วันยังค่ำ!
“โถ ท่านทำสิ่งใดต่อข้าไว้กลับลืมเลือนแล้วหรือ คงไม่ใช่ว่าจะปัดความรับผิดชอบหรอกนะ!”
“เป็นข้าที่กระทำเรื่องน่าละอายเช่นนั้นกับเจ้า!?”
หญิงสาวไม่ทันตอบแต่ก้าวกลับไปที่เตียงช้า ๆ ท่าทางที่เดินและสภาพที่ดูอ่อนแรงทำให้จิ่งหลัวคุณอดห่วงไม่ได้ แต่เขาทำได้เพียงแค่ยืนมอง เพื่อประเมินสถานการณ์ กระนั้นก็ปวดใจยิ่ง และตั้งแต่หัวค่ำเขาเมาหนักเหลือเกินกับสหายหลายคน ทั้งจิ่งป๋อมาดื่มและแสดงงิ้วร่ายรำให้ชมอย่างสนุกสนาน เขาเลยเพลินใจไปหน่อย โดยหารู้ไม่ว่า ยามตนเมาหนักปีศาจร้ายมักจะเข้าสิง
“ฮึ เรือนหลังนี้อยู่ในจวนจิ่ง และข้าคือเจ้าสาวท่าน ที่นี่มีทหารคุ้มกันแน่นหนา แม้แต่แมลงสักตัวก็บินเข้ามากัดข้าไม่ได้ แล้วหากไม่ใช่ท่าน ผู้ใดกันถึงจะกล้าทำให้ผ้าผืนนี้เปื้อนเลือด!”
เนี่ยหยวนซูกล่าวจบ จึงโยนผ้าไหมสีขาวใส่หน้าคนตัวโต ยามนั้นเขายืนนิ่งค้าง ศีรษะเต้นตุบ ๆ ด้วยพยายามคิดถึงภาพความระยำที่เขาได้ทำต่อนาง ทว่าเขากลับจดจำไม่ได้!
“เอาละ ข้าจะรับผิดชอบสิ่งที่เรากระทำร่วมกัน” เขาเอ่ยเสียงขรึม
แต่เนี่ยหยวนซูต้องหาทางปิดฉากนี้ให้เร็วที่สุด นางเลยกวาดของที่อยู่บนโต๊ะเตี้ย ๆ ทิ้งลงไปทั้งหมด แล้วแสร้งสะอื้นเบา ๆ พอให้ดูเป็นสตรีที่เจ็บช้ำปวดใจ หลังจากถูกย่ำยีโดยชายที่ลั่นวาจาไว้ว่า เขากับนางแต่งงานกันก็เพื่อผลประโยชน์ของกองทัพและบ้านเมือง หาได้มีความผูกพันอันใดต่อกัน!
“ออกไป...ขะ ข้าไม่อยากเห็นหน้าท่านอีก!”
“เจ้าควรทายาและบำรุงร่างกายสักหน่อย อีกทั้งท่าเดินของเจ้าเมื่อครู่ ดูเหมือน...”
จิ่งหลัวคุณไม่อยากเอ่ยในสิ่งที่อาจทำให้หญิงสาวต้องละอาย แต่แสดงความห่วงใยชัดแจ้ง เขาอาจแข็งกระด้างบ้าง ทั้งดูเหมือนไม่ได้มีใจให้เนี่ยหยวนซูอย่างที่ควรจะเป็นเฉกเช่นสามีภรรยา หากเมื่อเป็นบุรุษจึงต้องยื่นไมตรีให้แก่สตรีที่ตนร่วมเตียงด้วย
“ฮึ ข้าจะเจ็บปวดทั้งกายและใจ มันก็เป็นกรรมที่ก่อไว้ เมื่อเห็นข้าต้องทรมานอย่างนี้คงสมใจท่านแล้ว และผ้าผืนนั้นท่านต้องการมันมากไม่ใช่หรือ เอาไปเลย เอาไปประกาศให้ทั้งใต้หล้ารู้ว่าสตรีโง่เขลาคนนี้ตกเป็นของท่านแล้ว จิ่งหลัวคุณ!”
ชายหนุ่มไม่ได้โต้เถียงอีก เขาเพียงเปิดประตูออกไป ทิ้งให้เนี่ยหยวนซูระบายโทสะอยู่คนเดียวราวกับสตรีเสียสติ
ฝ่ายฝานเหอเห็นคุณหนูเงียบไปนานจึงถาม
“แล้วยังไงอีกเจ้าคะ แม่ทัพจิ่งได้ผ้าขาวไปแล้ว นี่หมายความว่า ท่านทั้งสอง...ได้สานสัมพันธ์เรื่องอย่างว่าด้วยกัน เยี่ยงนี้ก็เป็นไปตามสมรสพระราชทาน”
เนี่ยหยวนซูถอนหายใจออกมา และยังไม่วายสัมผัสที่ลำคอตน นางเจ็บอยู่หรอก และเริ่มตัวร้อนสักหน่อย เพราะเล่นละครหนักหน่วงเกินไปด้วยการล่อให้คนละเมอ ทั้งดูด ทั้งลูบคลำเรือนร่างเมื่อคืนเป็นเรื่องรุนแรงและป่าเถื่อนสักหน่อย ซึ่งการเติมยากระตุ้นราคะให้เขา และน้ำผึ้งชั้นเยี่ยมที่มีส่วนผสมของสุราลูกท้อที่ชโลมบนเรือนกาย ทำให้จิ่งหลัวคุนคลั่งไคล้นาง ทั้งจูบ ดูดดุนหลายจุด ซึ่งส่งให้นางดูเหมือนสตรีที่รับศึกหนักหน่วงในคืนเข้าหอ ส่วนเลือดที่อยู่บนผ้าผืนดังกล่าว นางไม่ได้เสียสติพอที่จะกรีดเลือดเฉือนเนื้อตน แต่ทั้งหมดคือเลือดของจิ่งหลัวคุน นางกัดปากเขา และยอดหน้าอกอย่างมันเขี้ยวจนเกิดแผล และได้เลือดชั่ว ๆ ออกมาสร้างผลงานชั้นเยี่ยมบนผืนผ้าไหมสีขาว!
เนี่ยหยวนซูโบกมือไปมาและเอ่ยว่า
“อย่าถามให้มากความเลย ตอนนี้ข้าเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว อยากได้น้ำอุ่นมาแช่เท้า และลูกประคบกับเบาะนุ่ม ๆ มารองนั่ง!”
ฝานเหอยิ่งได้ยินเช่นนั้นจึงร้อนใจ ทั้งสงสารคุณหนูของตน
“โอ้ มัจจุราชจิ่ง รุนแรงกับคุณหนูของบ่าวเหลือเกิน”
“แม่นมฝาน...อย่าตื่นตระหนกเกินเหตุ ข้าแค่ช้ำนิด ๆ หน่อย ๆ และเอ่อ...เดินเหินไม่สะดวก เช่นนี้การไปยกน้ำชาให้ไท่ฮูหยินเช้านี้คงต้องพักไว้ก่อน”
“เอ๋ แล้วจะบอกแม่นมไท่ฮูหยินเช่นไรเจ้าคะ อีกสักหน่อยยายแก่พวกนั้นคงเสนอหน้ามาถึงเรือนไป๋เหลียนฮวา”
เนี่ยหยวนซูชี้ที่เอวคอดกิ่วของตน
“เอว...ยังไงหรือเจ้าคะ” เสี่ยวฉุนถาม และคนที่ต่อให้เรื่องสมบูรณ์คือฝานเหอ
“คุณหนูอย่าบอกนะว่า ศึกเมื่อคืนนั้นทำให้ท่านเอวเคล็ด!”
สิ่งที่แม่นมฝานได้ยินจากปากของเนี่ยหยวนซูทำให้สตรีซึ่งไม่เคยออกเรือนหน้าแดงและมือไม้พันกันยุ่ง ส่วนเสี่ยวฉุนที่อยู่ในวัยสิบสามปี นางทำตาโตอยากรู้อยากเห็น ที่เป็นเช่นนั้นเพราะนางคอยอยู่รับใช้ไม่ห่างจากห้องหอ และได้ยินเสียงชวนให้เสียวไส้เหลือเกิน
ในขณะที่แม่นมและสาวใช้ต่างตกอกตกใจอยู่นั้น เสียงแมวได้ดังขึ้น
“เอ๊ะ...นั่นแมวใช่ไหม” เสี่ยวฉุนถาม น้ำเสียงนางไม่ชอบใจอย่างยิ่ง
อึดใจต่อมาจึงมีเสียงตอบกลับ
“เหมียว ๆ หง่าว เป็นแมว!”
คราวนี้สาวใช้ไม่รอช้า นางพุ่งตัวอย่างเร็วออกจากห้องนอนผู้เป็นเจ้านาย หวังจะจับแมวบ้านตัวนั้นให้ได้ แล้วถลกหนังให้สาแก่ใจ เพื่อให้หายแค้นกับการที่มันทำให้เสี่ยวฉุนเสียรู้เมื่อคืน!