บท
ตั้งค่า

บทที่ 17 เจอนางร้ายเจ้าเล่ห์อีกแล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้น ซูเสี่ยวหว่านถือสมุนไพรขณะจูงเสี่ยวหานออกไป ทันทีที่นางออกประตูไปก็เห็นจางต้าซานยืนอยู่ที่ประตู

“พี่ต้าซาน มีอะไรหรือ?”

“ไม่มีอะไรหรอก หลายวันก่อนเจ้าบอกว่าจะไปตลาดวันนี้ไม่ใช่หรือ? ฉางเกิงจะเข้าเมืองไปขายของป่าพอดี ข้าก็ต้องเข้าเมืองไปช่วยคนเขาทำตู้ด้วย พวกเราไปด้วยกันได้”

ตอนแรกซูเสี่ยวหว่านยังกังวลว่าจะเข้าเมืองได้อย่างไร ในหมู่บ้านใกล้เคียงมีเกวียนลาที่ใช้ไปตลาดโดยเฉพาะ แต่เงินที่จางต้าซานให้ครั้งล่าสุดนั้นนางเอาไปซื้อยาหมดเกลี้ยงแล้ว ตัวนางไม่มีเงินจ่ายค่าโดยสารเลย

จางต้าซานคนนี้เป็นดาวนำโชคของนางจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณนะพี่ต้าซาน”

จางต้าซานเกาต้นคอแล้วพูดว่า "ขอบคุณอะไรกัน อย่างไรก็ไปทางเดียวกัน"

บอกว่าไปทางเดียวกัน แต่เมื่อซูเสี่ยวหว่านไปเห็นถึงที่ นางก็รู้ว่ามันไม่เป็นเช่นนั้นเลย

หวังฉางเกิงเป็นนักล่าในหมู่บ้าน ทุกครั้งที่ไปในเมืองจะขนของป่าไปเต็มคัน แต่วันนี้ในเกวียนมีเพียงหนังสัตว์ไม่กี่ผืนเท่านั้น แค่มองก็รู้ว่าเอาไว้ตบตาเฉยๆ

ซูเสี่ยวหว่านเข้าใจแล้ว หวังฉางเกิงน่าจะถูกจางต้าซานบังคับ

หวังฉางเกิงและจางต้าซานเป็นสหายที่ดีต่อกันมาตั้งแต่เด็ก สนิทสนมกันมากกว่าพี่น้องจริงๆ

ในหมู่บ้านฉางอัน มีเพียงที่บ้านของหวังฉางเกิงเท่านั้นที่มีลา เพียงแต่ว่าหวังฉางเกิงเป็นนักล่า ไม่สนใจทำเรื่องอย่างเช่นว่าพาคนเข้าเมืองไปตลาด ปกติจะมีเกวียนลาจากหมู่บ้านใกล้เคียงที่พาคนเข้าเมือง

เมื่อเห็นเกวียนลาที่ว่างเปล่าจางต้าซานรู้สึกประดักประเดิด จึงเข้าไปสะกิดหวังฉางเกิง “เกิดอะไรขึ้น?”

หวังฉางเกิงเหลือบมองซูเสี่ยวหว่าน แล้วพูดอย่างไม่ตั้งใจที่จะลดเสียงให้เบาลง "อะไรที่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เป็นแบบนี้แหละ"

จางต้าซานขมวดคิ้ว ใช้ข้อศอกสะกิดหวังฉางเกิงอย่างแรง แล้วหันมายิ้มเจื่อนๆ กับซูเสี่ยวหว่าน "นี่ก็สายมากแล้ว ขึ้นรถกันก่อนเถอะ"

หวังฉางเกิงไม่ค่อยชอบเสี่ยวหว่านมากนัก อย่างไรก็ตาม ที่ไม่ชอบนี่ไม่ใช่เพราะซูเสี่ยวหว่าน แต่เป็นเพราะจางต้าซาน

หวังฉางเกิงกับจางต้าซานอายุเท่ากัน ลูกชายของเขาอายุสองขวบแล้ว แต่จางต้าซานเล่า? ยังเป็นโสดอยู่คนเดียว

ในฐานะสหายที่ดี หวังฉางเกิงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจางต้าซานกำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตาม เป็นเวลาสองปีแล้วนับตั้งแต่ซูเสี่ยวหว่านแต่งงาน จางต้าซานก็ยังคงผลักไสคนที่มาคุยเรื่องแต่งงานออกไป

หวังฉางเกิงพูดกับจางต้าซานหลายครั้ง แต่สหายรักของเขาดันไม่ยอมฟังบ้างเลย เขาอัดอั้นตันใจระบายออกไปไม่ได้ ทำได้แค่ตีหน้าบึ้งใส่ซูเสี่ยวหว่าน

ทว่า ซูเสี่ยวหว่านกลับค่อนข้างชอบนิสัยนี้ของหวังฉางเกิง หากไม่มีความสุขก็จะแสดงออกว่าไม่มีความสุข ไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก คนประเภทนี้จะรับมือได้ง่ายกว่า อย่างน้อยทุกอย่างก็แสดงชัดบนใบหน้า ไม่วางแผนร้ายกับเจ้าลับหลัง

แม้ว่าหวังฉางเกิงจะดูไม่พอใจ แต่การกระทำกลับเด็ดขาด ระหว่างทางเมื่อเห็นคนอื่นเข้าเมืองเขาก็ไม่ได้พาไปด้วย สามผู้ใหญ่กับเด็กอีกหนึ่งคนได้ตรงไปที่อำเภอเป่ยซีเลย

จุดประสงค์ของซูเสี่ยวหว่านชัดเจนมาก หลังจากเข้าเมือง นางนัดหมายเวลาว่าจะกลับกันในช่วงบ่าย จากนั้นซูเสี่ยวหว่านก็ตรงไปทางทิศตะวันออกของเมือง

ในอำเภอเป่ยซีมีร้านขายยาสองแห่ง อยู่ทางตะวันออกและตะวันตกของเมือง หอไป่เฉ่าที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองมีขนาดใหญ่กว่าหอจี้ซื่อทางตะวันตกของเมือง ซูเสี่ยวหว่านกำลังจะลองเสี่ยงโชคในที่ที่ใหญ่กว่าก่อน

ทันทีที่เดินไปที่ประตูร้านขายยา ยังไม่ทันได้เข้าไปในร้าน ก็ได้ยินเสียงอันเจอความประหลาดใจเล็กน้อยดังมาจากข้างหลัง "เสี่ยวหว่าน นั่นเจ้าหรือ?"

ทันทีที่ซูเสี่ยวหว่านหันกลับมา นางก็เห็นหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งเดินมาหานางด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เป็นเจ้าจริงๆ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”

แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่ป้ายหอไป่เฉ่า “เจ้ามาซื้อยาหรือ? ยังป่วยไม่หายอีกหรือ? ไม่สบายก็อย่าเที่ยวไปไหนมาไหนมั่วซั่วสิ ถ้าเกิดไปทำร้ายใครเข้าจะทำอย่างไร”

ที่ประตูร้านขายยามีคนคับคั่ง เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองมาทางนี้

ผู้มาเยือนไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเหยาเจินเพื่อนรักของนาง

ซูเสี่ยวหว่านกลอกตาในใจ นางไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับผู้หญิงคนนี้อีก "ข้ายังมีธุระต้องทำ ถ้ามีอะไรค่อยคุยกันวันหลัง"

ซูเสี่ยวหว่านกำลังจะจากไป แต่เหยาเจินยังดึงดันจับมือนางไม่ยอมปล่อย "เสี่ยวหว่าน เราไม่ได้เจอกันมาระยะหนึ่งแล้ว ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้าเยอะแยะ เจ้าหายจากโรคบ้าแล้วจริงๆ หรือ?”

เหยาเจินไม่ได้ตั้งใจที่จะลดเสียงให้เบาลง แค่อยากจะประกาศให้คนรอบข้างรู้

ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่าซูเสี่ยวหว่านเป็นบ้า คนรอบตัวก็แยกตัวออกโดยไม่รู้ตัว ต่างมองมาด้านนี้ด้วยความสงสัยมากขึ้น

ดวงตาของซูเสี่ยวหว่านเปลี่ยนเป็นเย็นชา กำลังสะบัดมือของเหยาเจินทิ้ง แต่มือเล็กๆ คู่หนึ่งดึงมือของเหยาเจินออกไปก่อน

“เจ้าพูดเหลวไหล ท่านแม่ข้าไม่ได้ป่วย ท่านแม่ข้าสบายดี”

ซูเสี่ยวหว่านอุ้มเสี่ยวหานไว้ในอ้อมแขน แล้วมองเหยาเจินอย่างเย็นชา

เสียงของเด็กโดดเด่นขึ้นท่ามกลางฝูงชน

เหยาเจินสวมชุดหรูหราฟู่ฟ่า แต่ซูเสี่ยวหว่านสวมเสื้อผ้าหยาบ แค่เห็นก็รู้เลยว่าทั้งสองคนมีฐานะต่างกันอย่างชัดเจน เมื่อทั้งสองคนโต้เถียงกัน ทำให้เป็นการยากที่จะไม่ถูกมองด้วยสายตาที่ไม่ชอบ หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้คนมามุงล้อมมากมาย

ในเวลานี้ ชายรูปงามสวมชุดคลุมตัวยาวเบียดฝูงชนเข้ามาโดยที่ยังถือปิงถังหูลู่อยู่ในมือ เมื่อเห็นซูเสี่ยวหว่านก็แสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด

เซี่ยงหยุนชวน

ซูเสี่ยวหว่านหรี่ตาลง

ปิงถังหูลู่นี้เป็นของโปรดของเหยาเจิน เมื่อก่อนบ้านยากจน ไม่ค่อยมีโอกาสได้กินนัก

เซี่ยงหยุนชวนเป็นคนมีการศึกษา ในสังคมศักดินานี้ ในบรรดาผู้ชายที่ได้รับการศึกษามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่มีทัศนคติดั้งเดิมที่มองว่าผู้ชายมีอำนาจเหนือกว่าผู้หญิง

เซี่ยงหยุนชวนสามารถซื้อสิ่งนี้มาให้เหยาเจินได้ ก็แสดงให้เห็นว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

ซูเสี่ยวหว่านถอนหายใจ เมื่อครู่นางกำลังจะแตกหัก แต่เมื่อเห็นเซี่ยงหยุนชวน ความโกรธของนางก็บรรเทาลงเล็กน้อย

ไม่ใช่เพราะว่าให้ค่าเซี่ยงหยุนชวน แต่เพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำลายผู้อื่นเพียงเพราะการทะเลาะกันเล็กน้อย ถึงอย่างไรทั้งสองคนยังต้องอยู่ด้วยกัน

ในสังคมศักดินา หากผู้หญิงสูญเสียความโปรดปรานจากสามี ทั้งชีวิตนั้นของนางก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นความทุกข์ยากเท่านั้น

น่าเสียดาย นางคิดเช่นนั้น แต่เหยาเจินกลับไม่คิดเช่นนั้น

“เจินเจิน เกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยงหยุนชวนเบียดตัวเข้ามาก็มองเหยาเจินอย่างร้อนรน ราวกับกลัวว่านางจะถูกรังแก

เหยาเจินแสร้งทำตัวน่าสงสาร "ท่านพี่ ข้ากับเสี่ยวหว่านไม่ได้เจอกันมานาน เดิมทีข้าอยากจะรำลึกความหลังกับนาง แต่นางไม่ค่อยเต็มใจที่จะคุยกับข้า"

เซี่ยงหยุนชวนปลอบนางอย่างอ่อนโยนทันที

"นางไม่สบายไม่ใช่หรือ? คงจำเจ้าไม่ได้กระมัง เจ้าอย่าใส่ใจนักเลย"

“แต่ว่า เมื่อครู่นางก็เพิ่งคุยกับข้า เห็นได้ชัดว่านางจำข้าได้”

ซูเสี่ยวหว่านขมวดคิ้ว "ข้าบอกแล้ว ข้ารีบ ไม่มีเวลาคุยกับเจ้าจริงๆ"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยงหยุนชวนก็ไม่พอใจ ขมวดคิ้วมองไปยังซูเสี่ยวหว่านอย่างเย็นชา "เจินเจินอยากระลึกความหลังกับเจ้า ประการแรกเพราะมิตรภาพในวัยเด็ก และประการที่สองเพราะนางใส่ใจอาการป่วยของเจ้า ทำไมคนอย่างเจ้าถึงไม่เข้าอกเข้าใจคนอื่นเลย"

ถึงอย่างไรเซี่ยงหยุนชวนเป็นจวี่เหรินที่อายุน้อยที่สุดของอำเภอเป่ยซีนับตั้งแต่มีการก่อตั้งบ้านเมืองขึ้นมา หลายคนในเมืองรู้จักเขา ทันทีที่เขาเอ่ยปาก การสนทนาระหว่างคนรอบข้างก็ดังขึ้นทันที

“แม่นางน้อยคนนี้เป็นใคร? ทำไมถึงทะเลาะกับฮูหยินของเซี่ยงจวี่เหริน? เซี่ยงจวี่เหรินมีอนาคตสดใส แม่นางน้อยคนนี้กล้าโต้เถียงกับภรรยาของเขา ช่างกล้าบ้าบิ่นจริงๆ”

“นั่นสิ แต่จากสิ่งที่พวกเขาเพิ่งพูดไป ดูเหมือนว่าแม่นางน้อยคนนี้จะป่วยเป็นบ้านะ”

“เอ้า? โรคบ้า! บ้าก็ควรอยู่บ้านสิ ออกมาทำไม ถ้าบ้าแล้วเกิดไปทำร้ายใครเข้าจะทำอย่างไร”

“ข้าสังเกตดู แม่นางน้อยคนนี้ดูหน้าคุ้นๆ เหมือนจะมีสัญญาแต่งงานกับจวี่เหรินตอนที่เขาป่วยหนักคนนั้น”

“เอะ พอเจ้าพูดแบบนี้ ข้าก็จำได้แล้ว ตอนนั้นแม่นางน้อยคนนี้เป็นโรคบ้า แล้วตามไประรานเซี่ยงจวี่เหริน ข้าก็เคยเห็น”

“เพราะฉะนั้น คนบ้าไม่ควรออกนอกบ้าน เกรงว่าจะตามมาระรานเซี่ยงจวี่เหรินอีกแล้ว ถูกภรรยาของเซี่ยงจวี่เหรินเจอเข้าเสียก่อน ถึงเกิดการโต้เถียงกัน”

“มีแนวโน้มว่าจะเป็นแบบนั้น ไม่เช่นนั้นจะเป็นอะไรได้อีก?”

คนรอบข้างต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ แต่วิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ดีทั้งหมดมุ่งเป้าไปที่ซูเสี่ยวหว่าน

ใครใช้ให้นางเป็นเพียงผู้หญิงชาวบ้านธรรมดาๆ ในขณะที่เซี่ยงหยุนชวนและเหยาเจินมีสถานะโดดเด่นในเมืองเล็กๆ แห่งนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel