CHAPTER4
หลายวันต่อมา...หลังจากที่มารีออกจากโรงพยาบาล ก็ต้องเตรียมตัวไปฝึกงานที่บริษัทของพ่อต่อ
“ลูกต้องตั้งใจฝึกงานให้มาก อย่าคิดว่ามีเส้นสายเป็นลูกสาวประธานบริษัทแล้วจะแอบอู้ได้”
คุณมานิษพูดอย่างอารมณ์ดีขณะนั่งทานข้าวในตอนเช้า
“ค่ะ” มารีรับคำเสียงเบา ความจริงเธอรู้ว่าพ่อแกล้งดุเธอไปอย่างนั้นเอง เมื่อชาติที่แล้วเธอไปฝึกงานบริษัทของพ่อโดยไม่สนใจเรียนรู้งานเลยแม้แต่น้อย แค่ไปแล้วออดอ้อนคนอื่นนิดหน่อยทุกคนก็พร้อมให้อภัยความผิดพลาดและเอ็นดูเธอในฐานะลูกสาวของท่านประธาน ดังนั้นเมื่อจบการฝึกงานลงเธอจึงไม่ได้ความรู้อะไรเพิ่มขึ้นเลย แต่เธอไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะมีพ่อคอยปกป้อง ตอนนั้นเธอยังเด็กจนลืมนึกถึงว่าวันหนึ่งพ่อของเธอก็ต้องแก่ตัวลงและจากไป มีแต่เธอต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้นถึงจะสามารถใช้ชีวิตบนโลกอันโหดร้ายใบนี้ได้
“ลูกต้องเอาพี่มีนาเป็นตัวอย่าง” ประโยคหลังคุณมานิษหันไปมองลูกเลี้ยง ชื่นชมมีนาอย่างเปิดเผย
“คุณล่ะก็อย่าบ่นลูกตอนกินข้าวสิคะ หนูมารียังเด็กแกเพิ่งจะหายป่วยด้วย” คุณดาราปรามสามี มือก็ตักอาหารใส่จานให้อย่างใส่ใจ
“พ่อคิดว่าจะให้ปริญดูแลลูกตอนฝึกงานนะ”
“คะ?” เสียงทุ้มของพ่อที่พูดถึงผู้ชายคนนั้นเรียกให้เธอได้สติ ทำให้มารีนึกถึงเหตุการณ์วันที่เขามารับเธอออกจากโรงพยาบาลขึ้นมา วันนั้นเขาหน้าบึ้งตลอดทาง ไม่ว่ามีนาจะชวนคุยแค่ไหนเขาก็แค่ถามคำตอบคำ ส่วนเธอมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่สนใจคนทั้งคู่เลยสักนิด ตั้งแต่โรงพยาบาลจนกระทั่งมาถึงบ้านเธอและเขาไม่ได้คุยอะไรกันเลย เธอไม่แม้แต่จะพูดขอบคุณเขาด้วยซ้ำ
“พ่อจะบอกปริญว่าฝากดูแลหนูด้วย” เสียงคุณ มานิษเรียกคนใจลอยให้หลุดจากภวังค์อีกครั้ง
“ไม่นะคะ!” เสียงปฏิเสธหนักแน่นของเธอทำให้ทุกคนหยุดกินข้าว และหันมามองด้วยความแปลกใจ เพราะมารีและปริญสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงเมื่อเธอเอ่ยปฏิเสธเขา
“เขามีงานเยอะแล้ว มารีไม่อยากรบกวน” มารีพูดถึงคนที่พ่อจะฝากให้ดูแลเธอโดยหลีกเลี่ยงแม้แต่การพูดชื่อของเขา
คุณมานิษมองลูกสาวในไส้ตัวเองอย่างพิจารณา เขานึกว่ามารีจะดีใจด้วยซ้ำที่ได้ฝึกงานกับปริญ เพราะปริญเปรียบเหมือนทุกอย่างในชีวิตของลูกสาวเขา เป็นพี่ชาย เป็นเพื่อน เพราะเด็กหนุ่มคนนั้นไม่เพียงแต่หน้าตาดี ยังเก่งทุกอย่างทั้งเรื่องเรียน กีฬา นั่นทำให้ลูกสาวเขาชื่นชมปริญมาก
“ทำไมไม่อยากฝึกกับพี่ปริญล่ะลูก” ปริญเป็นคนเก่งถ้ามารีได้ฝึกงานกับชายหนุ่ม คนเป็นพ่ออย่างเขาก็จะเบาใจลงได้มาก
“หนูเกรงใจเขา เขาเป็นถึงหัวหน้าทีมคงงานยุ่งมาก”
ถึงปริญจะเป็นแค่หัวหน้าทีมเล็ก ๆ ก็เถอะ มารีจำได้ว่าชาติที่แล้วเธอเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หน้าที่การงานของเขาเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วด้วย เพราะเธอเอาแต่พูดชื่นชมเขาไม่หยุด ในสายตาเธอตอนนั้นเขาทำอะไรก็ดีก็เก่งไปหมด แถมเขายังสนิทกับลูกสาวท่านประธานอย่างเธอ ทำให้ใคร ๆ ต่างก็เกรงใจเขากันทั้งนั้น ตอนนั้นมารีมีความสุขมาก และความใกล้ชิดนั้นทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาจากพี่ชายในวัยเด็กกลายเป็นคนรัก จนกระทั่งแต่งงานกันในที่สุด ซึ่งชาตินี้เธอจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น
มารีก้มหน้าหลบตาคนเป็นพ่อเมื่อท่านมองมา แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่อยากฝึกงานกับผู้ชายคนนั้นจริง ๆ
“แล้วมารีอยากฝึกกับใคร?” คราวนี้เป็นมีนาที่ถามความต้องการของน้องสาวต่างสายเลือดบ้าง
แม้คนอื่นจะแปลกใจที่มารีรีบร้อนปฏิเสธ แต่เธอไม่แปลกใจ น้องได้รับการตามใจมาตั้งแต่เด็กทั้งจากพ่อเลี้ยงของเธอ และแม้แต่แม่แท้ ๆ ของเธอเองก็ยังโอ๋เด็กคนนี้มากกว่าปกติ ดังนั้นการที่มารีจะทำตัวเอาแต่ใจ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิด เพราะเติบโตมาด้วยกันทำให้เธอชินกับความเอาแต่ใจของน้องสาวเสียแล้ว
มารีช้อนสายตาขึ้นมองพี่สาวต่างสายเลือด ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล เธอพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือเจอมีนาตลอด เพราะกลัวจะควบคุมอารมณ์โกรธที่ปะทุขึ้นมาไม่ได้ เธอโกรธผู้หญิงคนนี้ไม่น้อยกว่าอดีตสามีของเธอเลย
ตอนนี้มารีไม่รู้ว่าใครที่เธอพอจะไว้ใจได้บ้าง แต่ที่รู้ๆ คือต้องไม่ใช่ชายหญิงที่ร่วมมือกันหักหลังเธอแน่
แวบหนึ่งที่เธอคิดขึ้นได้ ว่าเมื่อชาติที่แล้วมีผู้ชายคนหนึ่งที่ดีกับเธอมาก เขาเป็นเลขาของสามีเธอ 'อาทิตย์' เป็นชายหนุ่มที่คอยช่วยเหลือเธอหลายต่อหลายครั้ง ทั้งยามที่เธองอนปริญด้วยเหตุผลที่ไม่เข้าใจกันเพราะความห่างของอายุ โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ ที่สามีของเธอทำงานหนักจากวิกฤติของบริษัทยิ่งทำให้เขามีเวลาให้เธอน้อยลง และทั้งคู่ก็ยิ่งห่างเหินกันมากขึ้น ก็มีเพียงอาทิตย์ที่คอยปลอบใจเธอ ทั้งยังคอยเป็นตัวเชื่อมทำให้เธอกับสามีเข้าใจกันอีกด้วย
“หนูขอเรียนกับพี่อาทิตย์ ได้ไหมคะคุณพ่อ”