CHAPTER 5
มารีในชุดนักศึกษามองตัวเองในกระจก นานมากแล้วที่เธอไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาจึงอดขัดเขินไม่ได้ เธอเรียนบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง และปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่เธอจะต้องไปฝึกงาน
เมื่อมาถึงบริษัทเธอก็สร้างความแปลกใจให้ทุกคนด้วยการไปแนะนำตัวกับอาทิตย์ แทนที่จะเป็นหัวหน้าทีมอย่างปริญ
“ชื่อนางสาวมารี แสนปิติ อายุ 20 ปี ปัจจุบันเรียนคณะบริหารธุรกิจปี 4ค่ะ” เสียงใสแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ อาทิตย์พลิกแฟ้มประวัติในมือ ตาก็เหลือบมองนักศึกษาสาวตรงหน้า สักพักก็เหลือบตาไปมองชายหนุ่มอีกคนด้วยความลำบากใจ ใคร ๆ ก็รู้ว่าท่านประธานไว้ใจคุณปริญที่สุด แล้วลูกสาวสุดรักสุดหวงของท่านประธานมายืนอยู่ตรงหน้าเขาได้อย่างไร
ในบริษัทนี้คนที่เคยเห็นลูกสาวแท้ ๆ ของท่านมีน้อยมาก เพราะก่อนหน้านี้มารีไม่เคยมาบริษัทและเธอก็ใช้นามสกุลของแม่ที่เสียไปแล้ว เพราะฝ่ายตาเป็นครอบครัวผู้ดีเก่าไม่มีทายาทสืบสกุล แต่อาทิตย์รู้ว่าคนนี้เป็นลูกสาวท่านประธาน เพราะครอบครัวของปริญกับครอบครัวของท่านประธานสนิทกัน นั่นทำให้เขาที่เป็นเพื่อนสนิทของปริญเคยไปบ้านของท่านประธาน และเคยเจอเธอบ้าง
ส่วนคนที่ถูกเธอเมินตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ได้แต่แอบมองคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกยากอธิบาย ไม่รู้ทำไมแต่เขากลับพบว่าตัวเองรู้สึกขัดใจ มารีคอยตามติดเขาตั้งแต่เด็ก แม้บางครั้งเขาจะรำคาญไปบ้าง เพราะความที่เธอเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้องที่ไหน เลยทำให้ไม่มีเพื่อนเล่น จนกระทั่งท่านประธานพ่อของมารีแต่งงานใหม่ เมื่อมีพี่สาวคนใหม่เธอก็สนิทกับมีนาอย่างรวดเร็วเพราะเป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกัน
ช่วงแรก ๆ ปริญก็รู้สึกเหงาบ้างที่ไม่มีเด็กน้อยมาตามต้อย ๆ แต่เมื่อเห็นเธอมีเพื่อนเล่น มีพี่สาวคอยดูแลเขาก็เบาใจ แต่สำหรับเหตุการณ์นี้แทนที่เขาจะเบาใจที่มีคนมารับภาระสอนงานมารีแทน เขากลับรู้สึกหงุดหงิด นั่นเพราะในบริษัทนี้ถ้าไม่นับพ่อของเธอและมีนาซึ่งยังอ่อนประสบการณ์ เพราะเพิ่งเริ่มทำงานจริง ๆ จัง ๆ ได้ไม่กี่ปี เขาก็ดูเป็นคนที่สนิทกับมารีที่สุด และควรจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการดูแลเธอระหว่างฝึกงาน เขาถึงขั้นคิดไว้ว่าวันไหนจะสอนอะไรเธอบ้างด้วยซ้ำ
แต่หลังมารีออกจากโรงพยาบาล ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป มีแต่เรื่องที่เขาคาดไม่ถึงเต็มไปหมด
“คุณปริญครับ คุณปริญครับ” อาทิตย์เรียกซ้ำเมื่อเห็นคนเป็นเจ้านายใช้มือเท้าคางนั่งเหม่อที่โต๊ะทำงาน
“ว่าไง?” พอได้ยินเสียงห้าวของอาทิตย์เรียกซ้ำ ๆ คนเหม่อจึงได้สติ
“คุณมารีแนะนำตัวเสร็จแล้วครับ”
“อย่าเรียกคุณเลยค่ะ เรียกมารีเฉย ๆ ก็พอ” มารีรีบโบกไม้โบกมือวุ่นวายให้อาทิตย์เมื่อเห็นเขาเรียกเธอด้วยถ้อยคำสุภาพ แต่ก็ยังตั้งใจเมินผู้ชายอีกคนเหมือนเดิม ไม่หันไปมองด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขามีสีหน้าแบบไหน
เธอคิดไว้แล้วว่าจะตั้งใจฝึกงานจริง ๆ และจะไม่ใช้อภิสิทธิ์ใด ๆ จากการเป็นลูกสาวท่านประธาน จึงขอร้องคุณพ่อไม่ให้บอกคนอื่นเรื่องที่เธอเป็นลูก และหวังว่าทุกคนจะปฏิบัติตัวต่อเธอเหมือนเด็กฝึกงานทั่วไป
วันแรกของการฝึกงานมารียังไม่ได้ทำอะไรมากนัก ถึงแม้จะบอกว่ามาฝึกงาน แต่อาทิตย์ไม่เคยดูแลเด็กฝึกงานมาก่อน ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาให้มารีทำ คืองานชงกาแฟ และถ่ายเอกสาร
แม้เธอจะรู้สึกผิดหวังเล็ก ๆ เพราะชาตินี้มารีตั้งใจจะเรียนรู้งานให้ดี ไม่อยากใช้ชีวิตเหลวไหลสนุกสนานให้คนอื่นมาเอาเปรียบได้เหมือนชาติที่แล้ว แต่มารีรู้ว่ามันเป็นไปได้ยาก ในสายตาคนอื่นเธอยังเด็กมาก และมันคงยากที่จะสอนงานเด็กฝึกงานธรรมดาคนหนึ่งทันที ดังนั้นเธอจึงทำตัวสงบเสงี่ยมว่าง่ายไม่อยากให้อาทิตย์ต้องอึดอัดใจ
มารียืนอยู่หน้าเครื่องถ่ายเอกสาร ตากลมโตพยายามมองหาคู่มือการใช้ว่าเครื่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่นี้ใช้งานอย่างไร มันมีปุ่มกดเยอะมาก เมื่อเธอวางกระดาษลงไปแล้วก็ยังไม่สามารถถ่ายเอกสารได้ เธอไม่อยากกดมั่ว ๆ ถ้าเครื่องพังเพราะฝีมือเธอก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่างมากก็แค่ไปบอกคุณพ่อให้ซื้อเครื่องใหม่ แต่ถ้าเธอทำพัง งานที่ได้รับมาก็คงจะไม่เสร็จง่าย ๆ
“ใช้เครื่องไม่เป็นเหรอครับ” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็พบใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ของอาทิตย์ มารีเห็นเขาถอนหายใจเหมือนอ่อนอกอ่อนใจนักหนา
อาทิตย์มีดวงตาเรียวเล็ก ใบหน้าคมของเขามักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอ เวลายิ้มแก้มเขาจะบุ๋มลงจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง มารีจำได้ว่าเขาในความทรงจำของเธอเป็นคนใจดี ยิ้มแย้ม และพูดเก่งมาก ดังนั้นพอเห็นเขาทำหน้าบึ้งตึงแบบนี้ เธอจึงไม่นึกเกรงกลัวเลยสักนิด
“มารีใช้ไม่เป็นจริง ๆ ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะสอนแค่ครั้งเดียว คุณจำขั้นตอนไว้ด้วยนะครับ”
เขาเอ่ยพร้อมดึงกระดาษจากมือเธอด้วยความสุภาพ ไม่ให้มือของเขาสัมผัสโดนนิ้วของเธอ ส่วนมารีก็ยอมปล่อยกระดาษในมือให้เขา แล้วถอยไปยืนข้างเครื่องถ่ายเอกสารด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อย พยายามไม่ให้ตัวเองเผลอยิ้มออกมา เพราะสุดท้ายเขาก็ยังคงเป็น ‘พี่อาทิตย์’ คนใจดีคนเดิมในความทรงจำของเธอ
และถึงแม้เขาจะทำเหมือนไม่อยากสอน ไม่อยากสนใจ สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนอย่างง่ายดาย สำหรับเธอแล้วผู้ชายแบบนี้น่าคบหา และรับมือได้ง่ายกว่าอดีตสามีอย่างปริญมาก
“จำขั้นตอนไว้นะครับ” เขาหันมาบอกเธออีกครั้ง
แต่ก่อนที่เขาจะได้เริ่มกลับโดนลูกสาวของเจ้านายเบรกไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวค่ะ แป๊บหนึ่งนะคะ”
พอเห็นเธอหยิบกล้องมือถือขึ้นมา คนขี้อายก็รีบยกเอกสารขึ้นบังหน้าตัวเองวุ่นวาย
“ห้ามถ่ายผมนะครับ นี่มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะ”
“โธ่! ไม่ถ่ายให้เห็นหน้าค่ะ เห็นแค่มือ ถ้ามารีลืมจะได้เอาวิดีโอมาเปิดดู ไม่ต้องรบกวนพี่อาทิตย์อีกไงคะ”
“ไม่เห็นแน่นะครับ” เขายังถามซ้ำอย่างไม่มั่นใจ
“ไม่เห็นค่า ไม่เชื่อเดี๋ยวถ่ายเสร็จจะให้เช็กดูก่อน”
เมื่อเธอยืนยันเสียงหนักแน่นว่าไม่เห็นแน่นอนนั่นแหละเขาจึงลดกระดาษที่บังหน้าตัวเองลง
“แต่ถึงแบบนั้นไม่เห็นต้องถ่ายเลยนี่ครับ แค่จำไว้ก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะ จำไม่ได้ มารีหัวไม่ดี ขี้ลืม” คนหัวไม่ดียอมรับกับเขาตรง ๆ โดยไม่นึกเขินอายเลยสักนิด
“ขี้ลืมขนาดนั้นเลยเหรอครับ” อาทิตย์มองคนตรงหน้าอย่างไม่มั่นใจ แม้เธอจะยังเด็ก แต่ท่านประธานพ่อของเธอเป็นผู้บริหารที่เก่งมาก ถึงอย่างไรเธอก็น่าจะได้ความฉลาดจากพ่อมาบ้าง ไม่น่าจะหัวไม่ดีอะไรขนาดนั้น
มารีพยักหน้า “จะเรียนจบหรือเปล่ายังไม่รู้เลยเนี่ย” ใบหน้าของเธอจริงจังไม่มีแววล้อเล่นเลยสักนิด
“คุณ...เอ้ย มารีก็ตั้งใจเรียนสิครับ” เขาพอจะรู้อยู่บ้างว่าผลการเรียนเธอไม่ดี เพราะท่านประธานมักเอาเรื่องนี้มาปรับทุกข์กับปริญบ่อย ๆ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งก็พูดตอนที่เขาอยู่ในห้องด้วย
“พี่อาทิตย์ไม่เข้าใจ มารีตั้งใจเรียนตลอดนะคะ แต่มารีไม่ค่อยฉลาด” สีหน้าจริงจังของเธอทำให้เขาทั้งขำ ทั้งเอ็นดู
“ถ้าผมว่าง ผมจะช่วยติวหนังสือให้คุณ เอ้ย! มารีแล้วกันนะครับ” เขาบอกอย่างใจดี แต่ไม่นึกว่าจะได้เห็นท่าทางดีอกดีใจนักหนาของเธอขนาดนั้น
“ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณพี่อาทิตย์มากเลยค่ะ”
มารียกมือไหว้เขา พูดคำว่าขอบคุณซ้ำ ๆ ผงกหัวเหมือนลูกไก่กำลังจิกอาหารทำให้อาทิตย์เผลอหัวเราะดังลั่นจนพนักงานคนอื่นต่างหันมามอง เพราะถึงเขาจะใจดี แต่ก็เป็นคนนิ่ง ๆ หน้าตายตลอดเวลา ไม่ค่อยมีใครเห็นเขาหัวเราะมากขนาดนี้มาก่อน อาทิตย์ขำจนตาที่เล็กอยู่แล้วทั้งสองข้างยิบหยี มารีไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ชายที่ทั้งใจดีและเป็นมิตรกับคนอื่นได้มากขนาดนี้
เมื่อก่อนเธอมักจะคิดว่าตัวเองไม่มีเพื่อน แต่ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร คิดว่าแค่มีปริญกับมีนาก็เพียงพอ ตอนนี้ถึงเข้าใจว่าโลกนี้กว้างใหญ่และมีผู้คนมากมายให้เธอได้เรียนรู้ และทำความรู้จัก เพียงแค่เธอก้าวออกมาและ เปิดใจให้กับคนอื่นบ้าง
ในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงาน แม้วันนี้จะยังไม่ได้เรียนรู้อะไรมาก แต่มารีก็คิดว่าเป็นการเริ่มงานที่ไม่เลวนัก อย่างน้อยก็ได้เรียนรู้วิธีถ่ายเอกสาร ถ้าเป็นชาติก่อนเธอไม่สนใจจะเรียนรู้อะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายเอกสาร หรือชงกาแฟ พอคิดย้อนไปถ้าปริญจะเบื่อเธอก็คงไม่แปลก ใครบ้างจะชอบให้คนอื่นตามติดเหมือนเป็นตัวภาระแบบนั้น