ตอนที่ 3 นางไม่ใช่มันหอมคนเดิม 1
มันหอมเดินเข้าไปในห้องตัวเองพลางครุ่นคิดไปด้วย เหตุใดเธอจึงไม่รู้ว่าตัวเองเรียนจบชั้นไหน รู้เพียงว่าทุกคนในหมู่บ้านนี้เรียนหนังสือจากผู้ใหญ่บ้านที่มีอายุราวห้าสิบปี ก่อนหน้าเป็นพ่อเฒ่าขวานเป็นคนสอน แต่หลังจากอายุเลยเข้าเลขเจ็ดไปแล้ว พ่อเฒ่าขวานจึงมอบหน้าที่นี้ให้กับผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นลูกชายของเขาเป็นผู้ดูแลแทน ชาวบ้านที่อายุมากกว่าสิบปีจึงพออ่านออกเขียนได้ และบวกลบเลขเป็นเท่านั้น วิชาอย่างอื่นอาทิเช่น กพอ. สปช. และสลน. นั้น ไม่ปรากฏในความทรงจำของเธอแต่อย่างใด แสดงว่าทุกคนในหมู่บ้านไม่ได้ออกไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนข้างนอกเลยสักคน
มองในอีกมุมหนึ่งก็ถือเป็นเรื่องดี ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่ต้องแข่งขันกันมั่งมี ไม่ต้องอวดว่าลูกบ้านไหนเรียนจบสูงกว่ากัน ไม่มีใครคุยโอ่ว่าลูกฉันเป็นหมอ เป็นพยาบาล หรือเป็นครู ในหมู่บ้านนี้ล้วนเท่าเทียม เพียงแต่ต้องทำมาหากินให้ชีวิตอยู่รอดไปทุกฤดูกาลเท่านั้น ยามหน้าฝนก็ดีไป แต่หน้าแล้งครอบครัวไหนที่กักตุนอาหารไว้น้อย ครอบครัวนั้นย่อมขาดแคลนอาหาร แต่ยังดีที่ครอบครัวอื่นยังคอยช่วยเหลือให้รอดพ้น ถึงหมู่บ้านนี้จะมีเพียงสามสิบหลังคาเรือนเท่านั้น ประชากรก็ไม่น่าจะเกินหนึ่งร้อยห้าสิบคน
มันหอมหยุดใช้สมองไปชั่วขณะเมื่อเธอได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมาบนเรือน เธอรีบหยิบเสื้อผ้าในห้องแล้วเดินลงไปชำระล้างร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จแล้วจึงรีบขึ้นมาฟังอาการของผู้ชายคนนั้น
“มันเป็นยังไงบ้างพ่อเฒ่า” ขุนเดชเอ่ยถามพ่อเฒ่าขวาน ซึ่งเป็นหมอดูตาทิพย์ และเป็นหมอประจำหมู่บ้าน มนต์พรางตาของหมู่บ้านก็เกิดจากท่านพ่อเฒ่าทั้งสิ้น
พ่อเฒ่ามีสีหน้าหนักใจก่อนกล่าวเสียงเรียบ “อาการหนักอยู่สักหน่อย แต่ยังพอรักษาได้ ดูท่าจะเป็นพวกนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินป่าเดินเขา” ดูจากการแต่งกายแล้วพ่อเฒ่าสรุปได้อย่างนั้น
“เราจะรักษามันเหรอพ่อ” ผู้ใหญ่บ้านถามพ่อเฒ่า
“อย่างไรก็ต้องรักษา” เขาเป็นหมอ ถึงเป็นหมอมนต์หมอสมุนไพรอย่างไรก็ปฏิเสธคนไข้ไม่ได้
“แม้แต่มันเป็นคนเมืองอื่นเหรอครับ”
“อือ” ไม่ต้องเอ่ยปาก คนในหมู่บ้านนี้ย่อมดูออกว่าชายผู้นี้เป็นคนต่างถิ่น ถึงเขาจะเป็นคนต่างถิ่น แต่ด้วยจรรยาบรรณของหมอ เขาต้องรักษา “แต่ขาของมันจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้… ถึงจะเดินได้ก็ตาม” เดิมทีชาวบ้านไพรพนาไม่เคยขอความช่วยเหลือจากคนภายนอกอยู่แล้ว เพราะเกรงว่าหมู่บ้านจะเกิดความวุ่นวายและนำความเดือดร้อนมาสู่ เช่นนั้นผู้นำหมู่บ้านจึงไม่อนุญาตให้ใครออกไปรักษาตัวในตัวเมืองเด็ดขาด อีกทั้งชาวบ้านก็ไม่มีเอกสารระบุตัวตนอยู่แล้ว จึงไม่มีใครกล้าทำเรื่องเช่นนั้น ชายปริศนาผู้นี้ก็เช่นกัน พวกเขาไม่รู้ชื่อแซ่ เพราะเขาไม่มีหลักฐานติดตัวมาเลย แน่นอนว่าต้องรักษาด้วยมนต์คาถาและสมุนไพรเท่านั้น
มาลานำเสื้อผ้าของสามีมาให้พ่อเฒ่า
พ่อเฒ่าและโสมผู้เป็นลูกชายช่วยกันเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำแผลให้หนุ่มนิรนามจนเสร็จพ่อเฒ่าจึงถามไถ่ไปทางมันหอม “แล้วเอ็งบาดเจ็บตรงไหนบ้าง” ที่พอมองเห็นก็คงเป็นศีรษะ
“แค่ผิวหนังถลอกและหัวแตกเท่านั้นค่ะ” สายตาคมปลาบของพ่อเฒ่าเหมือนมีประกายความสงสัยซ่อนอยู่ ทำให้มันหอมตอบแล้วพลางหลุบตามองร่างชายคนนั้นแบบเนียน ๆ
“อย่างไรก็ขอให้ฉันดูสักที”
“ค่ะ”
พ่อเฒ่าทำแผลให้มันหอมอย่างเบามือ พอกสมุนไพร และหยิบยาสมุนไพรให้มาลานำไปต้มให้มันหอมและผู้ชายคนนั้นดื่ม
มันหอมเดินจากไปพักผ่อนในห้องแล้ว พ่อเฒ่าขวาน โสม และขุนเดชนั่งปรึกษากันด้วยใบหน้าเคร่งเคร่งขรึม
พ่อเฒ่าพูดออกมาด้วยความลำบากใจ “ถึงอย่างไรมันทั้งสองก็ต้องแต่งงานกัน”
ขุนเดชสะดุ้งเฮือก “ไม่มีวิธีแก้ทางอื่นแล้วเหรอครับ” ขุนเดชก็หนักใจไม่ต่างกัน เขาจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร ให้ลูกสาวผู้ดื้อรั้นยอมแต่งงานกับคนต่างถิ่น ถึงหน้าตาไอ้คนนั้นมันจะหล่อเหลาปานใด แต่อย่างไรก็ไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี้ หรือหากเป็นคนที่พ่อเฒ่าหรือผู้ใหญ่บ้านหามาก็ว่าไปอย่าง อีกทั้งขาข้างซ้ายของมันก็หัก คนอย่างมันหอมจะดูแลมันไหวหรือ
“คำว่าผิดผีแก้ด้วยวิธีอื่นไม่ได้นอกจากพวกมันต้องตบแต่งให้แก่กันเท่านั้น” พ่อเฒ่ากล่าวเสียงแข็ง “หญิงชายแนบกายชิดใกล้ในที่ลับตาคน ถึงจะอยู่ในที่โล่งแจ้งก็นับว่าผิดผีป่าผีเรือน หากไม่ทำตามประเพณีดั้งเดิมนั้นแล้ว เกรงว่าหมู่บ้านของเราจะต้องเผชิญกับเหตุร้ายที่คาดไม่ถึง” พ่อเฒ่าเอ่ยถึงประเพณีดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เช่นนั้นรอให้พ่อหนุ่มคนนี้ฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยบอกมัน” ผู้ใหญ่บ้านกล่าว
“ฉันจะคุยกับลูกสาวเอง”
“อืม” พ่อเฒ่าพยักหน้าช้า ๆ แต่นัยน์ตายังมีเรื่องให้คิด “ถ้ามีอะไรก็ไปเรียกฉันที่บ้าน พรุ่งนี้เราจะขึ้นเขาไปตามหาสัมภาระของมัน” เผื่อมีกระเป๋าเดินทางตกอยู่บนภูเขา พ่อเฒ่าเกรงว่าจะมีคนต่างถิ่นข้ามเขตป่าเข้ามายังหมู่บ้านนี้ได้อีก
“ครับ”
พ่อเฒ่ากับลูกชายจากไปไกลแล้ว ขุนเดชนั่งหน้าดำคร่ำเครียดอยู่คนเดียว ภรรยาและลูกทั้งสองจึงเดินเข้ามาหา
“มีอะไรเหรอพี่”
ขุนเดชเล่าเรื่องที่พ่อเฒ่ากำชับไว้ให้ภรรยากับลูกฟัง มาลาเบิกตากว้างเมื่อตระหนักได้ว่า มันต้องเป็นเช่นนั้นโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“แล้วหอมจะยอมเหรอพี่”
“มันต้องยอม” มันหอมรู้กฎของหมู่บ้านดี ถึงการแต่งงานของเธอจะแตกต่างจากคนอื่นไปสักหน่อยที่ต้องแต่งกับคนต่างเมือง แต่อย่างไรถ้าคิดจะอยู่ในหมู่บ้านนี้ก็ต้องปฏิบัติตาม
โสมเดินมาถึงบ้านก็รีบเอ่ยกับผู้เป็นพ่อทันที “นางไม่ใช่ไอ้หอมคนเดิม”
พ่อเฒ่าขวานผ่อนลมหายใจก่อนเอ่ย “ฉันรู้” แค่มองแววตาแวบแรก พ่อเฒ่าขวานก็ทราบแล้วว่ามันหอมคนเดิมได้ตายจากพวกเขาไปแล้ว
“แล้วยังไง นางจะเป็นอันตรายต่อคนในหมู่บ้านไพรพนาของพวกเราหรือไม่”
“เรื่องนั้น… ฉันต้องใช้สมาธิสักหน่อย เอ็งอย่าเพิ่งร้อนใจไป” พ่อเฒ่ายังสัมผัสไม่ได้ถึงลางร้ายที่จะเกิดขึ้นจากเรื่องนี้
“แต่หมู่บ้านของเราไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน”
พ่อเฒ่านิ่งงันไปอึดใจหนึ่งแล้วกล่าวเสียงราบเรียบเป็นปกติ “หรือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง” กล่าวจบ ขวานก็เดินขึ้นเรือนไปเพื่อใช้สมาธิตรวจตราความเป็นไปของหมู่บ้านสักครา