8. หลวมรวมเป็นหนึ่งเดียว
เสียงหายใจที่ผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวทำให้ห้องที่เงียบงันไม่เงียบเหงาอีกต่อไป ผิวกายเปล่าเปลือยแนบชิดเสียดสีจนสร้างความหวามไหวให้ทั้งสอง โดยเฉพาะเสี่ยวป๋ายที่ยังไร้เดียงสานัก นางรู้สึกถึงความแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
“ข้าวูบวาบไปทั้งตัวเลยเจ้าค่ะ”
หญิงสาวสะบัดกายไปมาใต้ร่างใหญ่ยามฝ่ามืออุ่นของเขาแตะต้องเรือนกายของนางไปทุกส่วนสัด โดยเฉพาะใจกลางกายที่เร้นลับไม่มีผู้ใดได้สิทธิ์นั่นมาก่อน
“อือ...” นางครวญครางออกมาแผ่วเบา ด้วยไม่อาจกักเก็บเสียงของตนได้อีกต่อไป
มือหนาที่กอบกุมช่วงล่างของนางเอาไว้ช่างอุ่นนัก ยามที่เขาขยับขึ้นลงไปมาก็ยิ่งเพิ่มความรู้สึกแสนอัดอั้นให้ทวีขึ้นอีกเท่าตัว
“ข้า...ข้าไม่อาจบอกเล่าความรู้สึกนี้ได้เลย”
“นั่นเรียกว่าอารมณ์รักอย่างไรเล่า”
เขาตอบกลับราวกับว่าสิ่งนี้ช่างแสนธรรมดา ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อันใด นางหลับตาหลบเร้นหนีความเขินอายที่ก่อเกิดขึ้นมา ไม่ยักรู้มาก่อนว่าความรักของบุรุษและสตรีมันช่างแนบแน่นกว่าที่เข้าใจนัก
“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้างเล่า” เสียงกระซิบที่คลอเคลียอยู่ตรงใบหูทำให้เสี่ยวป๋ายพยายามหลับตาให้แน่นมากกว่าเดิม
นางขวยเขินจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาร่อมร่อ...
ทว่าสามีโดยพฤตินัยกลับจุมพิตที่เปลือกตาเร่งเร้าให้นางลืมตาขึ้นมามองเขาก่อนจะเชยคางและบรรจงมอบจุมพิตเร่าร้อน ลึกล้ำให้แก่นางอีกครา
“อืม...”
สัมผัสนุ่มละมุนถูกส่งมอบให้แก่นางไม่นานนักก็เปลี่ยนมาเป็นความเร่าร้อน ชุนเสี่ยวป๋ายเกี่ยวตวัดลิ้นของเขาอย่างไม่ประสีประสา รสจูบแสนหวานจากนางยิ่งทำให้เหลียนไช่แทบคลั่ง
หญิงสาวโดนหลอกล่อให้หลงอยู่ในวังวนของวาบหวามก่อนจะถูกกระชากลงยามที่กายแกร่งนั้นเตรียมจะตอกตรึงหลอมรวมเข้ากับกายนาง
“บัณฑิตเฒ่า...” เสี่ยวป๋ายมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาราวกับไม่แน่ใจ
ทว่าเหลียนไช่ไม่อาจทนต่อไปได้อีกแล้ว...
“อ่า...”
แกนกายแข็งสัมผัสขึ้นลงบนกลีบสวยเบาบาง เขาก้มมองดูใบหน้าของเสี่ยวป๋ายที่แหงนเงยขึ้น ส่งเสียงครางไพเราะออกมาราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยพบ
“เสียงเจ้าช่างหวานนัก”
“อือ...ท่านบัณฑิตเฒ่า ข้า...” นางมองเขาตาหยาดเยิ้ม “ข้ารู้สึกราวกับว่ามีผีเสื้อบินวนอยู่ในท้องเจ้าค่ะ”
“ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกมากกว่านี้...”
แกนกายใหญ่ชำแรกผ่านกลีบของนางเข้าไปด้านในอย่างไม่รีรอ ความรู้สึกราวกับร่างกายกำลังฉีกขาดทำให้หญิงสาวหวีดร้องออกมาเสียงดัง ทว่าไม่นานก็ถูกดูดซับด้วยจุมพิตจากเขา จึงมีเพียงเสียงอู้อี้ในลำคอ
“อ่า...ด้านในของเจ้ามันช่างอุ่นเหลือเกิน”
เหลียนไช่ครางออกมาเบาๆ เขาถูกใจเรือนร่างนี้เหลือเกิน มันช่างอุ่นนุ่มและบีบรัดแกนกายของเขาอย่างดี
“อ๊ะ! เจ็บ!”
เมื่อเขาดุนดันแกนกายเข้ามาเพิ่ม ความคับแน่นก็ยิ่งทวีคูณ สองมือจิกบ่าของเขาระบายความอึดอัดและเจ็บแปลบซ่านลึก มันผสมปนเปกันจนยากจะแยกความรู้สึกเหล่านั้น
“อีกประเดี๋ยวเจ้าก็จะคุ้นชิน” เหลียนไช่ปลอบประโลม “ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกดีเสี่ยวป๋ายน้อย อ่า...”
บัณฑิตเฒ่าเริ่มขยับแกนกายเข้าออก เขาดึงออกอย่างช้าๆเพื่อให้อวัยวะของทั้งสองได้สัมผัสกันมากที่สุดและดันเข้าไปจนสุดเพื่อให้แท่งเนื้อใส่กระแทกลงไปได้ลึกที่สุด
“อ่า...” เขาขบเม้มติ่งหูของนางอย่างหยอกล้อ ซบหน้าลงสูดดมกลิ่นสตรีจากตัวนาง “กลิ่นกายเจ้าช่างหอมนัก”
“อือ!”
แกนกายใหญ่สอดกระแทกเข้ามาลึกขึ้นจนชุนเสี่ยวป๋ายสะดุ้งโหย่ง ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าใส่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“อืม...”
ยามที่เขาเคลื่อนไหวเหนือกายนาง สายตาที่สบกันสร้างความเชื่อมั่นต่อเขาขึ้นมาในใจพร้อมกับความหวาดระแวง หากเขาทิ้งนางเหมือนที่มารดาเคยโดนกระทำนางคงไม่อาจมองหน้าผู้ใดได้อีก
“เรือนกายของเจ้าช่างดีนัก”
เขาเอ่ยชมเมื่อเริ่มกระแทกเข้าออกเร็วขึ้น แกนกายที่เสียดสีกับส่วนล่างทำให้หญิงสาวไม่อาจกักเก็บเสียงครางได้อีกต่อไป
“อ๊ะ! อ๊ะ! อื้อ!”
เส้นผมของนางยุ่งเหยิงเมื่อหัวเคลื่อนไหวไปตามแรงส่งจากชายตรงหน้า เสี่ยวป๋ายกลัวเหลือเกินว่าบัณฑิตเฒ่าผู้นี้จะกระทำกับนางเพียงเพราะความใคร่
“อ่ะ!”
หากเป็นเช่นนั้นนางคงต้องเสียใจไปชั่วชีวิต
ทว่าความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้นก็ถูกปัดเป่าออกจากหัวเมื่อคลื่นความร้อนระอุในกายจนยากจะทานทนไหว ความหฤหรรษ์ตีวนจนเป็นเกลียวม้วนดึงนางขึ้นสู่ส่วนที่สูงจนไม่อาจเอื้อมถึง
“อ่า บัณฑิตเฒ่า”
นางครางเมื่อเขายกขานางขึ้นทั้งสองข้างและสอดใส่สิ่งนั้นเข้ามาลึกกว่าเดิม
“อืม...ส่วนนี้ของเจ้าช่างตอบรับของข้าดีนัก”
เหลียนไช่หลงลืมทุกสิ่งไปหมดสิ้น เขาดันแกนกายสอดใส่เข้าไปถี่รัวและลึกขึ้น ตอกย้ำความใหญ่โตให้นางซ้ำๆจนเสี่ยวป๋ายครางหวิว
“อ่า...อ๊ะ!”
แรงกระแทกตอกตรึงซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับเสียงครางห้าวของเขากระตุ้นทุกอณูในกายของเสี่ยวป๋ายให้สั่นระริก เกร็งสะท้านและพร่างพรายไปพร้อมกับเขา
“อ่า......”
เหลียนไช่ปลดปล่อยความเฉอะแฉะฉ่ำชื้นและเชื้อพันธุ์มากมายเข้าสู่ภายในเรือนร่างงาม ผิวเนื้อยังคงแนบชิดแม้จบช่วงเวลาร้อนเร่าลง ใบหน้าของเขาฝังอยู่ที่ลำคอหอมกลุ่นของนางพลางสูดกลิ่นหอมกรุ่นเข้าปอดอย่างพึงพอใจโดยไม่ยอมถอนตัวตนออกจากกายนาง
เสียงหอบหายใจของทั้งสองยังคงดังอยู่ในห้องมิดชิดของบัณฑิตเฒ่า ก่อนที่เขาจะขยับออกมานอนเคียงข้างนางพลางลูบไล้บ่าเนียนที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา
“เจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้วนะ...เสี่ยวป๋ายน้อย”