บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

แสงแดดคมเหมือนคมมีด ราวกับจะฉายทุกอย่างให้เห็นตัวจริงหมด ฉันลากกระเป๋าเดินทางออกมา ใส่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดกับหนังสือไม่กี่เล่ม เช้านี้พ่อส่งข้อความมาว่า “มาพักบ้านพ่อสักสองสามวันนะ”

ฉันตอบกลับไปว่า “ได้ค่ะ”

ก่อนออกจากบ้าน ฉันอยากหยิบกล้องฟิล์มเก่าของแม่ไปด้วย แต่ในตู้กระจกห้องนั่งเล่น ว่างไปครึ่งชั้น—กล้องหายไปแล้ว ม้วนฟิล์มที่มีรูปสุดท้ายของฉันกับแม่ก็ไม่อยู่ในลิ้นชัก

ฉันค้นทั้งบ้าน ห้องทำงาน ห้องฟิตเนส ใต้เตียง… ไม่มีสักที่ หัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้น ฉันไม่ได้เรียกใคร ตอนกำลังจะส่งข้อความ ก็ได้ยินเสียง “กึก” จากข้างนอก

ตรงประตูทางเดิน ธงแขวนโดนลมพัดจนกระพือแรง ไอลีนยืนหันหลังให้แสง ยกกล้องขึ้นแนบหน้า เธอเอียงหน้าเล็กน้อย ลมพัดผมให้ปลิวขึ้น เหมือนกำลังจัดท่าถ่ายรูปอยู่แล้ว อีธานยืนข้างเธอ ใช้ตัวบังแสงให้เธอ อดทนและอ่อนโยนเหมือนครูสอนถ่ายรูป

“นี่คือปุ่มชัตเตอร์… แล้วนี่คือวงแหวนโฟกัส”

“ห้ามแตะกล้องนั่น” คำพูดพุ่งออกจากปากฉันโดยไม่ผ่านสมอง

เธอสะดุ้งนิดหนึ่ง ก่อนยิ้มขอโทษแบบนุ่มนวลให้ฉัน “ขอโทษนะ เคต… ฉันแค่อยากบันทึกวันนี้ไว้ วันที่ฉันเดินมาถึงที่นี่ ฉันกลัวว่าฉันจะลืม”

“ส่งกล้องมาให้ฉัน” ฉันยื่นมือออกไป พยายามกดเสียงให้เรียบที่สุด “ม้วนนั้นสำคัญมาก”

เธอก้มดูฝาหลังกล้อง แล้วอยู่ดี ๆ ก็ร้อง “อ้อ” เบา ๆ ใช้เล็บงัดตรงตัวล็อก “มันยังล็อกไม่สนิทหรือเปล่า? งั้นฉันเปิดดู—”

“อย่า—” ฉันก้าวออกไปหนึ่งก้าว

สายเกินไป ฝาหลังดีดเปิดออกใต้แสงแดดจัด แสงพุ่งเข้าไปเหมือนมีดกรีด ฟิล์มถูกแผ่ในอากาศแบบไร้ที่กำบัง เหมือนริบบิ้นสีดำที่ถูกฉีกจนหมดหนทางหลบซ่อน

ในหูมีเสียงหึ่งดังขึ้น—ฉันเกือบจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองตกลงไป

“ขอโทษ! ฉันไม่รู้ว่ากล้องเก่าจะเป็นแบบนี้” ไอลีนรีบยกมือไปบังเลนส์ แต่ท่าทางไม่ใช่คนไม่เคยจับกล้อง ตรงไหนเป็นอะไร เธอดูรู้ดีหมด “ลุค—” เธอรีบกลืนคำ แล้วหันไปหาอีธาน “อีธาน ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”

เขารีบรับกล้องจากเธอแล้วหันมาทางฉัน

“เคต ไม่ต้องตกใจ ก็แค่ฟิล์มม้วนหนึ่ง เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่”

“มันไม่ใช่ แค่ม้วนหนึ่ง” ลำคอฉันแห้งจนแสบ “ข้างในมีรูปสุดท้ายของฉันกับแม่”

ไอลีนค้างไป น้ำตาเอ่อขึ้นทันที เสียงอ่อนแรงลง

“ขอโทษ…ฉันไม่รู้จริง ๆ ฉันแค่อยากถ่ายเล่นสักสองสามรูป ให้ตัวเองรู้ว่าฉันยังพยายามอยู่”

อีธานวางมือบนไหล่เธอเหมือนกำลังปกป้องลูกกวางตัวเล็กที่ตกใจง่าย “ไม่เป็นไรนะ ไม่โทษเธอหรอก” แล้วเขาก็มองมาทางฉัน “เคต เดี๋ยวฉันซื้อกล้องรุ่นเดียวกันให้ ฟิล์มเราหาคนช่วยกู้ได้”

ฉันหัวเราะเยาะเบา ๆ “ตัวกล้องน่ะซื้อใหม่ให้เหมือนเดิมได้อยู่แล้ว แต่ ‘คนในนั้น’ ต่อให้เหมือนแค่ไหน…ก็ถ่ายซ้ำไม่ได้อีกแล้ว”

ลมพัดวนอยู่รอบกำแพงรำลึก พัดผ้าพันคอของไอลีนให้ลอยขึ้น เธอหดไหล่นิดหนึ่งเหมือนตกใจลมหนาว “ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ แค่เห็นกล้องแล้วมันทำให้ฉันนึกถึงลุค…นึกถึงบ้าน”

“เธอไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ” อีธานพูดเสริม มองหน้าฉันเหมือนขอให้ฉันใจอ่อน “เคต ก็ถือว่าเป็นอุบัติเหตุก็แล้วกันนะ เธอแต่ละก้าวก็ลำบากพออยู่แล้ว อย่าทำให้เธอลำบากกว่าเดิมเลย”

ฉันมองมือของเขาที่วางบนไหล่เธอ—มือเดียวกับที่เมื่อคืนดึงปีกหมวกให้เธอ จัดกระดุมให้เธอ วันนี้ก็ยังวางอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคง อบอุ่น และดูเหมือนมีเหตุผลไปหมด

สติที่เหลืออยู่ถูกเผาจนขาดสะบั้น ฉันไม่คิดจะทนอีกต่อไป “แล้วชีวิตฉันมันง่ายนักเหรอ? ต้องดูผัวตัวเองนอกใจ ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น แล้วฉันควรกลืนมันลงไปเฉย ๆ งั้นเหรอ?”

ฉันดึงกล้องกลับจากมือเขา ปลายนิ้วเย็นจนเหมือนน้ำแข็ง “เธอ ‘เผลอ’ ทำลายสิ่งที่ฉันรักที่สุด แล้วสุดท้ายต้องเป็นฉันที่มาขอโทษ?”

“เป็นอะไรของเธอเนี่ย?” อีธานหน้ามืดลงทันที “พวกเราไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นนะ เคต อย่าเอาความหวังดีไปตีความเป็นเรื่องสกปรก”

“เธอติดหนี้ลุค แล้วจะเอาชีวิตแต่งงานของเราไปใช้คืนงั้นเหรอ?” ฉันก้าวเข้าไปใกล้ “ทุกครั้งเธอก็เผลอเรียก ‘ลุค’ ก่อนทั้งนั้น แค่ตอนฉันอยู่ถึงค่อยเปลี่ยนคำ เธอน่ะรู้ดีเลยว่าเขาอ่อนตรงไหน”

น้ำตาไอลีนไหลลงมา เสียงนุ่มเหมือนสำลี “ฉันขอโทษ ฉันห้ามตัวเองไม่ได้ พอเห็นเขาทีไรฉันก็…เคต อย่าโทษอีธานเลย เป็นความผิดฉันคนเดียว จะว่าอะไรก็ว่าฉันเถอะ…ฉันแค่กลัวว่าพวกเธอจะทะเลาะกันเพราะฉัน หรือไม่ก็…หย่ากัน”

คำว่า “หย่า” เหมือนสกรูที่ฝังลงในเนื้อ ฉันยิ้มให้เธอเบา ๆ “กลัวเหรอ? หรือจริง ๆ แล้วเธอรอให้มันเกิดอยู่?”

“เคต!” อีธานขึ้นเสียงทันที “ขอโทษเธอเดี๋ยวนี้”

ฉันกะพริบตาหนึ่งที ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา “ฟิล์มที่พังเป็นของฉัน ชีวิตแต่งงานที่ถูกทำลายก็ของฉัน” ฉันเน้นทุกคำชัดถ้อยชัดคำ “แล้วนายยังให้ฉันเป็นฝ่ายขอโทษ?”

ไอลีนจับชายเสื้ออีธานแน่น สายตาวิ่งวนระหว่างเราสองคน “อย่าทะเลาะกันเลยนะ อีธาน เธอพูดแบบนั้นก็เพราะเธอรักคุณ…ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่…ฉันไม่คู่ควรต่างหาก”

“ได้ยินไหมล่ะ?” อีธานหันกลับมาพูดกับฉัน “เธอยังพูดเองเลย”

“แน่นอนสิ” ฉันจ้องไอลีนไม่กะพริบ “เธอทำตัวน่าสงสาร ทำเป็นเสียสติ กลัวความมืด เรียกชื่อผิด ทำปากบอกว่าครอบครัวสำคัญ แล้วก็นอนกับสามีฉัน ใส่เสื้อเขา ทำฟิล์มฉันพัง—แล้วกล้าบอกว่าตัวเอง ‘ไม่ได้ทำอะไร’ นี่มันต้องหน้าด้านแค่ไหนกันนะ”

เธอสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง น้ำตายิ่งไหลไม่หยุด “ฉันก็แค่อยากมีชีวิตรอด…”

“มีชีวิตรอด?” ฉันหัวเราะออกมา “เธอนี่เก่งจริงนะ ใช้ข้ออ้าง ‘อยากมีชีวิตอยู่’ มานอนกับผัวคนอื่นได้เนียนเชียว”

“พอได้แล้ว!” อีธานก้าวมาขวางกลางระหว่างเรา สายตาเย็นเฉียบเหมือนคมมีด “เธอกำลังเหยียบย่ำผู้หญิงที่เพิ่งเสียสามีไป เธอนี่มันบ้าไปแล้ว”

“ก็ใช่สิ ฉันถูกพวกคุณนอกใจจนบ้าไงล่ะ” ฉันพูดชัดเจนทุกคำ “แล้วฉันก็พูดให้ชัดด้วย—หย่า”

ธงลมรอบตัวเหมือนเงียบลงทันที อีธานหายใจลึกๆ จนกล้ามเนื้อบนใบหน้าปูดออกมา “อย่าพูดเหลวไหล”

ไอลีนยื่นมือออกมาเหมือนจะห้าม “เคต ขอร้องล่ะ อย่าเป็นแบบนี้เลย ฉันย้ายกลับไปอยู่ห้องพักในเขตทหารก็ได้ ฉันอยู่คนเดียวได้ ไม่อยากให้ครอบครัวของพวกเธอพังเพราะฉัน—”

แต่ยิ่งเธอพูด ไฟในอกฉันก็ยิ่งลุกแรงขึ้น และฉันเห็นมัน—ประกายเล็ก ๆ ของความสะใจในดวงตาเธอ “ไม่ต้องทำเป็นนักบุญหรอก เธอเอาของที่ไม่ใช่ของตัวเองไป แล้วทำท่าตัวเองเป็นเหยื่อ” ฉันพูดเสียงเรียบ “ถ้าเธอเล่นถึงขนาดนี้แล้ว งั้นฉันจะพูดให้ชัดเจนไปเลย เธอเป็นอะไรกันแน่”

“หยุดเดี๋ยวนี้!” สีหน้าอีธานเปลี่ยนไปทันที

ฉันมองไอลีนไม่กะพริบ ความจริงที่พ่นออกไปคมเหมือนมีด “ผู้หญิงที่เอาความตายของคนรักมาเป็นข้ออ้าง เล่นบทเรียกชื่อผิดเหมือนเป็นยาวิเศษ แล้วเหยียบทุกขอบเขตเหมือนมันเป็นเกม—ก็มีเธอคนเดียวนี่แหละ”

เพี้ยะ—!

เสียงดังเหมือนอากาศแตกกระจาย หน้าโดนตบจนหันไปอีกด้าน หูอื้อพร่า ไหม้ร้อนทั้งซีก ริมฝีปากมีรสคาวโลหะ ฉันค่อย ๆ หันกลับมองไปอีธานมองไปมือที่ยังค้างอยู่ในอากาศของเขา

ไอลีนยกมือปิดปาก ทำท่าราวกับสายฟ้าฟาดใส่ “อีธาน! คุณทำได้ยังไง—” เธอรีบทำหน้าตื่นตระหนก น้ำตาไหลเป็นสาย “เป็นความผิดฉันทั้งหมด ฉันทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้…”

ฉันเช็ดเลือดที่มุมปาก เสียงนิ่งจนน่ากลัว “ขอบใจนะ อีธาน… ในที่สุดนายก็ให้เหตุผลฉันสักที”

ความสงบของฉันเหมือนมีดที่ผ่ากลางเขา อีธานอ้าปากจะอธิบาย “ฉัน—”

“อย่าเรียกชื่อฉัน” ฉันยกมือจับหูหิ้วกระเป๋า มองเขาเป็นครั้งสุดท้าย “เสียงฝ่ามือนี่…มันจะดังอยู่ในหัวนายทุกวัน จำไว้ให้ดี”

ฉันหมุนตัวเดินเข้าบ้าน

กระดิ่งที่หน้าประตูดัง “ดิง” เบา ๆ จากแรงลม ฉันลากกระเป๋าไปที่หน้าจอควบคุมกลางของบ้าน กดปิดสิทธิ์การเข้าถึงทีละรายการ ไฟสีฟ้าดับเป็นสีเทาไปทีละดวง ฉันลบผู้ใช้ทั้งหมด แล้วตั้งรหัสผู้ดูแลใหม่—และจำมันไว้ให้แน่น

กลับเข้าห้องนอน ฉันเก็บบัตรประชาชน บัตรธนาคาร และแฟลชไดรฟ์ที่เขียนว่า “BACKUP” ใส่กระเป๋า

โทรศัพท์สั่นขึ้นมา

พ่อ: ฉันอยู่หน้าตึก

ฉัน: ลงไปเดี๋ยวนี้

ลมพัดเข้าข้างหลังเหมือนผลักให้เดิน ฉันก้าวไปทีละก้าว ไม่หันกลับไปมอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel