สามีกับภรรยาเพื่อนร่วมเตียงกัน

17.0K · อัพเดทล่าสุด
-
10
บท
11
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

สามีฉันแอบไปนอนกับเมียของเพื่อนร่วมรบที่ตายไปแล้ว ฉันเห็นกับตา ในครัวบ้านเราเอง สามีฉันกำลังกอดจูบกับเมียของพี่น้องร่วมรบที่เสียชีวิตไปนั้น ทั้งคู่ทำเหมือนโลกข้างนอกถูกปิดสวิตช์ โอบคอกันแนบชิด ท่าทางคล่องแคล่วเหมือนทำกันมานาน—จนถึงวินาทีนั้นเอง ฉันถึงได้ตระหนักจริง ๆ ว่า เรื่องนี้มันเกิดขึ้นจริง ไอลีนถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเครียดหลังเหตุการณ์ร้ายแรง แล้วก็ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับฉันกับอีธาน เธอมองอีธานเป็นสามีของเธอ—ลุค เธอเรียกสามีฉันว่า“ที่รัก” ชวนเขานั่งกับเธอ หัวเราะกับเธอ แม้แต่ให้นอนข้างเธอ ฉันก็ยังพยายามกล้ำกลืนมันลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ตอนเธอตื่นจากงีบกลางวัน ปลายนิ้วของเธอลูบไปตามคิ้วของสามีฉัน แล้วชื่อที่หลุดออกจากปากเธอคือ “อีธาน…”

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันนิยายรักนอกใจหลังหย่าตามง้อพึ่งพาตัวเอง

บทที่ 1

สามีฉันแอบไปนอนกับเมียของเพื่อนร่วมรบที่ตายไปแล้ว

ฉันเห็นกับตา ในครัวบ้านเราเอง สามีฉันกำลังกอดจูบกับเมียของพี่น้องร่วมรบที่เสียชีวิตไปนั้น

ทั้งคู่ทำเหมือนโลกข้างนอกถูกปิดสวิตช์ โอบคอกันแนบชิด ท่าทางคล่องแคล่วเหมือนทำกันมานาน—จนถึงวินาทีนั้นเอง ฉันถึงได้ตระหนักจริง ๆ ว่า เรื่องนี้มันเกิดขึ้นจริง

ไอลีนถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเครียดหลังเหตุการณ์ร้ายแรง แล้วก็ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับฉันกับอีธาน

เธอมองอีธานเป็นสามีของเธอ—ลุค เธอเรียกสามีฉันว่า“ที่รัก” ชวนเขานั่งกับเธอ หัวเราะกับเธอ แม้แต่ให้นอนข้างเธอ ฉันก็ยังพยายามกล้ำกลืนมันลงไปเรื่อย ๆ

จนกระทั่งวันหนึ่ง ตอนเธอตื่นจากงีบกลางวัน ปลายนิ้วของเธอลูบไปตามคิ้วของสามีฉัน แล้วชื่อที่หลุดออกจากปากเธอคือ “อีธาน…”

……

ระหว่างทางกลับบ้าน ไม่มีใครเอ่ยปากพูดเลยสักคำ ใบหน้าที่สะท้อนบนกระจกหน้าต่างซีดจนฉันแทบจำตัวเองไม่ได้

พอเข้าบ้าน อีธานก็โยนกุญแจลงในถาด เสียงของเขาต่ำมาก

“ไอลีน…” เขาพูดเบา ๆ “คืนนี้ให้เธออยู่ที่นี่ก่อนนะ”

น้ำเสียงเขานิ่ง เหมือนกำลังอ่านคำสั่ง

“หมอบอกว่าอารมณ์เธอยังไม่คงที่ บางครั้งเธอเลยคิดว่าฉันเป็นลุค ก็เลยให้เธอมาพักที่บ้านเราก่อน รอให้เธอมั่นคงขึ้นแล้วค่อยว่ากันอีกที”

“นี่คือบ้านของเรานะ” ฉันกดเสียงต่ำพอ ๆ กัน

“อีธาน ช่วงนี้คุณไปอยู่เป็นเพื่อนเธออาทิตย์นึงตั้งหลายวัน ยังไม่พออีกเหรอ? ต้องถึงขั้นย้ายเธอมาอยู่ด้วยเลย?”

“พูดดี ๆ หน่อย” สายตาเขาเริ่มเย็นลงทีละนิด

“เธอต้องการฉัน เธอเป็นน้องสาวฉัน แล้วก็เป็นภรรยาของเพื่อนร่วมรบที่เสียไป เธอต้องมีคนอยู่ด้วย”

“เธอต้องการคุณ แต่ไม่ได้แปลว่าต้องมาอยู่บ้านเรา” ฉันไม่ยอมถอย

“เธอไปอยู่บ้านพักครอบครัวทหารก็ได้ หรือจะจ้างคนดูแลก็ได้ คุณจะไปเยี่ยมทุกวันก็ไม่มีใครว่า แต่เธอไม่ควรนอนอยู่ห้องตรงข้ามห้องนอนเรา”

เขาทำเหมือนฉันไม่เคยพูดอะไรสักอย่าง เอาแต่ย้ำว่า

“เธอต้องการฉัน เธอคือคนในครอบครัว คุณไม่มีความเห็นใจบ้างเลยเหรอ?”

เขาจ้องฉันนิ่ง ๆ แล้วพูดว่า

“เธอเอาแต่คิดว่าไอลีนเป็นภัยคุกคามตลอด”

“ก็เพราะเธอไม่เคยเห็นฉันเป็นครอบครัวนี่” ฉันโต้กลับทันที

“สายตาที่เธอมองคุณ ไม่ใช่สายตาของน้องที่มองพี่เลยสักนิด”

มุมปากเขากระตุกขึ้น เหมือนฝืนยิ้ม แต่เย็นเฉียบ

“ใส่ร้ายกันชัด ๆ”

ฉันยิ้มไม่ออก

“คุณตัดสินใจไปแล้ว…ใช่ไหม?”

เขาเงียบไปสองวินาที

“พรุ่งนี้ฉันจะไปรับเธอมา”

แล้วในเสี้ยววินาทีนั้นเอง มีอะไรบางอย่างในใจฉันแตกร้าวดัง “แกร็ก”—เล็กจนฉันเกือบสงสัยว่ามันมีอยู่จริง แต่ก็ชัดพอให้ฉันได้ยิน ที่แท้ ในใจเขา ความยืนหยัดของฉัน มันไม่เคยมีค่าอะไรเลย

……

หกโมงเย็น ไฟถนนในเขตบ้านพักครอบครัวทหารสว่างขึ้นพร้อมกัน ฉันยกซุปขึ้นโต๊ะ แล้วกริ่งประตูก็ดังขึ้นพอดี

พอเปิดประตู ลมเย็นก็พัดเข้ามาเต็มหน้า อีธานยืนอยู่ตรงหน้าประตู ด้านหลังเขาคือไอลีน เธอสวมแจ็กเก็ตสีเขียวทหาร หน้าซีดเหมือนโรยแป้ง ตาแดงราวกับเพิ่งเดินกลับมาจากทุ่งหิมะ

เธอเงยหน้าขึ้น มือนั้นคว้าแขนเสื้ออีธานแทบจะเป็นสัญชาตญาณ เสียงสั่นจนแทบฟังไม่เป็นคำ

“ลุค… คุณกลับมาแล้วใช่ไหม?”

หน้าอกฉันแน่นขึ้นทันที แทบถือถ้วยไม่อยู่ ชื่อนั้นเหมือนกระแทกลงกลางบ้าน แตกเปลือกออก แล้วจมหายลงก้นน้ำอย่างหนักหน่วง

อีธานก้มหน้า พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

“ไอลีน… นี่ผมนะ—อีธาน”

เธอกะพริบตาเบา ๆ ก่อนก้มลงเปลี่ยนรองเท้า แต่มือยังเกาะเขาแน่น เขาไม่ปัดออกด้วยซ้ำ ตรงกันข้าม ยังพลิกมือกลับไปกุมมือเธอไว้ เหมือนกำลังปลอบเด็กคนหนึ่ง

“ไม่เป็นไรนะ” เขายื่นทิชชู่ให้เธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสารเอ็นดู

“พวกเราอยู่ตรงนี้แล้ว”

ใบหน้าไอลีนแดงขึ้นมาอีกนิด

“ฉัน…จะไม่เป็นภาระค่ะ เดี๋ยวก็หายดี”

“ไม่เป็นไร” อีธานเป็นฝ่ายตอบแทนฉัน

“ที่นี่คือบ้าน เธอคือคนในครอบครัว”

คนในครอบครัว คำนี้หลุดจากปากเขาเบา ๆ แต่ตกใส่ใจฉันหนักเหมือนก้อนตะกั่ว เราแต่งงานกันมาสองปี—แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาใช้คำว่า “ครอบครัว” กับคนที่ไม่ใช่ฉัน

มื้อเย็นเงียบมาก กินไปครึ่งทาง ไอลีนก็เงยหน้าขึ้นถามว่า

“เสื้อแจ็กเก็ตสนามสีดำของคุณ ยังเก็บไว้อยู่ไหม?”

อีธานชะงักไปนิด

“ยังอยู่ เดี๋ยวฉันไปเอาให้”

เขาลุกขึ้นเร็วมาก เหมือนรู้ตั้งแต่แรกว่าเธอต้องถามหา ฉันมองแผ่นหลังเขา เหมือนถูกเชือกเส้นบาง ๆ มองไม่เห็นดึงให้ถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ

ส่วนไอลีนจ้องทางที่เขาเดินไปไม่กะพริบ คล้ายสัตว์ตัวเล็กที่ล็อกสายตาไว้กับทางรอดทางเดียวของมัน

เขากลับมาพร้อมเสื้อ แล้วเอามาคลุมให้เธอด้วยตัวเอง ไอลีนหลับตา สูดลมหายใจเบา ๆ ตรงปกเสื้อ ไหล่เธอค่อย ๆ คลายลง เหมือนเท้ากลับมายืนบนพื้นได้อีกครั้ง

“ขอบคุณนะคะ” เธอเหลือบมองฉัน “ฉันรู้ว่ามันอาจจะล้ำเส้นไปหน่อย แต่มีแค่ตัวนี้ที่ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย”

“ไม่เป็นไร” อีธานตอบแทนฉันอีกครั้ง

เขาตักซุปเพิ่มให้เธอ “กินหน่อยนะ อย่าฝืนเลย”

ฉันมองภาพตรงหน้า แล้วรู้สึกเหมือนมีลมแขวนค้างอยู่ในอก นี่คือความอ่อนโยนที่ฉันคุ้นเคย—แต่ตั้งแต่แต่งงานกัน เขาแทบไม่เคยให้มันกับฉันอีก เขามักบอกว่า “เธอจัดการเองได้” และตอนนี้ คนที่ได้รับอ้อมแขนจากเขา ไม่ใช่ฉันอีกแล้ว

ฉันไปล้างจาน เสียงน้ำไหลกลบเสียงคุยเบา ๆ จากห้องนั่งเล่น

ฉันเช็ดเคาน์เตอร์อยู่ ไอลีนก็ยืนที่กรอบประตูครัว เหมือนต้องรวบรวมความกล้าอยู่นานกว่าจะเอ่ยปาก

“เคต… ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?”

“ถามมาเลย”

“ตอนกลางคืนฉันมักสะดุ้งตื่น… อีธานมานั่งข้างเตียงฉันสักครู่ได้ไหม?”

น้ำเสียงเธอระมัดระวังมาก เหมือนเดินอยู่บนเปลือกไข่

“หมอบอกว่าการมีคนที่ช่วยปลอบประสาทเป็นคนเดิม ๆ จะช่วยได้ ฉันกลัวความมืด…แล้วก็กลัวตื่นมาไม่เห็นหน้าที่คุ้นเคย”

ฉันกำผ้าเช็ดมือไว้แน่นจนปลายนิ้วซีด

“ให้นั่งข้างเตียงเธอเหรอ?”

“แค่ไม่กี่นาทีจริง ๆ ค่ะ” เธอรีบเสริม

“ฉันแค่…กลัว…”

อีธานเดินเข้ามาพร้อมถุงขยะที่ผูกเสร็จ พอได้ยินประโยคสุดท้ายก็เกือบไม่ต้องคิด

“ได้ ฉันจะนั่งเป็นเพื่อนจนเธอหลับแล้วค่อยออกมา”

ฉันมองเขา

“คุณแน่ใจเหรอว่านั่นคือบทบาทของคุณ?”

เขาขมวดคิ้ว ความอดทนเริ่มบาง

“คุณมองไม่เห็นเหรอว่าเธอสภาพไหน? เคต การที่เธอจำคนผิดมันไม่ใช่ความผิดของเธอ—มันคือบาดแผล”

“ฉันรู้ว่าเธอเจ็บปวด” ฉันกดหน้าอกที่เต้นแรงจนแทบหายใจไม่ทัน

“แต่คุณคือสามีฉัน ไม่ใช่สามีของเธอ—”

“แน่นอนว่าฉันเป็นสามีของเธอ” เขาตัดบทฉันทันที เสียงเร็วขึ้นครึ่งจังหวะ

“แต่ฉันก็เป็นพี่น้องของลุคด้วย การดูแลเมียของเขา—ซึ่งก็เป็นน้องสาวบุญธรรมของฉันเรื่องนี้ ไม่มีให้ต่อรอง”

คำว่า “ไม่มีให้ต่อรอง” ติดอยู่ในลำคอฉันเหมือนก้อนแข็ง ๆ

ไอลีนยกมือปาดน้ำตา ดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง หรือเหมือนจะไม่เข้าใจอะไรเลย

“อย่าไวต่อเรื่องพวกนี้นักได้ไหม”เสียงของอีธานเย็นลงไปอีกขั้น

“ก็แค่นั่งเป็นเพื่อนจนเธอหลับ จะมีอะไรเกิดขึ้นได้ล่ะ? เธอเลิกคิดในทางแย่ ๆ หน่อยได้ไหม?”

ฉันยิ้มออกมา แต่มันไม่มีความอุ่นอยู่เลยแม้แต่นิด หน้าอกเหมือนถูกแผ่นน้ำแข็งดันไว้แน่นจนเจ็บ เขาถอนหายใจ เหมือนกำลังข่มความอดทนลงไป

“อย่าทำให้เรื่องยุ่งยากได้ไหม? เธอลำบากมากพอแล้ว”

อย่าทำให้เรื่องยุ่งยาก คนน่าสงสาร

สองคำนี้เหมือนตบหน้าฉันดังฉาด ฉันยืนอยู่ที่เดิม พูดอะไรไม่ออกเหมือนลิ้นแข็งเป็นน้ำแข็ง เขาหยิบเสื้อขนเป็ดจากราว แล้วคลุมให้ไอลีน ท่วงท่านั้นลื่นไหลจนเหมือนทำจนชิน

ทั้งสองเดินไปสุดทางเดิน ไอลีนเดินเฉียดแขนฉันไป ก่อนเอ่ยเสียงเบา

“ขอบคุณนะคะ เคต”

ฉันพยักหน้าสั้น ๆ แต่ไม่ตอบอะไร ไฟปลายทางเดินดึงเงาของพวกเขาให้ยาวออกจนเกือบซ้อนทับกัน ประตูห้องปิดลง บ้านกลับมาเงียบอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงลมหายใจของฉันเท่านั้น

ฉันยืนอยู่นานมาก เหมือนหูแนบไปกับประตูบานนั้น เวลาเดินไปทีละนิด ห้าทุ่ม… ห้าทุ่มครึ่ง…จากห้องรับรองดังออกมาเป็นเสียงสะอื้นที่ถูกกดไว้

“ลุค… อย่าไป”

ตามด้วยเสียงกระซิบต่ำ ๆ ของอีธาน

“ฉันอยู่ตรงนี้”

ฉันนั่งบนโซฟา มือถือสว่างแล้วก็ดับ พ่อส่งข้อความมาว่า

“ถึงบ้านหรือยัง?”

ฉันปิดหน้าต่างแชทไป ฉันพิมพ์คำว่า “ไม่เป็นไร” ไม่ได้ คำว่า “มีเรื่อง” ก็พิมพ์ไม่ออก

ฉันยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าในสายตาอีธาน เขาคิดว่านี่เป็น “เรื่อง” หรือเปล่า

ตีหนึ่ง ประตูเปิด อีธานเดินออกมาแล้วปิดประตูเบา ๆ เห็นว่าฉันยังไม่นอน เขาขมวดคิ้ว

“ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะ?”

ฉันไม่ตอบ แค่มองเขา เขาดูเหมือนเริ่มจะหงุดหงิด

“ฉันก็บอกแล้วว่าจะออกมาใช่ไหม? เคต อย่า…อย่าเอาเรื่องนี้มาโทษฉันได้ไหม ฉันเพิ่งลงจากเครื่อง เธออาการหนักกว่าเดิมอีกคืนนี้ สมองฉันมันยุ่งไปหมด”

“จากที่ฉันเห็น…คุณดูเหมือนจะ ‘พอใจ’ อยู่ไม่น้อยนะ” ฉันพูด

ความอดทนของเขาขาดผึง

“คุณพูดอะไรน่ะ? ฉันก็แค่โฟกัสกับคนที่ต้องการฉันที่สุด ไอลีนคือครอบครัว คุณอยากให้ฉันปล่อยเธอไว้กับคนแปลกหน้าหรือไง?”

“ไม่ ฉันอยากให้คุณมองฉัน”

ฉันชี้ที่หน้าอกตัวเอง

“มองดูภรรยาของคุณบ้าง—แล้วดูซิว่าในบ้านหลังนี้ ฉันอยู่ตรงไหนในสายตาของคุณ”

ในดวงตาเขามีไฟวาบขึ้นมา—แต่เขากลืนมันลงไป ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว ถอยไปก้าวหนึ่ง

“พอแล้ว ช่างมันเถอะ รอให้เธออาการคงที่ก่อน ค่อยคุย”

“ช่างมันเถอะ?”

คำนั้นพุ่งขึ้นมาเหมือนกดเข็มใส่ใจฉัน เจ็บจนอกแน่น

“รอให้เธอคงที่” เขาพูดจบ ก็ไม่ให้ฉันมีโอกาสตอบอะไรต่อ เดินตรงเข้าห้องน้ำไปทันที

เสียงน้ำดังครืน ๆ เหมือนมีใครเอาถังน้ำเย็นสาดลงบนหัวฉันทั้งใบ

ฉันเดินกลับไปที่เตียงอย่างคนเปิดโหมดอัตโนมัติ นอนจ้องเพดานนิ่ง ๆ

หลับตาลง หน้าอกแข็งและแน่นจนเจ็บ แต่สมองกลับชัดเจนกว่าที่เคย:ค่ำคืนนี้ทุกคำพูด ทุกสายตาที่เขาให้ เขาเลือกเธอต่อหน้าฉัน เขาบอกฉันว่า “อย่าทำให้เรื่องยุ่งยาก” เขาพูดว่า “เธอคือครอบครัว” ด้วยความมั่นใจไร้ข้อกังขา แต่ละคำเหมือนตะปูตอกลงมา…ตอกซ้ำแล้วปิดฝา

เสียงน้ำหยุดลง ประตูห้องน้ำเปิดออก เสียงฝีเท้านุ่ม เงียบ และคุ้นเคย เดินไปทางห้องรับรอง—คุ้นเคยจนฉันไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นใคร หัวใจฉันดิ่งลง ลมหายใจค้างอยู่ในลำคอ

ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ —เป็นของไอลีน

“ขอบคุณนะ ที่กลับมาอีกครั้ง ลุค—”เธอหยุดไปเสี้ยววินาที แล้วแก้คำ “อีธาน”

จากนั้นประตูสุดปลายทางเดินก็ “แกร๊ก” ปิดลงในความมืดเบา แต่เหมือนการประกาศบางอย่างอย่างชัดเจน

ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีลังเล เขาไปแล้ว

ในความมืด ดวงตาฉันลืมกว้างจนแสบ แล้วอยู่ดี ๆ ฉันก็เกือบหัวเราะออกมา หัวเราะเยาะความโง่ของตัวเอง หัวเราะกับระเบียบใหม่ของบ้านหลังนี้—

เธอเรียก เขาก็ไป

ฉันพูด เขาก็รำคาญ

มือถือสั่นอีกครั้ง พ่อส่งข้อความมา:

“ให้พ่อไปอยู่เป็นเพื่อนไหม?”

ฉันตัดสินใจแล้ว