ตอนที่ 2
เป็นเสียงของเพื่อนชายอีกคนในกลุ่ม ที่เห็นเหตุการณ์โดยตลอดเช่นกัน เอามือรุนหลังพจน์เบาๆ ให้ก้าวตามรินนรีออกไป
“ช่างเถอะ” พจน์ส่ายหน้า ทำทียักไหล่ว่าไม่สนใจ เขาไม่ชอบง้อใคร คิดว่าอีกสักครู่เมื่อหายโกรธ รินนรีอาจจะเดินกลับมาหาเขาเองเหมือนเช่นหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา
รินนรีก้าวยาวๆ ออกมาจากผับ เมื่อพ้นออกมาจากสภาพภายในห้องอับทึบและอึกทึก โลกภายนอกเปิดรับเธอด้วยกระแสลมเย็นเคล้ากลิ่นไอฝนลอยมากระทบปลายจมูก ข้างนอกดูน่ารื่นรมย์กว่าภายในผับเป็นไหนๆ แม้ว่าสายฝนที่กำลังพรมพรำ จะทำให้เธอรู้สึกลังเลเล็กน้อย ยืนนิ่งอยู่ในอาการชั่งใจเพียงครู่สั้นๆ ว่าควรจะก้าวพรวดพราดฝ่าเม็ดฝนออกไปในขณะนั้นดีหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เธอสาบานว่าจะไม่ยอมกลับเข้าไปเจอหน้าผู้ชายใจร้ายอย่างพจน์โดยเด็ดขาด
รินนรีหารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในผับเมื่อครู่ อยู่ในสายตาของผู้ชายแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งมาโดยตลอด เธอถูกจับตา และที่ร้ายไปกว่านั้น คนพวกนั้นกำลังก้าวตามเธอออกมา ทันกันพอดีที่ด้านนอกของประตูทางเข้า ตอนที่เธอกำลังตัดสินใจว่าจะฝ่าสายฝนออกไปเรียกแท็กซี่
หญิงสาวไม่ทันสังเกตว่าผู้ชายคนหนึ่งเดินตามหลังเธอมาติดๆ พวกที่เหลือถอยร่นไปหลบรอดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ ซุบซิบกันอยู่หลังเสาต้นใหญ่ที่ตระหง่านอยู่ระหว่างกรอบประตูทางเข้าผับ
“คุณ…” เสียงทุ้มกังวานของคนแปลกหน้า ดังขึ้นจากทางเบื้องหลังของเธอ
“คะ…” หญิงสาวสะบัดใบหน้าสวยไปตามเสียงเรียก ด้วยความประหลาดใจ เธอหรี่ตามองหน้าผู้ชายที่เรียกเธอ กระแสลมที่พัดแรง ทำให้เธอต้องยกนิ้วเรียวขึ้นเกลี่ยเส้นผมช่อหนึ่งที่ร่วงลงมาบดบังเสี้ยวหน้า
แสงไฟที่สาดลงมาจากเสาสูงข้างทาง ทำให้บริเวณนั้นสว่างพอจะมองเห็นดวงตาคมปลาบของเขาที่กำลังจ้องมองมาที่เธอ ใบหน้าที่เห็นบ่งบอกว่าเป็นฝรั่ง หรือไม่ก็เป็นหนุ่มเลือดผสม เขามีเค้าโครงร่างสูงใหญ่ ผึ่งผายเพราะช่วงไหล่กว้าง ดวงตาที่เห็นเป็นสีฟ้าจัด ดั้งโด่งเป็นสัน ยืนยันดึงความโด่งของดั้งดวยแสงไฟเหนือกรอบกระตูทางเข้าที่สาดเข้ามากระทบเสี้ยวหน้าด้านหนึ่ง ทำให้เงาของจมูกทาบทับลงมาถึงโหนกแก้มของเขา ไรหนวดเซ็กซี่สีคาราเมลเข้ม เรียงแนวเหนือริมฝีปากหยักลึก แนวคิ้วหนาโค้งนูนรับกับเบ้าตาและหน้าผากกว้างอย่างพอดิบพอดี
“อะแฮ่ม…” เขากระแอมเบาๆ จากนั้นก็เริ่มเปิดฉากสนทนาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มราวกับนักพากษ์
“เอ่อ…ถ้าคุณไม่รังเกียจ รถคุณจอดตรงไหนครับ ผมจะเดินไปส่งที่รถ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอื้อเฟื้อ อาสาอย่างมีน้ำใจ แต่หญิงสาวก็รู้สึกได้ว่าสายตาวามวาวของเขา กำลังมองเธออย่างหวังผล
“ฉันไม่มีรถค่ะ” คนถูกถามตอบไปตามตรง แม้เขาจะเป็นคนแปลกหน้า แต่ท่าทางกลับไม่ได้บ่งบอกถึงความเป็นคนร้าย การได้เห็นเขาใกล้ๆ ทำให้เธอไม่รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด เพราะถนนด้านหน้าผับยังคงขวักไขว่ไปด้วยรถราที่แล่นผ่านไปมาอยู่เป็นระยะ
“อ้าว!…หรอ” เขาทำท่าตกใจ ดวงตาเบิกกว้างอย่างสนใจใคร่รู้
หญิงสาวเริ่มสงสัย หากก็เดาได้ไม่ยาก ทั้งช่วงเวลาและสถานที่อาจทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอเป็นไก่หลง หรือที่ร้ายไปกว่านั้น เขาอาจจะกำลังคิดว่าเธอแกล้งออกมายืนเก้ๆ กังๆ เพื่ออ่อยเหยื่อ หรือไม่ก็โบกรถสักคันที่สนใจจะซื้อบริการก็เป็นได้
“แล้วคุณมายังไงครับ ?”
“มากับแฟนค่ะ แต่จะกลับก่อน กำลังจะออกไปเรียกแท๊กซี่อยู่พอดี”
อันที่จริงแทบไม่จำเป็นที่เธอจะต้องเสียเวลาสนทนากับคนแปลกหน้า แต่ก็ตอบออกไปตามตรง เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าถ้าบอกไปว่าเธอมีแฟน เขาอาจเปลี่ยนเป้าหมาย ถ้าเขาคิดจะประสงค์ร้ายใดๆ กับเธอ ทว่าหนุ่มหล่อยังไม่เลิกล้มความพยายามง่ายๆ
“ผู้ชายประเภทไหนกันนะ ที่ปล่อยให้ผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณออกมายืนเรียกแท็กซี่อยู่คนเดียว ใจร้ายชะมัด ถ้าผมเป็นแฟนคุณนะ รับรองว่าผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณกลับบ้านคนเดียวเป็นอันขาด” เขาตำหนิแฟนของเธออย่างเปิดเผย
“ขอตัวนะคะ” เธอรวบรัดตัดบทสนทนา เหมือนรู้ว่าไม่ควรเสียเวลาอีกต่อไป ผู้ชายแบบนี้อันตราย คารมเป็นต่อ รูปหล่อไม่เป็นรอง เดาได้ไม่ยากว่าเขาหวังอะไร? จากการเข้ามาตีสัมพันธ์กับเธอในลักษณะนี้
“เดี๋ยวครับ” เขาร้องเรียก พยายามเหนี่ยวรั้งเอาไว้ เมื่อเห็นเธอทำท่าว่าจะก้าวจากไป
“คะ…” คนถูกเรียกเหลียวกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง ด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเขายังไม่หยุดตื๊อ
“ถ้าไม่รังเกียจ อืม…ตรงๆ เลยละกัน ผมขออนุญาตไปส่งคุณได้ไหมครับ”
รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นตรงมุมปาก สายตาของเขาแทบไม่ละจากเรือนผมสีดำที่ล้อมกรอบใบหน้าสวยหวานของเธอเอาไว้
“ขอบคุณนะคะ…แต่ฉันกลับเองได้”