แค่เริ่มก็ล่มแล้ว 2
"..."
เฮ่ยเสี่ยวฉาง...ไอ้เจ้ายมทูตสมองมีปัญหา
เฮ่ยเสี่ยวอู่สะบัดมืออีกฝ่ายทิ้งก่อนจะถลึงตาดุดันใส่ พลางเอ่ยเสียงลอดไรฟันด้วยท่าทีคล้ายหมดความอดทน “เอา-วิญ-ญาณ-นาง-ต้น-ไม้-มา-ให้-ข้า”
“วิญญาณนั่นอยู่กับข้าที่ไหนกันเล่า” ยมทูตชุดขาวพลันแยกเขี้ยวยิงฟันตอบ ก่อนจะถามกลับอย่างหงุดหงิด “เจ้าเป็นคนรับนางไว้ได้ไม่ใช่หรือ”
เฮ่ยเสี่ยวอู่ฟังแล้วส่ายหน้าพรืด "ข้าโดนเจ้าขัดขวาง เมื่อครู่ยังไม่ทันได้แตะถูกนางเลย จะไปอยู่กับข้าได้อย่างไรเล่า โง่เง่า!" เขาถูกอีกฝ่ายขัดจังหวะจะไปรับเจ้าลูกเเสงนั่นได้ตอนไหน ช่างไม่รู้จักคิดเอาเสียเลย เฮ่ยเสี่ยวฉางผู้นี้
"ไม่ได้อยู่ที่ข้าเเละก็ไม่ได้อยู่ที่เจ้า เช่นนั้นเเล้วนางอยู่ที่ไหนกัน"
เฮ่ยเสี่ยวอู่พลันเกิดอาการปวดศีรษะอย่างกะทันหันขึ้นมาทันที สองยมทูตยืนจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ เจ้าก้อนเเสงนั่นต้องกระเด็นไปไหนต่อไหนแล้วเป็นแน่ พวกเขาพยายามสอดส่ายสายตามองหารอบด้าน จนในที่สุดก็เห็นเเสงสว่างเรื่อๆ ที่ตกอยู่บนพื้นเบื้องหน้าสะพานหินที่จะเชื่อมต่อไปยังอีกภพหนึ่งที่มนุษย์เรียกขานกันว่า ‘โลกอนาคต’ นั่นเอง
"ไม่นะ!"
สองยมทูตมองหน้ากันเเล้วต่างกรีดเสียงร้องตะโกน พลางพุ่งร่างไปยังบริเวณนั้นอย่างไม่คิดชีวิต ตี้จวินลงไปเกิดยังภพอดีต เกิดเจ้าวิญญาณกระบองเพชรนั่นข้ามสะพานไปภพอนาคต แล้วทั้งคู่จะมาพบเจอกันได้อย่างไร หากเป็นเช่นนั้นท่านเทพจอมวายร้ายต้องเล่นงานพวกเขาถึงตายแน่นอน โทษฐานที่เป็นสาเหตุทำให้อีกฝ่ายต้องเสียเวลาไปถึงชาติหนึ่ง
พลั่ก!
เพราะพุ่งเข้าไปอย่างกะทันหันพร้อมกัน เฮ่ยเสี่ยวฉางกับเฮ่ยเสี่ยวอู่จึงเกิดการปะทะกันกลางอากาศอีกครั้ง ยมทูตชุดดำกุมท้องที่ถูกศีรษะเพื่อนร่วมงานกระเเทกด้วยความจุก เวลานั้นเขาพลันลอบสบถสาบานกับตนเองในใจว่า สักวันจะต้องสังหารไอ้ยมทูตตรงหน้าให้ได้ ต้องวางเเผนฆ่าอีกฝ่ายทิ้งให้จงได้ คอยดูเถิด
ยังไม่ทันกล่าวคำก่นด่าออกจากปาก ก็เห็นเฮ่ยเสี่ยวฉางมองไปเบื้องหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง เฮ่ยเสี่ยวอู่รับรู้ได้ถึงเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ หันตามไปยังจุดที่อีกฝ่ายเบิกตามองค้างอยู่ แล้วก็มีอันต้องกรีดร้องในใจ
ภาพตรงหน้าพวกเขาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความคิด แต่ความเป็นจริงแล้วเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วอึดใจ เจ้าลูกเเสงกลมๆ นั่นตกอยู่บนพื้นทางข้ามสะพานเบื้องหน้านี่เอง และคงจะไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง ถ้าไม่บังเอิญมีวิญญาณไอ้เด็กนรกที่ไหนไม่รู้วิ่งถลาเข้ามา หลังจากนั้นก็ง้างเท้าเตะเปรี้ยงเข้าให้เต็มแรง
"..."
ต่อหน้าต่อตาสองยมทูตดินเเดนคนตาย วิญญาณกระบองเพชรน้อยคู่วาสนาของท่านเทพบรรพกาลผู้ยิ่งใหญ่ ถูกไอ้เด็กจากเเดนนรกเตะโด่งข้ามสะพานอนิจจังไปเกิดเป็นที่เรียบร้อย เเละที่สำคัญคือไม่รู้ว่าไปตกที่ใดเสียด้วย
“ไอ้เด็กชั่วร้าย เจ้าทำบ้าอะไรลงไป!” เฮ่ยเสี่ยวอู่เค้นเสียงตะคอกดุดัน
วิญญาณเด็กน้อยหันมามองอีกฝ่ายอย่างงุนงง ก่อนจะเเลบลิ้นปลิ้นตาให้เเล้ววิ่งหนีจากไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็มองไม่เห็นเเม้เเต่เงาด้านหลัง
"เสี่ยวอู่...พวกเราทำคู่วาสนาตี้จวินหายไปแล้วสินะ ต้องถูกเขาฆ่าตายเเน่ๆ โธ่...ข้ายังไม่ได้ใช้วันลาหยุดงานให้คุ้มค่าเลย ชีวิตช่างสั้นนัก ฮือ..."
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นข้างหูเเทบทำให้เฮ่ยเสี่ยวอู่เป็นบ้า เขาพยายามขบคิดหาวิธีรับมือกับปัญหาตรงหน้าจนเส้นเลือดข้างขมับปูดโปน โดยมีเฮ่ยเสี่ยวฉางยืนเเหกปากร่ำไห้เป็นกำลังใจอยู่ไม่ห่าง ยมทูตหนุ่มเหลือบมองสหายพลันคิดในใจ
‘ขอบใจนะ ช่วยได้มากเลยละ...’
"หุบปากเสี่ยวฉาง! เวลานี้สิ่งที่เราควรทำก็คือทำให้ตี้จวินลืมเรื่องราวเกี่ยวกับภพเทพให้สิ้น แล้วหาวิธีที่จะให้เขาเสียเวลาอยู่บนโลกมนุษย์นานที่สุด เพื่อซื้อเวลาระหว่างที่พวกเราไปตามหานางต้นไม้ผู้นั้น” เฮ่ยเสี่ยวอู่ตวาดพลางอธิบายเเผนการที่คิดได้ให้อีกฝ่ายฟัง
เฮ่ยเสี่ยวฉางพลันหยุดร้องไห้ หันมาถามน้ำเสียงลังเล "แล้วพวกเราจะใช้วิธีไหนดีล่ะ"
ใบหน้าคมดุในรูปลักษณ์บุรุษหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย เฮ่ยเสี่ยวอู่เม้มปากแน่น เสียงที่เปล่งออกมานั้นฟังดูแหบแห้งผสมความลังเลชัดเจน
"น้ำเเกงยายเมิ่ง!"
หลังจากนั้นเพียงเวลาไม่นาน สองยมทูตก็มาโผล่เบื้องหน้าร่างสูงเพรียวของเทพบรรพกาล เฮ่ยเสี่ยวฉางรีบเข้าไปเบียดยายเมิ่งที่กำลังนั่งตักน้ำแกง พลางกุลีกุจอตักน้ำใสๆ ใส่ชามให้อีกฝ่ายด้วยตนเอง ยายเมิ่งเงยหน้ามองการกระทำของยมทูตชุดขาวด้วยรอยยิ้มพิกล ทว่าไม่เอ่ยปากอันใด
มือเรียวดุจหยกสลักยกชามน้ำเเกงขึ้นดื่มช้าๆ รูปลักษณ์เเละกิริยาที่เห็นนั้นพิลาสล้ำสะกดทุกสายตา เมื่อดื่มจนหมดหลงเหลือเพียงชามเปล่า เจ้าตัวจึงยกอีกมือขึ้นปาดคราบน้ำบนริมฝีปากออก ทุกท่วงท่าที่เเสดงออกให้เห็นแสนธรรมดา ทว่ากลับไม่มีผู้ใดสามารถละสายตาจากภาพที่เห็นได้แม้แต่วินาทีเดียว
ช่างโดดเด่นหาใครเทียบเคียงในสามสิบเอ็ดภพภูมิได้ยากจริงๆ
เฮ่ยเสี่ยวอู่ส่ายหน้าไล่ความคิดในหัวเล็กน้อย รูปโฉมของตี้จวินไม่ต่างจากคำเล่าลือ เเต่พวกเขามีสิ่งสำคัญมากกว่านั้นที่ต้องทำ เท้าของยมทูตหนุ่มจึงเหยียบเรียกสติสหายร่วมงานทันที เฮ่ยเสี่ยวฉางพลันได้สติก็นึกถึงจุดประสงค์ขึ้นมา จึงรีบตักน้ำแกงในกระทะใส่ชามเพื่อให้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าดื่มเพิ่มอีกชาม
"หือ..."
เทพบรรพกาลเลิกคิ้วมองมาที่เฮ่ยเสี่ยวฉางอย่างแปลกใจ ยมทูตชุดขาวพลันสะดุ้งเฮือกรีบอธิบายอย่างที่เตี๊ยมกับสหายร่วมอาชีพเมื่อครู่ทันที
“คะ...คือว่า เพราะตี้จวินมีตบะเเก่กล้าพลังเทพสูงส่ง นะ...น้ำเเกงชามเดียวอาจปกปิดความจำภพเทพได้ไม่หมด…”
คิ้วเรียวดำสนิทได้รูปเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาต้องลงไปเกิดเป็นมนุษย์ เรื่องราวที่ยมทูตตรงหน้าพูดมาจึงเป็นสิ่งที่เพิ่งเคยได้ยินเช่นกัน ทว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เรื่องตบะพลังเทพอันใดนั่นก็มีเหตุผลอยู่ คิดได้ดังนั้นมือหยกจึงยกน้ำแกงชามที่สองขึ้นดื่มอย่างไม่อิดออด เนื่องด้วยต้องการจบด่านเคราะห์นี้ให้ได้เร็วที่สุด
ยายเมิ่งอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าท่านเทพดื่มน้ำแกงเยอะเกินกว่าที่กำหนด นางจึงรีบอ้าปากหมายกล่าวคำห้ามปรามทันที