บท
ตั้งค่า

แค่เริ่มก็ล่มแล้ว 1

เหยียนหลัวหวางก้าวเดินออกมาด้านนอกด้วยดวงตาแดงระเรื่อ สองมือโอบประคองก้อนเเสงกลมๆ อย่างทะนุถนอม หากรู้ล่วงหน้าว่าเจ้าเทพจอมอันธพาลนั่นจะมาเยือน เขาคงพาอิ๋งอิ๋งน้อยไปซ่อนให้ไกลแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียนางให้แก่อีกฝ่ายเช่นนี้

ยิ่งคิดผู้ปกครองแดนนรกภูมิยิ่งยากจะทำใจ และในขณะที่กำลังจมอยู่กับความโศกานั่นเอง บุคคลในชุดดำและขาวคู่หนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้ พร้อมเสียงทักทายแสดงความเคารพจากผู้มาใหม่

"คารวะเหยียนหลัวหวาง"

"เฮ่ยเสี่ยวอู่ เฮ่ยเสี่ยวฉาง" เหยียนหลัวหวางขานชื่อสองยมทูตตรงหน้า "พวกเจ้ามาก็ดีแล้ว จงนำนางไปเกิดใหม่ที่เดียวกับตี้จวินโดยเร็วเถิด ชักช้าไปเวลาบนโลกมนุษย์จะทำให้คลาดเคลื่อนกัน"

เห็นสีหน้าสองยมทูตมีความงุนงง เหยียนหลัวหวางพลันนึกขึ้นได้ว่าทั้งคู่เพิ่งมาถึงยังไม่รู้เรื่องราว จึงบอกเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ ก่อนจะตัดใจส่งลูกเเสงก้อนกลมในมือให้เฮ่ยเสี่ยวฉางรับไป จากนั้นพญายมราชจึงหมุนกายเดินกลับห้องทำงานตนเองทั้งน้ำตา เขาทำใจไปส่งนางด้วยตนเองไม่ได้จริงๆ

‘โธ่...อิ๋งอิ๋งน้อยของข้า’

เฮ่ยเสี่ยวอู่มองก้อนกลมที่สว่างเรื่อบนมือเฮ่ยเสี่ยวฉาง ก่อนจะมองหน้าสบตากันอย่างไร้คำพูดอยู่ครู่หนึ่ง บางทีเทพเจ้าบนสวรรค์ก็พิเรนทร์เสียยิ่งกว่ามนุษย์ ดูเอาเถอะ ขนาดเจ้ากระบองเพชรต้นไม้จากโลกมนุษย์ธรรมดาๆ ยังสามารถกลายมาเป็นคู่วาสนาของเทพบรรพกาลได้เลย เวรกรรม...

เวรกรรมของเจ้ากระบองเพชรต้นนี้น่ะนะ...

"พวกเรารีบไปกันเถอะ เวลาบนโลกมนุษย์นั้นเดินเร็วกว่าทางยมโลกมากนัก" เฮ่ยเสี่ยวอู่บอกสหายร่วมงาน รีบส่งไปเกิดให้ไวที่สุดจะดีกว่า เพราะยามนี้เจ้าลูกแสงกลมๆ ในมือพวกเขา ถือเป็นสิ่งเรียกหาภัยมาสู่ตัวได้อย่างดีเยี่ยม หากเกิดเหตุหรือมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาแล้วละก็ ตี้จวินผู้นั้นคงไม่ละเว้นพวกเขาทั้งสองเป็นแน่

สองยมทูตนำเจ้าก้อนแสงน้อยๆ ว่าที่คู่วาสนาของเทพบรรพกาลผู้ยิ่งใหญ่มายังด้านนอก บริเวณที่ต่อเเถวดื่มน้ำเเกงยายเมิ่ง พลางสอดส่ายสายตาหาสะพานที่ต้องการ

เท่าที่เหยียนหลัวหวางบอกกับพวกเขา ตามบทเเล้วตี้จวินจะลงไปเกิดเป็นคุณชายน้อยตระกูลคหบดีใหญ่ ด้วยความร่ำรวยเป็นเหตุทำให้ถูกปล้นฆ่ายกตระกูล ทว่าโชคดีที่ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธ์ผ่านไปพบ และได้ช่วยเหลือพร้อมรับคุณชายเป็นศิษย์ของตนเอง เมื่อเติบใหญ่เขาฝึกวิชาสำเร็จจึงออกเดินทางตามหาศัตรูที่ฆ่าล้างสกุลตนเพื่อแก้แค้น

ส่วนวิญญาณกระบองเพชรน้อยจะถูกส่งไปเกิดเป็นบุตรสาวของตัวการใหญ่ ทั้งสองคนพบหน้าและตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบโดยที่ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เมื่อความรักล้ำลึกจนยากจะตัดใจ ความจริงกลับปรากฏขึ้นบีบคั้น บิดาของอีกฝ่ายคือศัตรูที่ต้องชำระแค้นให้ได้ ทว่าผู้ที่ขวางหน้าศัตรูอยู่นั้นคือสตรีที่เขารักสุดชีวิต

ทางด้านหญิงสาวเองก็จนใจไม่น้อย เพราะไม่อาจปล่อยให้คนรักสังหารผู้ให้กำเนิด นางจึงจำต้องขวางทางดาบชายหนุ่มทั้งน้ำตา แต่เมื่ออาวุธถูกฟาดฟันออกไปแล้วย่อมไม่อาจรั้งกลับคืน และเมื่อนางสิ้นชีพลงเขาก็จมอยู่กับความรักที่ไม่สมหวังไปตลอดชีวิต

‘อืม...บทละครคราวนี้ซื่อมิ่งเขียนได้ดียิ่งนัก อย่างน้อยก็ดีกว่าคราวเหยียนหลัวหวางที่ถูกวางบทให้เป็นขันทีแอบหลงรักผู้เป็นนาย โดยไท่จื่อที่เขาหลงรักก็คือองค์เง็กเซียนที่ลงมาเผชิญด่านเคราะห์พร้อมกันนั่นเอง’

แน่นอนว่าสิ่งที่เฮ่ยเสี่ยวอู่กับเฮ่ยเสี่ยวฉางไม่รู้ก็คือ เทพชะตาซื่อมิ่งผู้น่าสงสารนั้นต้องถูกกระชากคอบังคับให้เขียนอยู่สามราตรีเต็มๆ เพื่อที่จะให้ได้บทละครเรียบง่ายและตรงใจท่านเทพจอมวายร้าย...

เฮ่ยเสี่ยวฉางยืนนิ่งต่อเเถวสะพานอนิจจังเพื่อรอที่จะนำเจ้าก้อนแสงในมือไปส่ง ส่วนเฮ่ยเสี่ยวอู่นั้นยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อนร่วมงานคอยสังเกตรอบด้านอย่างไม่ไว้ใจ เพราะอะไรกันนะ ทำไมวันนี้เขาถึงมีความรู้สึกว่าหางตามันกระตุกแปลกๆ ชอบกล

เวลาผ่านไปสักพักใหญ่แถวก็เคลื่อนมาจนถึงเฮ่ยเสี่ยวอู่ ยมทูตชุดดำยื่นมือมารับลูกแสงจากมือคนข้างหลัง เฮ่ยเสี่ยวฉางเองก็กำลังจะส่งวิญญาณดวงสำคัญให้เพื่อนร่วมงาน ทว่าฉับพลันนั้นกลับมีแรงกระเเทกจากด้านหลังมาชนถูกเขาอย่างแรง

"เหวอ..."

เสียงร้องอุทานตกใจดังขึ้น พร้อมกับร่างในรูปลักษณ์ชราของเฮ่ยเสี่ยวฉางเซถลาไปด้านหน้า เจ้าก้อนเเสงที่ถืออยู่ในมือก็กระเด็นไกลไปในอากาศ พุ่งไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับสะพานที่พวกเขาต้องส่งเจ้าวิญญาณไร้ลักษณ์นี่ข้ามไป ทั้งคู่เงยใบหน้าขึ้นมองตามสิ่งที่กระเด็นลอยไปกลางอากาศดวงตาไม่กะพริบ ถ้าหากทำคู่วาสนาตี้จวินผู้ชั่วร้ายนั่นสูญหาย พวกเขาต้องถูกเทพจอมอันธพาลนั่นทุบตีจนตายเป็นแน่!

เฮ่ยเสี่ยวฉางเเละเฮ่ยเสี่ยวอู่ต่างคิดตรงกันในใจโดยไม่ต้องนัดหมาย ดังนั้นร่างหนึ่งขาวหนึ่งดำจึงกระโดดตัวลอยเข้าหาเจ้าลูกแสงกลางอากาศทันที โดยเฉพาะเฮ่ยเสี่ยวอู่นั้นแทบไม่ได้มองดูเพื่อนร่วมงานแม้แต่น้อย เขาลอยตัวยื่นมือเพื่อคว้าเจ้าก้อนแสงที่อยู่ตรงหน้า พลางแสดงท่าทางโล่งอกโล่งใจเมื่อเห็นว่าของสำคัญยังอยู่ดี ทว่า...

โป๊ก!

ตุ้บ!

เฮ่ยเสี่ยวฉางที่กระโดดตามมาติดๆ พลันพุ่งร่างเอาหัวโหม่งใส่เพื่อนร่วมงานอย่างหยุดไม่อยู่ ก่อนจะพากันร่วงหงายหลังก้นกระเเทกพื้น เจ็บจนหน้าตาเหยเก

"เฮ่ยเสี่ยวฉาง ไอ้เจ้ายมทูตเซ่อซ่า นี่เจ้าไม่มีตาหรืออย่างไรกัน!"

เฮ่ยเสี่ยวอู่ร้องตวาดด่าอีกคนอย่างเหลืออด หลังจากถูกสหายกระโดดเอาหัวพุ่งปะทะกลางอากาศ จนร่วงหล่นก้นกระแทกพื้น นอนแอ้งแม้งหมดสภาพ ท่ามกลางสายตาของเหล่าวิญญาณในบริเวณนั้น

ในขณะเดียวกันเฮ่ยเสี่ยวฉางเองก็ร้องโอดโอย เจ้าตัวพยายามลุกจากพื้นด้วยท่าทีทุลักทุเล ก่อนจะปัดเศษดินออกจากก้นน้อยๆ ของตนเอง พลางบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่เบานัก

"ก็ข้าเป็นห่วงวิญญาณกระบองเพชรน้อยนี่นา เจ้านั่นแหละ รู้ว่าข้าจะพุ่งมาเหตุใดจึงไม่หลบกันเล่า"

เฮ่ยเสี่ยวอู่ฟังแล้วถลึงดวงตาโปนแทบหลุดออกจากเบ้า เจ้าเพื่อนร่วมงานที่เเสนโง่เง่าเกินบรรยายนี่ เขาถูกอีกฝ่ายชนจากด้านหลังจะไปมองเห็นได้อย่างไร ที่สำคัญอีกฝ่ายยังคิดจะให้ผู้ถูกชนเป็นคนหลบอีกอย่างนั้นหรือ ไอ้เจ้ายมทูตไร้หัวคิดเอ๊ย ต้องถูกจับให้เป็นคู่หูกับยมทูตไร้สมองเช่นนี้ช่างเป็นอะไรที่โชคร้ายจนเปรียบไม่ได้เลยทีเดียว

"เอามา!"

เมื่อเห็นว่าพูดไปอย่างไรก็ไม่ชนะเป็นแน่ เฮ่ยเสี่ยวอู่จึงกัดฟันไม่โต้ตอบอีกฝ่าย พลางยื่นมือออกมาข้างหน้าด้วยท่าทีบ่งบอกถึงความมีโทสะ

“ขอบใจมากนะ…เสี่ยวอู่” เฮ่ยเสี่ยวฉางจับมือที่ยื่นมาดึงตนเองลุกพลางเอ่ยอย่างซาบซึ้ง ถึงแม้ว่าจะปากร้ายหน้าตาไม่รับแขกตลอดเวลา แต่เสี่ยวอู่ก็ยังมีน้ำใจกับเขาเสมอ ในใจยมทูตชุดขาวพลันรู้สึกตื้นตันจนต้องบีบกระชับมืออีกฝ่ายเเรงๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel