Chapter 4 ทารกต้องคำสาป
Chapter 4 ทารกต้องคำสาป
เสียงร้องไห้ประหนึ่งว่ากำลังจะขาดใจตายลงเสียทุกชั่วขณะทำให้องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าอย่างหมดปัญญาที่จะแก้ไขเรื่องราวยุ่งเหยิงตรงหน้า
“องค์เทียนจวินได้โปรดเมตตาลูกหม่อมฉันด้วยเพคะ ลูกของหม่อมฉันควรได้ลืมตาขึ้นมาบนผืนพิภพหาใช่ต้องมาตายตั้งแต่ยังไม่ทันฟักตัวออกจากไข่เช่นนี้ ได้โปรดเถิดเพคะ ได้โปรดเมตตาเด็กคนนี้ด้วยเถอะ”
กั่วหลงสะอึกสะอื้นจนตัวโยน ไหล่บางสั่นเทิ้มคล้ายจะเป็นลมล้มลงทุกชั่วขณะ ผู้เป็นสามีรีบขยับเข้าไปประคองนางเอาไว้ก่อนจะมองไปยังผู้ปกครองสวรรค์อย่างขอความเมตตา
“ขอฝ่าบาทโปรดเมตตา”
“ใช่ว่าข้าจะใจดำปล่อยให้เด็กทารกที่ยังไม่ได้ฟักตัวต้องตาย แต่ข้าเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ ข้าเรียนเชิญมหาเทพทั้งห้าท่านมาช่วยแก้คำสาปให้บุตรสาวของพวกเจ้า แต่ก็ไร้ผล เชิญหมอที่เก่งกาจทั่วทั้งพิภพเทพเซียน พิภพปีศาจ หรือแม้แต่พิภพมนุษย์ก็ไม่มีผู้ใดลบล้างคำสาปของมหาเทพยวี่เหอได้”
องค์เทียนจวินยื่นมือข้างหนึ่งออกไปเบื้องหน้าก่อนจะชักกลับพร้อมกับถอนหายใจพรืดใหญ่ สีหน้ากลัดกลุ้มหงุดหงิดที่ไม่อาจควบคุมจัดการทุกสิ่งได้ดังที่ใจปรารถนา
ในสามพิภพนี้มีมหาเทพอยู่ทั้งหมดเก้าท่าน ห้าท่านเป็นมหาเทพที่เกิดจากการบำเพ็ญเพียรตบะอย่างแรงกล้าจนสามารถผ่านอสนีบาตแห่งห้วงจักรวาลขึ้นเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งในห้ามหาเทพนี้แบ่งออกเป็นเผ่าเทพสี่ท่านและเผ่าปีศาจหนึ่งท่าน
ส่วนมหาเทพอีกสี่ท่านนั้นอย่างที่รู้จักกันทั่ว คือมหาเทพที่ถือกำเนิดขึ้นในตำแหน่งมหาเทพโดยกำเนิด เกิดจากการที่ท่านเทพเหยียนเมิ่งซึ่งเป็นเทพแห่งความปรารถนาเข้าสู่ห้วงนิพพานด้วยการละอารมณ์ทั้งเจ็ดตัดขาดกามคุณทั้งหก แสงจากนิพพานก่อกำเนิดมหาเทพที่มีฤทธานุภาพยากที่ใครจะทัดเทียม
“ข้าว่าเจ้าควรไปขอความช่วยเหลือจากมหาเทพยวี่เหอ วางทิฐิลงทั้งหมดแล้วขอโทษมหาเทพยวี่เหอจากใจจริง อาจทำให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี”
เทียนโห่วผู้เป็นพระมเหสีขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้เอ่ยขึ้น นางเป็นสตรีย่อมรู้ดีว่าบุตรเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ การต้องมาสูญเสียบุตรทั้งที่เป็นความผิดของตนนั้นจะทำให้เกิดตราบาปฝังตรึงอยู่ในใจไม่อาจลบเลือน
“หม่อมฉันไปหามหาเทพยวี่เหอที่ตำหนักเซี่ยเทียนแล้วเพคะ แต่ไม่พบท่านมหาเทพแม้เงา หม่อมฉันจนปัญญาเหลือเกิน”
“พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่ามหาเทพยวี่เหอสาปไว้เช่นไร คำสาปนั้นมีนัยว่าไม่มีผู้ใดลบล้างคำสาปได้แม้แต่ตัวผู้สาปเอง เจ้าลืมไปแล้วหรือ”
“นั่นสิเพคะ”
เทียนโห่วถึงกับนิ่งอึ้งด้วยความสะเทือนใจเมื่อผู้เป็นพระสวามีชี้ให้เห็นจุดที่ยากจะแก้ไข เวลานี้ราวกับประตูแห่งการมีชีวิตของเด็กน้อยปิดสนิทลงทุกบาน หนทางช่างมืดมนอับแสง
ดั่งว่าเวลาของเด็กน้อยใกล้สูญสิ้นลงทุกชั่วขณะ
“ละ...ลูกแม่! ไม่นะ! ลูกแม่!”
นางพญาหงส์ขาวปล่อยโฮออกมาเมื่อเห็นว่าไข่ใบใหญ่ในอ้อมกอดเริ่มเปลี่ยนจากสีแดงซีดกลายเป็นสีคล้ำเขียวคล้ายไข่เน่าเต็มที เหล่าเทพเซียนในท้องพระโรงต่างแตกฮือเซ็งแซ่เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจเช่นนี้
“เราคงต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อาจปล่อยให้เด็กบริสุทธิ์ต้องตายโดยที่เราทำได้แค่เพียงเฝ้ามอง”
ต่างช่วยกันร่ายพลังลงบนไข่หงส์อย่างสุดกำลัง ทว่าไข่หงส์กลับไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นเลยมิหนำซ้ำสียังเริ่มคล้ำขึ้นไม่หยุด ชี้ชัดว่าไข่ใบนี้ไม่อาจผ่านพ้นราตรีนี้ไปได้อย่างแน่นอน องค์เทียนจวินเองก็ไม่อาจนิ่งเฉย ลงจากบัลลังก์แล้วแผ่พลังรักษาแห่งเทพประมุขโอบล้อมไข่หงส์เอาไว้
เหมือนจะได้ผล...
ไข่หงส์มิได้มีสีคล้ำลง แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้น ราวกับว่าพลังทั้งหมดที่ถาโถมไปสามารถประวิงเวลาได้เพียงเสี้ยวลมหายใจเท่านั้นเอง
“เป็นเช่นนี้เองสินะ”
ทันทีที่น้ำเสียงหวานดังขึ้น เหล่าเทพเซียนหันไปตามเสียงก้องกังวานก่อนจะโค้งคำนับผู้มาเยือนอย่างพร้อมเพรียง
“คารวะมหาเทพเยี่ยนหง”
มหาเทพเยี่ยนหงพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันไปทำความเคารพองค์เง็กเซียนฮ่องเต้และพระมเหสี จากนั้นจึงปราดไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้ากั่วหลง ยื่นมือวางเหนือไข่แล้วหลับตาลงนิ่งนาน
“มอบเด็กคนนี้ให้แก่ข้า”
“อะ...อะไรนะเจ้าคะ”
กั่วหลงร้องถามด้วยน้ำเสียงละล่ำละลักด้วยความไม่เข้าใจ
“หนทางเดียวที่จะทำให้เด็กคนนี้รอดคือต้องยกนางให้กับข้า เจ้ากับเด็กคนนี้ตัดขาดจากกันโดยสิ้นเชิง นับจากนี้นางจะเป็นบุตรบุญธรรมของข้านามว่า ‘เพ่ยหนิง’ ข้าจะเลี้ยงดูนางเอง”
“ตะ...แต่ว่า”
นางพญาหงส์ยังคงอึกอักไม่เข้าใจ ถึงอย่างนั้นนางก็ต้องตัดใจส่งมอบไข่หงส์ให้กับมหาเทพเยี่ยนหงด้วยรู้ดีว่านี่เป็นหนทางสุดท้ายที่นางมี
“เจ้าคิดจะทำอันใดหรือ”
องค์เทียนจวินอดไม่ได้จึงต้องเอ่ยปากถาม เขาและทุกคนในท้องพระโรงต่างงุนงงไม่แพ้กัน
“ข้าจะทำเช่นนี้เจ้าค่ะ”
พูดพลางร่ายเวทโอบรัดเปลือกไข่เอาไว้ พลันไข่หงส์ที่ซีดเซียวเขียวคล้ำก็กลายเป็นไข่สีทองแวววาว แต่หากใช้พลังจักษุเพ่งมองก็จะเห็นว่าด้านในยังคงเป็นไข่หงส์ที่เวลาชีวิตกำลังนับถอยหลังลงทุกชั่วขณะ
“ข้าจะเคลือบไข่ใบนี้ไว้ให้ดูเหมือนไข่เต่ายักษ์ จากนั้นจึงจะแสร้งทำเป็นว่าข้าเพิ่งได้ไข่นำโชคใบนี้มา จึงคิดอยากมอบให้ยวี่เหอ เมื่อไข่ใบนี้ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา พิษรักแรงสาปแช่งก็จะคลายตัวลง ขอเพียงให้นางมีชีวิต ได้ต่อลมหายใจ”
“หากยังไม่สามารถแก้คำสาปได้ ก็จำต้องวิ่งเข้าหาคำสาปสินะ”
เทียนโฮ่วเอ่ยขึ้น ใบหน้าที่เครียดขึงพลันมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นจางๆ มองมหาเทพเยี่ยนหงอย่างชื่นชม สมแล้วที่เป็นมหาเทพหญิงที่แสนซุกซน ชอบเล่นสนุกไปทั่ว จึงได้คิดแผนการเอาตัวรอดได้อย่างว่องไว
“ถูกต้องแล้ว เมื่อทารกหงส์ตนนี้กะเทาะเปลือกออกมาข้าก็จะเลี้ยงนางในฐานะบุตรบุญธรรม รอนางเติบใหญ่มีปราณชีวิตที่แก่กล้า ระหว่างนี้คงต้องขอให้บิดามารดาที่แท้จริงของนางคิดหาวิธีคลายคำสาปให้เร็วที่สุด เพราะถ้ายวี่เหอรู้ว่าทารกนี่เป็นบุตรของผู้ใด เขาคงโกรธจนตำหนักลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน และข้าเองคงไม่อาจช่วยเหลือพวกเจ้าได้อีก”
“มหาเทพเยี่ยนหงช่างเมตตา ข้าน้อยจะไม่ลืมบุญคุณยิ่งใหญ่ในครั้งนี้”
สองสามีภรรยารีบโค้งคำนับมหาเทพเยี่ยนหงทั้งน้ำตา ทว่ามหาเทพสาวสูงศักดิ์ไม่อารัมภบทให้มากความ ปัดมือแล้วหายไปจากท้องพระโรงพร้อมกับไข่หงส์ที่บัดนี้กลายเป็นไข่เต่าในทันที