Chapter 2 สาปแช่ง
Chapter 2 สาปแช่ง
พลันเกิดลมพัดแรงหมุนวนไปทั่วลานห้วงแห่งจันทรา แสดงถึงความกรุ่นโกรธของมหาเทพยวี่เหอที่แม้แต่สายลมก็ยังรับรู้ถึงแรงโทสะที่พลุ่งพล่าน เหล่าเซียนชั้นผู้น้อยจำต้องกุมมือเกาะเกี่ยวกันไว้ไม่ให้ปลิวไปกับสายลม บ้างก็กอดเสาหินสีดำตระหง่านที่มีอยู่มากมายบนลานห้วงแห่งจันทรา
“ฮะ...ไฮ่หมิง”
นางพญาหงส์ขาวไม่ได้ผละออกจากอ้อมกอดของคนรักเก่า มิหนำซ้ำใบหน้าของนางยังเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง ซึ่งการแสดงสีหน้าทุกอากัปกิริยาล้วนอยู่ในสายตาของมหาเทพยวี่เหอทั้งสิ้น
“อาหลงโปรดจงฟังข้า ในวันนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งสิ้น ข้าไม่เคยปันใจมีหญิงอื่น แต่เพราะข้าต้องผ่านด่านเคราะห์รักจึงต้องสูญเสียเจ้าไปและไม่อาจปรับความเข้าใจ แต่เชื่อเถอะว่าภายในใจของข้ามีเพียงเจ้าเรื่อยมา เจ้าเป็นสตรีเพียงนางเดียวที่ข้าจะรักตลอดไป”
เปรี้ยง!
“สามหาว!”
เสียงกัมปนาทผสานไปกับเสียงสายฟ้าฟาดลงยังลานห้วงแห่งจันทราดังสนั่น มหาเทพยวี่เหอรวบร่างเจ้าสาวกลับคืนมาแล้วโอบกอดไว้อย่างหวงแหน
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าบุกรุกงานแต่งงานของข้ามีโทษหนักสถานใด”
“ผู้น้อยรู้! แต่ผู้น้อยต้องมาเพื่อบอกความจริงแก่อาหลงว่าผู้น้อยรักนางมากเพียงใด และบอกความจริงแก่ท่านมหาเทพว่านางไม่เคยรักท่านเลย นางแต่งงานกับท่านก็เพื่อประชดรักที่มีต่อผู้น้อยเท่านั้น”
“บังอาจ!”
เปรี้ยง!
ความกรุ่นโกรธของมหาเทพทำให้สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงอีกครั้ง ครานี้สายฟ้าฟาดลงที่เสาจันทราทางทิศตะวันตกจนแตกกระจาย เศษหินกระเด็นไปทั่วจนเหล่าเซียนต้องยกแขนเสื้อขึ้นปิดบังใบหน้าเอาไว้
เทพเย่ว์เซี่ยเหล่าเหรินยืนมองเหตุการณ์เบื้องหน้าแล้วถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองเห็นเค้าลางแห่งความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้
ผู้ที่ไม่ใช่คู่บุพเพอย่างไรก็ไม่อาจฝืนลิขิต จำต้องมีเหตุให้พลัดพรากมิอาจครองคู่ ว่าแต่เหตุใดนางพญาหงส์ขาวตนนั้นจึงมีด้ายแดงอีกเส้นที่ท้องเล่า!
เทพแห่งความรักขมวดคิ้วมุ่นอย่างคิดไม่ตก พลางถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาทำหน้าที่ผูกชะตารักของเหล่าเซียนและมนุษย์มากว่าหลายแสนปี ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเกิดความผิดพลาดที่แปลกประหลาดเช่นนี้
ความโกรธของมหาเทพยวี่เหอแผ่ไอร้อนออกมาทั่วบริเวณลานห้วงจันทราส่งผลให้เหล่าเทพเซียนที่มาร่วมงานมงคลต่างรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้มหาเทพผู้มีจิตใจเยือกเย็นประดุจน้ำแข็งกรุ่นโกรธจนเผลอควบคุมธาตุทั้งสี่โดยไม่รู้ตัวเช่นนี้
“กั่วหลงพูดความจริงกับข้ามา!”
เวลานี้ไม่มีคำเรียกแสนหวานว่า ‘น้องหญิง’ แต่กลับเรียกชื่อหญิงคนรักอย่างห่างเหิน ดวงตาคมกร้าวทอประกายความปวดร้าว หวังได้ยินคำโกหกมากกว่าความจริง
“ขะ...ข้า”
“สิ่งที่เสินจวินผู้นี้พูด เป็นความจริงงั้นหรือ”
มหาเทพถามย้ำ แม้คำตอบจะชี้ชัดจากท่าทางอึกอักราวกับน้ำท่วมปากของนางพญาหงส์ผู้เป็นว่าที่เจ้าสาวก็ตามที ยิ่งนางไม่พูดหัวใจของเขาก็ยิ่งเจ็บปวดราวกับถูกกดทับด้วยหินผา
อ้อมกอดที่โอบกระชับอย่างหวงแหนค่อยๆ คลายออก มหาเทพก้าวถอยหลังห่างจากหญิงคนรักไปหลายก้าวคล้ายกับว่าไม่อาจทนใกล้ชิดนางแม้เพียงเสี้ยวลมหายใจ
กั่วหลงเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง มือข้างหนึ่งเผลอยกขึ้นมากุมท้องของตนเองเอาไว้
เปล่าเลย... นางไม่ได้ตัดสินใจแต่งงานกับมหาเทพเพราะต้องการประชดรัก แต่นางแต่งงานกับมหาเทพเพราะต้องการให้ลูกในท้องของนางมีพ่อต่างหากเล่า
ทว่าเรื่องนี้ไม่อาจพูดออกไปเพราะรังแต่จะเสื่อมเสีย เพียงเท่านี้เผ่าหงส์ก็ด่างพร้อยเพราะนางมากพอแล้ว นางเป็นเจ้าหญิงหงส์ที่จะต้องขึ้นสืบทอดตำแหน่งประมุขของเผ่าหงส์คนต่อไป แต่กลับทำเรื่องเลวร้ายราวหญิงไร้ยางอายต่อหน้าเหล่าเทพเซียนนับพัน
“ท่านมหาเทพข้าขอโทษเจ้าค่ะ ข้าทำผิดกับท่านมากนัก ข้าละอายเกินกว่าจะแต่งงานกับท่านได้ ขอให้งานแต่งงานนี้เป็นโมฆะเสียเถอะเจ้าค่ะ”
ซ่างเซียนพญาหงส์ทรุดกายลงคุกเข่า ใบหน้าของนางแดงก่ำอาบไปด้วยหยาดน้ำตาไหลเป็นสาย หงส์หนุ่มเห็นเช่นนั้นก็รีบคุกเข่าข้างกายนางแล้วโค้งคำนับมหาเทพอย่างขอความเมตตา
“ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าผู้น้อย นางไม่เกี่ยวข้อง หากไม่ใช่เพราะ...”
“หุบปาก!”
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดลงอีกครั้งครานี้เสาจันทราทางทิศเหนือถึงกับแหลกละเอียด องค์เทียนจวินซึ่งเข้าร่วมพิธีและเป็นแขกคนสำคัญในครั้งนี้ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ เดาได้เลยว่าลานห้วงแห่งจันทราที่แสนศักดิ์สิทธิ์คงพินาศย่อยยับไม่มีชิ้นดี
“ได้โปรดเมตตา ข้าผิดเองเจ้าค่ะ ข้าผิดเองทั้งหมดไม่ใช่เขา”
“ข้าผู้น้อยต่างหากที่ผิดไม่ใช่นาง”
ทั้งสองต่างรับผิดแทนกันและกัน เป็นความรักที่หวานชื่นบนความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของมหาเทพที่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับหลักศิลา
“กั่วหลงเจ้าเห็นข้าเป็นสิ่งใดกัน เจ้าเห็นหัวใจของข้าเป็นถังให้เจ้าถ่มถุยน้ำลายงั้นหรือ เจ้ากลับมาหาข้า ทำดีจนข้าใจอ่อน อีกทั้งยังปั้นเรื่องโกหกข้าว่าเพิ่งรู้ใจตนเอง ตลอดเวลากว่าหมื่นปีที่หมั้นหมายความจริงแล้วเจ้ารักเพียงข้า คำพูดเหล่านี้เจ้าโป้ปดเพียงเพื่อใช้ข้าเป็นหมากในการเรียกร้องความสนใจจากคนรักของเจ้างั้นหรือ”
น้ำเสียงเย็นยะเยียบเอื้อนเอ่ย พลันท้องฟ้าที่เคยสว่างไสวกลับดำมืด แสงอาทิตย์เร้นหายลาลับ มีเพียงเมฆสีดำทะมึน
มหาเทพผู้งดงามในชุดเจ้าบ่าวสีแดงกางแขนข้างหนึ่งออก ทันใดนั้นกระบี่คู่กายก็แหวกอากาศมาอย่างรวดเร็ว เขาคว้ากระบี่เอาไว้แล้วชูปลายกระบี่ขึ้นไปยังท้องฟ้า แสงอสนีบาตแปลบปลาบพุ่งลงมายังปลายกระบี่
หงส์หนุ่มรีบโอบกอดหญิงคนรักไว้ หมายจะใช้ร่างของตนรับแรงโกรธาจากมหาเทพ
“ข้าขอสาปแช่งเจ้า! จงหลงรัก! จงหลงใหล! จงคลั่งไคล้ในตัวข้า!”
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
สายฟ้านับพันสายพุ่งลงจากท้องฟ้าสู่ปลายดาบสีนิล มหาเทพปักดาบลงที่พื้นจนแผ่นดินสะเทือนเลือนลั่น สายฟ้าแล่นจากปลายดาบไปยังผืนดินที่แตกแยก พุ่งตรงสู่นางพญาหงส์อย่างรวดเร็ว
นางพญาหงส์เพลิงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อคำสาปของมหาเทพกรีดเนื้อหนังของนางจนเป็นริ้วแดง เลือดไหลอาบกาย สลบไสลอยู่ในอ้อมกอดของศิษย์ผู้น้องผู้เป็นที่รัก
“เจ้าจะไม่รักชายใดนอกจากข้า ใจเจ้าจะคะนึงหาเพียงข้า เจ้าจะต้องทุกข์ทรมานด้วยความคิดถึงราวกับตายทั้งเป็นเพียงเพราะไม่เห็นหน้าข้า อย่าหวังว่าเจ้าจะได้ครองรักกับมันตามที่ใจเจ้าปรารถนา ไม่มีวัน!”
ทันใดนั้นมหาเทพยวี่เหอก็เร้นกายหายไปจากผู้คนทันที
“ยวี่เหอรอก่อน!”
มหาเทพซิวฝาน มหาเทพเหวินเทา มหาเทพเยี่ยนหง สามมหาเทพเอ่ยเรียกมหาเทพผู้พี่พร้อมกัน ก่อนจะรีบวาดแขนข้างหนึ่งแล้วหายตัวตามมหาเทพยวี่เหอไปอย่างรวดเร็ว
“ยะ...แย่แล้ว”
เทพชราผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น เดินไปหยุดยืนมองบาดแผลจากคำสาปแช่งตามเรือนร่างของนางพญาหงส์ขาวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“แสนกว่าปีมานี้มหาเทพไม่เคยสาปแช่งผู้ใด คำสาปแช่งของท่านทรงอานุภาพยิ่งนักเพราะท่านคือโอรสแห่งเทพปรารถนาผู้สามารถดลบันดาลได้ทุกสิ่งในจักรวาล เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วดูท่าว่าแม่นางพญาหงส์คงมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน นางต้องตายเพราะไม่อาจพานพบท่านมหาเทพอีกครา พิษรักจะกัดกินหัวใจและแก่นวิญญาณของนางจนดับสูญ”
“ให้ตายสิมีคำสาปแช่งแบบนี้ด้วยหรือนี่...”
“ช่างน่ากลัวเหลือเกิน”
“ชั่วชีวิตของข้าไม่เคยเห็นท่านมหาเทพยวี่เหอโกรธาเช่นนี้มาก่อนเลย”
เสียงรำพึงด้วยความวิตกเซ็งแซ่ เหล่าเทพเซียนต่างจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ในขณะที่ไฮ่หมิงเสินจวินกอดหญิงคนรักเอาไว้แนบอกด้วยหัวใจที่ราวกับถูกฉีกทึ้งออกเป็นเสี่ยงๆ
“มะ...ไม่นะ! อาหลงข้าจะไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะไม่ยอม!”
ไฮ่หมิงรีบอุ้มหญิงคนรักกลับเผ่าหงส์เพื่อเร่งรักษาตัว ในขณะที่งานมงคลสมรสกลายเป็นวันอัปมงคลไปเสียแล้ว
ทางด้านเทพเย่ว์เซี่ยเหล่าเหรินนั้นกำลังยืนเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมเต็มหน้าผากด้วยใบหน้าปั้นยาก
“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นลิขิตจากสวรรค์ จากนี้ชะตารักคงวุ่นวายพันพัว ข้าขอหลบเร้นหนีไปอยู่บนโลกมนุษย์สักพันปีสวรรค์ หวังว่าความวุ่นวายนี้คงสงบลง”
พึมพำออกมาราวกับกำลังแก้ต่างให้กับความผิดพลาดของตนเอง แล้วหนีหายไปยังโลกมนุษย์เสียดื้อๆ มิหนำซ้ำยังไม่ยอมปริปากบอกความผิดพลาดของตนให้ใครรับรู้อีกต่างหาก