Chapter 1 ผูกชะตารัก
Chapter 1 ผูกชะตารัก
งานวิวาห์ยิ่งใหญ่เลือนลั่นไปทั่วทั้งสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเมื่อ ‘มหาเทพยวี่เหอ’ จะเข้าพิธีวิวาห์กับ ‘ซ่างเซียนกั่วหลง’ นางพญาหงส์ขาวผู้งดงามและเพียบพร้อม ช่างเป็นคู่บ่าวสาวที่มีความงามราวกับสวรรค์ได้สรรค์สร้าง นับเป็นวาสนารักที่หวานซึ้งจนเหล่าเซียนน้อยๆ ต่างเล่าขานชื่นชม
ณ ลานห้วงแห่งจันทรา คลาคล่ำไปด้วยเหล่าเทพเซียนนับพันหมื่นที่ต่างเดินทางมาแสดงความยินดี อีกทั้งยังนำของขวัญล้ำค่ามามอบให้แก่คู่บ่าวสาวในวันมงคล
ร่างสูงสง่าใบหน้าเย็นชาเรียบเฉย ทว่าดวงตาของเขานั้นวาวระยับบ่งชัดว่ากำลังตื่นเต้นที่จะได้พบกับว่าที่เจ้าสาวผู้เป็นยอดดวงใจมานับหมื่นปี เขาสวมชุดสีแดงมงคลเหลือบทอง ตัดกับสีดำเข้มคร้ามราวกับความมืดมิดแห่งห้วงอนธการ เรือนผมดำคลับยาวตกกลางหลัง ดวงตามุ่งมั่นมองไปยังหนทางทอดยาวที่โรยด้วยกลีบดอกท้องดงาม
“ในที่สุดก็สมหวัง”
เซียนน้อยผู้หนึ่งกระซิบกระซาบกับเซียนสนิทร่วมสำนักอย่างอวดอ้างว่าเป็นผู้รู้ข่าววงใน
“เหตุใดเจ้าจึงใช้คำว่า ‘ในที่สุด’ ในเมื่อท่านมหาเทพยวี่เหอ กับ นางพญาหงส์กั่วหลง เป็นคู่หมั้นคู่หมายกันมากว่าหลายหมื่นปีแล้ว”
“เจ้าจะไปรู้อะไร คู่นี้เคยถอนหมั้นกันไปแล้วครั้งหนึ่งกินเวลากว่าหลายพันปี เหตุเพราะนางพญาหงส์ขาวผู้นี้ปันใจไปรักกับหนุ่มน้อยหงส์ดำซึ่งเป็นศิษย์ในสำนักของนาง”
“เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ”
“แน่สิ เห็นว่าในตอนนั้นมหาเทพยวี่เหอเสียใจมาก ถึงกับเร้นกายหายไปจากผู้คนกว่าหลายร้อยปีเลยทีเดียว”
“อ้าวแล้วเหตุใดทั้งคู่ถึงได้กลับมาครองรักกันอีก จนถึงขั้นเข้าพิธีแต่งงานในวันนี้”
“จากที่ข้าได้ยิน นางพญาหงส์ขาวผิดใจกับหงส์ดำเสินจวินผู้นั้นจนประกาศเลิกราตัดขาดไม่ขอพบหน้า จากนั้นนางจึงกลับมาขอโอกาสคบกับมหาเทพอีกครั้ง แน่นอนว่ามหาเทพผู้ยังไม่เคยหมดรักในตัวนาง ยินยอมที่จะอ้าแขนให้นางกลับเข้ามาในอ้อมกอดอย่างไม่ลังเล”
“ท่านมหาเทพช่างใจกว้างยิ่งนัก อีกทั้งยังมีหัวใจรักที่ซื่อตรงมั่นคงดั่งภูผาแข็งแกร่ง”
“ด้วยตำแหน่งมหาเทพโดยกำเนิด อีกทั้งท่านคือผู้ที่เกิดจากการที่ท่านเทพเหยียนเมิ่งเข้าสู่ห้วงนิพพานเมื่อแสนปีก่อน ครั้งนั้นเกิดแสงสว่างสีทองงดงามสว่างไสวไปทั่วอนันตจักรวาล
ด้วยบุญบารมีแห่งท่านเทพเหยียนเมิ่งละอารมณ์ทั้งเจ็ดตัดขาดกามคุณทั้งหกเข้าสู่ห้วงนิพพานนี้เอง จึงก่อให้เกิดมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ขึ้นบนพิภพเทพถึงสี่ท่าน ผู้ที่เป็นดั่งบุตรของท่านเทพเหยียนเมิ่งเทพแห่งความปรารถนาผู้นั้น
ผู้ที่ไม่มีใครได้พบเห็นตัวตนโดยง่าย อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้นับอนันต์สุดแล้วแต่ความปรารถนาของผู้พบเห็น ท่านเทพแห่งความปรารถนาที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ยุคบรรพกาล และยังจะคงอยู่ต่อไปไม่รู้จบ ดังนี้น้ำใจของมหาเทพยวี่เหอจึงกว้างขวางเสียยิ่งกว่าห้วงมหาสมุทรทั้งหมดทั้งมวล”
เมื่อทั้งสองพูดถึงท่านเทพเหยียนเมิ่งแล้วก็ต่างโค้งคำนับลงด้วยความเคารพ ด้วยรู้ดีว่าชั่วชีวิตของตนอาจไม่มีโอกาสได้พานพบท่านเทพผู้นี้ เพราะผู้ที่จะได้พบท่านนั้นต้องเป็นผู้ที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าจนสามารถปลุกท่านให้ตื่นจากการหลับใหล แม้แต่บุตรที่เกิดจากแสงนิพพานของท่านเทพปรารถนาอย่างสี่มหาเทพ ก็ยังไม่เคยได้พบท่านเลยสักครั้ง
“วันนี้เหล่าเทพเซียนล้วนมายินดี สวรรค์ทุกชั้นฟ้าต่างอำนวยพร ทุกคนต่างอยากเห็นมหาเทพยวี่เหอผู้เป็นบุตรแห่งเทพแห่งความปรารถนามีความสุขสมหวังในความรักเสียที”
“จะ...เจ้าสาวมาแล้ว”
บทสนทนาเงียบหาย เมื่อเจ้าสาวซึ่งเป็นหงส์สีขาวบินร่อนลงมาจากท้องฟ้า ประกายแดดระยับวิบวับพร่างพราวไปในอากาศ ปีกใหญ่สีขาวโบกสะบัดจนเกิดลมแรงพัดทุกสิ่งอย่างจนปลิวว่อนไปทั่ว นางหงส์สาวนับร้อยนางบินร่อนตามเจ้าสาวลงมาพร้อมกับเสกกลีบดอกเหมยโปรยปรายราวกับเกล็ดหิมะแห่งบุปผา
กั่วหลงทิ้งกายลงต่อหน้ามหาเทพผู้งดงามอย่างแช่มช้อย ปีกสีขาวผุดผ่องหุบเก็บหายเข้าไปในแผ่นหลังบอบบาง ใบหน้างดงามแย้มยิ้มก่อนจะยอบกายน้อยๆ ทำความเคารพว่าที่สามีซึ่งอาวุโสกว่า
“ข้าขอคารวะท่านมหาเทพ”
“น้องหญิง”
มหาเทพผู้มีใบหน้าหล่อเหลาคล้ายเย็นชา ยามเมื่อเอื้อนเอ่ยเรียกว่าที่เจ้าสาวว่าน้องหญิง ยังผลให้เหล่าเซียนสาวถึงกับเขินอายจนตัวบิดราวกับตนนั้นเป็นเจ้าสาวเสียเอง
“ฤกษ์ดีมาถึงแล้ว”
เทพเย่ว์เซี่ยเหล่าเหรินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยินดี แหงนมองกลีบดอกไม้มากมายโปรยปรายราวกับเกล็ดหิมะร่วงโรยด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
เทพผู้อยู่ในร่างของชายชราผู้นี้คือเทพที่มีหน้าที่ดลบันดาลความรักและผูกสัมพันธ์หนุ่มสาวให้ครองรักกันอย่างผาสุก เป็นเทพที่มีชื่อเสียงในหมู่มวลมนุษย์และได้รับการกราบไหว้ เซ่นไหว้ และร้องขออย่างเนืองแน่น เพราะไม่ว่าเทพ เซียน หรือมนุษย์ก็ต่างต้องการความรักด้วยกันทั้งนั้น
“ข้าพร้อมแล้ว”
“ข้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”
คู่บ่าวสาวเอ่ยออกมาพร้อมกัน พลางสบตากันฉ่ำหวาน ยิ่งทำให้บรรยากาศในงานวิวาห์อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรัก
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะเริ่มพิธีผูกชะตารักบัดเดี๋ยวนี้!”
เย่ว์เซี่ยเหล่าเหรินกางแขนทั้งสองข้างออกก่อเกิดเป็นพลังคลื่นสีทองทอประกายลงบนเรือนร่างของคู่บ่าวสาว เผยให้เห็นด้ายสีแดงที่ผูกไว้ที่นิ้วก้อยของมหาเทพยวี่เหอและนางพญาหงส์กั่วหลง ซึ่งมีแต่เทพเย่ว์เซี่ยเหล่าเหรินเท่านั้นที่สามารถมองเห็นด้ายแดงแห่งวาสนารักนี้
“ข้าจะจัดการผูกด้ายแดงร้อยชะตารักของท่านทั้งสอง เมื่อผูกด้ายแดงเสร็จสิ้นจึงนับว่าชีวิตรักของท่านทั้งสองได้เริ่มขึ้นแล้ว”
พูดจบก็บรรจงผูกด้ายแดงเข้าไว้ด้วยกัน ทว่าไม่ว่าจะผูกเท่าไหร่ด้ายแดงกลับหลุดออกจากกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเทพแห่งรักถึงกับแอบยกหลังมือปาดเหงื่อ
“จะเป็นไปได้อย่างไร”
เขาบ่นพึมพำพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยิ่งผูก ยิ่งหลุด รู้แน่ชัดแล้วว่าเทพทั้งสองไม่มีวาสนารักต่อกัน แต่ด้วยภาระหน้าที่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องพยายามเชื่อมด้ายแดงทั้งสองนี้เข้าไว้ด้วยกันให้ได้
เทพอาวุโสขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นด้ายสีแดงอีกเส้นโผล่ออกมาจากหน้าท้องของนางพญาหงส์ขาว
“นะ...นี่มันอะไรกัน”
เขายกมือขึ้นราวกับปาดเหงื่อ ฉงนงงงวยด้วยไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
“มีอะไรหรือท่านเทพอาวุโส”
มหาเทพยวี่เหอเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าขั้นตอนการผูกด้ายแดงเชื่อมวาสนารักล่าช้า อีกทั้งเทพเย่ว์เซี่ยเหล่าเหรินยังมีใบหน้าเครียดขรึมซึ่งขัดกับลักษณะนิสัยเฉพาะตัวที่มักร่าเริงยิ้มแย้มอยู่เป็นนิจ
“มะ...ไม่มีอะไรหรอกขอรับท่านมหาเทพ”
ด้วยความลนลานจึงคว้าด้ายแดงขึ้นมาผูกอีกครั้ง และครั้งนี้ด้ายแดงผูกได้สำเร็จ เชื่อมต่อหลอมรวมวาสนารักเข้าไว้ด้วยกันเป็นหนึ่ง แต่เมื่อก้มมองให้ดีกลับพบว่า...
ด้ายที่เชื่อมผูกกับด้ายแดงของมหาเทพนั้นไม่ใช่ด้ายแดงจากนิ้วก้อยของนางพญาหงส์ขาว แต่กลับเป็นด้ายแดงเส้นเล็กที่โผล่ออกมาจากสะดือของนาง
‘ไม่ได้การข้าต้องรีบแก้ปมด้ายที่ผูกกันไว้ออก’
เขายกมือขึ้นปาดเหงื่ออีกครั้ง กำลังมุ่งมั่นจะแกะปมด้ายที่ผสานเข้าหากันทว่า...
“หยุดก่อน!”
เสียงตะโกนกึกก้อง พลันปรากฏร่างของหงส์ดำเสินจวินรูปงามที่โผบินลงมายังกลางลานห้วงแห่งจันทรา มือหนาฉุดรั้งผู้เป็นเจ้าสาวเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของตนอย่างอุกอาจ
“เจ้าจะไปแต่งงานกับชายอื่นไม่ได้ เจ้าเป็นของข้าเสมอมาและตลอดไป”
ผู้คนต่างแตกฮือเมื่อมีชายอีกคนบุกเข้ามาในงานวิวาห์อันแสนศักดิ์สิทธิ์ เป็นเพียงหงส์ขั้นเสินจวินแต่กล้าช่วงชิงเจ้าสาวของมหาเทพยวี่เหองั้นเหรอ
นี่มันไม้ซีกงัดไม้ซุงฝังเหล็กกล้าชัดๆ