บทที่ 6 อาฆาต
เสียงร้องไห้ไม่มีในพิธีเผาศพ 2 ศพตรงบ้านเคลือบ ขลุ่ยจัดการเรื่องการทำศพแบบง่ายๆ นิมนตร์พระมาสวดแล้วทำพิธีเผาโดยมีพระคุณเจ้าซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนางามคอยแนะนำ ชาวบ้านตกลงเห็นชอบให้เผาศพในที่ดินที่เป็นบ้านของเคลือบ ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือรื้อบ้านที่ยังหลงเหลือจากถูกไฟไหม้ กองไม้รวมกันเป็นกองฟอนสำหรับเผาศพ ยกศพ 2 ศพวางบนกองฟอน ทำพิธีเผาเมื่อตะวันเคลื่อนคล้อยลงถึงยอดไม้ทางทิศตะวันตก
“อาขลุ่ยสองศพที่เราเผากันเนี่ยเป็นศพตาเคลือบกับนังสไบแน่นะ”
“ทำไมรึไอ้เหลิม ข้องใจอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอกอา ฉันถามไปอย่างนั้นเอง ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นนังสไบน่ะสิอา ไอ้เดชมันใจร้ายมากเลยนะอา”
“อย่าพูดถึงมันอีก”
ขลุ่ยโกรธเกลียดเดชอย่างที่ไม่เคยรู้สึกเกลียดได้ถึงเพียงนี้ เฉลิมเงียบเสียงทันทีเมื่อขลุ่ยเสียงเข้มขึ้น ชาวบ้านโกรธเดชมากจึงไม่อยากให้ใครเอ่ยชื่อเขาให้ได้ยิน ทองพูนเพื่อนบ้านเคลือบ หล่อนเป็นหมอตำแยในหมู่บ้านและเป็นคนทำคลอดให้สไบ รักเอ็นดูสไบเช่นลูกสาวของหล่อน ความโกรธแค้นในตัวเดชจึงมีมากกว่าคนอื่นๆ หล่อนจุดธูปดอกเดียว พูดกับศพบนกองฟอน
“นังสไบเอ๊ย ถ้าเอ็งได้ยินเสียงข้า ไปลากคอไอ้เดชผัวเอ็งกลับมา พวกข้าจะกระทืบมันให้ตายตามเอ็งไปเลย มันสารเลวจนพวกข้าให้อภัยไม่ได้ เอ็งได้ยินข้าไหมนังสไบ ไปตามมันกลับมานะ ตามลูกเอ็งกลับมาด้วย ข้าจะเลี้ยงมันเอง”
หล่อนปักธูปลงกับพื้นดิน ฉับพลันทันใด สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้น
ทันทีที่ทองพูนปักธูปลงบนพื้นดิน ฟ้าแลบแปล๊บตามด้วยเสียงเปรี้ยงดังจนทุกคนยกมือปิดหูและนาทีที่ทุกคนหันหน้าหลบสายฟ้า เสียงไม้ไผ่พาดบนกองฟอนเผาศพแตกดังสนั่น
“ปึ้งงงง...”
วินาทีนั้น ศพหนึ่งกระเด็นออกจากกองฟอนกลิ้งหลุนๆ ไปหยุดตรงร่องมันเทศซึ่งมีน้ำขังเจิ่งจากน้ำฝนเมื่อคืน ควันกรุ่นลอยออกตามซากของศพ ทุกสายตาจับนิ่งที่ซากศพนั้น
“คุณพระช่วย!”
เสียงพึมดังเกือบพร้อมกันของชาวบ้านที่นั่งบ้าง ยืนบ้าง อยู่รอบๆ กองฟอน คอยเติมฟืนใส่ในกองฟอนเพื่อเผาไหม้ศพให้เหลือเพียงเศษเถ้ากระดูก หลวงตาเช้ากับพระลูกวัดอีก 3 รูปมองศพแช่อยู่ในน้ำเงียบๆ ทุกคนสรรพสิ่งตกอยู่ในความเงียบงัน เปลวไฟกำลังลุกดูเหมือนจะเงียบไปกับทุกร่างซึ่งนิ่งงันไปชั่วขณะหนึ่ง
ครู่ต่อมา หลวงตาเช้าจึงลุกขึ้นยืน ก้าวด้วยท่าทางสงบไปยังร่องมันเทศ ไม่มีใครเดินตามท่านสักคน ฟ้าร้องครืน ท่านเงยหน้ามองท้องฟ้า เมฆก้อนหนากำลังก่อตัวเป็นมีเทาเข้ม อีกไม่นาน เม็ดฝนต้องโปรยลงมาก่อนพิธีเผาศพจะเสร็จสิ้น หลวงตาถอนหายใจพลางเอ่ยว่า
“ให้เผาศพเสร็จก่อนเถิดจึงโปรยเม็ดลงมา เอ็งไม่อยากถูกเผารึนังสไบจึงหนีมาหาน้ำแต่ยังไงพวกข้าต้องส่งเอ็งนะสไบ ความอาฆาตแค้นไม่ว่ากับใครก็ตาม ยุติลงแล้วไปตามทางของเอ็งเถอะ อย่าจองเวรใคร อย่าก่อกรรมกับใคร ให้เวรกรรมลงโทษคนที่ทำกับเอ็ง ทำกับพ่อเอ็งเถอะนะนังสไบ เชื่อข้าเถอะ ไปเกิดใหม่ ในที่ใหม่ให้ดีกว่าเก่า ให้สุขสบายกว่าที่เกิดมาแล้วเถอะนะ”
“ครืนนนนน...”
เสียงฟ้าคำรามราวโกรธแค้น คำพูดของหลวงตาเช้าไม่เป็นผลกับดวงวิญญาณของสไบ หลวงตาเช้ารู้ดีว่าสไบไม่รับฟัง ไม่เชื่อที่ท่านชี้นำทางให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายแห่งวัฏจักรของชีวิต สไบตอบโต้หลวงตาด้วยเสียงร้องของท้องฟ้า
“นังสไบ เชื่อข้าเถอะ”
“ครืนนนนนน...เปรี๊ยะ...”
“หลวงตาขอรับ ป่วยการขอรับ ต่อไปนี้คนที่ทำกับนังสไบอยู่ไม่สงบสุขแน่ขอรับ จะให้ยกมันไปเผาต่อไหมขอรับ”
สัปเหร่อโกรกน้ำเสียงเบา เขาเดินตามหลวงตาเช้าเมื่อตั้งสติได้ ยอมรับว่าตกใจมากถึงกับตะลึงกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันไม่คาดคิดว่าจะเกิดกลางวันแสกๆ ท่ามกลางพระผู้เก่งกาจเรื่องเวทย์มนตร์อย่างหลวงตาเช้าเจ้าอาวาสวัดชื่อดังแห่งวัดนางามและผู้คนเกือบทั้งหมู่บ้านอย่างนี้
พระลูกวัดเดินตามสัปเหร่อโกรกมายืนข้างหลวงตาเช้าอีกด้านหนึ่ง รอหลวงตาสั่งออกมาไม่ว่าจะสั่งให้ทำอะไร ท่านพร้อมจะทำตามทุกคำสั่ง ขลุ่ยกับชาวบ้านอีกหลายคนเดินมายืนล้อมรอบซากศพดำเป็นถ่านในร่องน้ำ คนที่คอยเติมฟืนใส่กองฟอนทำหน้าที่ต่อ ไม่มีเสียงใดๆ นอกจากเสียงปะทุของท่อนไม้และเสียงลำไผ่แตกเป็นระยะ
หญิงวัยเข้าสู่ชราภาพ นั่งโขลกหมากครกเล็กทำจากแก่นไม้ บางคนตำในตะบันทองเหลืองซึ่งเฉพาะคนมีสตางค์หาซื้อมาใช้สอยได้ สำหรับผู้มีสตางค์น้อยใช้แก่นไม้เจาะเป็นเบ้าสำหรับใส่หมาก พลู ตำละเอียดเพื่อเคี้ยวง่ายขึ้นส่วนคนมีฟันเต็มปากไม่ต้องใช้เครื่องมือช่วยบดหมากพลู ใช้ฟันขบเขี้ยวได้อย่างชำนาญ เสียงพูดคุยแทบไม่ได้ยิน มีเสียงงึมงำเบาๆ เท่านั้น ทุกคนรวมใจภาวนาให้เมฆฝนตั้งเค้าทะมึนลอยผ่านหมู่บ้านไปเพื่อให้ศพกำลังเผา ไหม้หมดเสียก่อนค่อยย้อนกลับมาตกถึงจะเป็นฤดูฝนก็ตาม หากพวกเขาขอได้ พวกเขาขอให้ฝนตกเลยตรงจุดเผาศพ อย่าให้มีอุปสรรคใดๆ ขัดขวางการร่วมบุญครั้งนี้เลย
“หลวงตาขอรับ จะทำอย่างไรต่อหรือขอรับ”
พระไชยา พระหลานชายหลวงตาเช้า บวชเรียนตั้งแต่เด็ก เป็นสามเณร 8 พรรษาจึงอายุครบบวชเป็นพระ เพิ่งเป็นพระได้พรรษาเดียวแต่เรียนรู้ธรรมะเก่งกว่าพระใหม่บางรูป หลวงตาเช้าเล็งเห็นการสืบทอดเวทย์มนตร์จากท่านซึ่งเป็นเวทย์มนตร์ช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก ช่วยบรรเทาความทุกข์ใจให้ชาวบ้าน ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บเป็นบางโรค ไม่ใช่เรียนไว้เพื่อทำลายชีวิตคนดีๆ แม้คนชั่วก็ห้ามทำลายนอกจากช่วยดึงให้ขึ้นจากความชั่วร้ายหรือขุมนรกที่กระทำอยู่เท่านั้น
“สวดส่งวิญญาณนังสไบ ช่วยกันนะ ไอ้โกรก ไอ้ขลุ่ย ช่วยกันยกศพไปเผาต่อ”