บทที่ 2 ลางจากลา
“พ่อ ทำไมพ่อพูดอย่างนี้จ๊ะ พ่อต้องหายสิจ๊ะ ยาอาขลุ่ยดีมาก ใครกินก็หาย ใช่ไหมจ๊ะอาขลุ่ย”
สไบได้ยินทุกคำพูดของเคลือบ หล่อนวางโด่งลงบนผ้าปูข้างแดงซึ่งกินนมหลับไปก่อนโด่ง หล่อนใจหาย พ่อพูดอย่างนั้นออกมาเหมือนเป็นลางสั่งเสีย แม่จากไปคนหนึ่งแล้ว พ่อจะจากไปอีกอย่างนั้นหรือ หล่อนไม่ยอมให้พ่อไปจากหล่อน อยากให้อยู่เลี้ยงหลานจนโตไปด้วยกัน
“ใช่ พี่เคลือบกินยาไปเรื่อยๆ ประเดี๋ยวก็ดีขึ้น อย่าพูดอะไรเลยนะ”
ขลุ่ยปลอบใจตัวเองด้วยการเออออไปกับคำของสไบ หากความจริงทำให้สไบเสียใจ เขาจำใจฝืนหลบเลี่ยงสักครั้งถือเป็นการปลอบใจเคลือบไปพร้อมๆ กัน
เคลือบน้ำตาไหล ความเข้มแข็งหลุดลอยไป ความอ่อนแอเข้ามาแทนที่ ขลุ่ยปลอบใจเขาเพื่อสไบกับเดช เขายอมแพ้ได้อย่างไร มือยกแทบไม่ไหวพยายามยกป้ายน้ำตาทิ้งจากหางตา ความง่วงคืบคลานเข้ามา เสียงเดินของขลุ่ยดังห่างออกไป ลงบันไดและเงียบเสียงไปในที่สุด
เดชก่อไฟด้วยท่อนฟืนที่เขาตัดไม้เล็กๆ จากหลังบ้านตากแห้งกักตุนไว้ใช้หน้าฝนซึ่งเวียนมาถึงแล้ว เขาใส่ท่อนฟืนไฟลุกผสมควันคลุ้งอวลอยู่ในครัวครู่เดียว กลุ่มควันไฟลอยสูงเหนือหลังคาบ้าน
สไบเก็บผักตำลึงริมรั้วเตรียมเลียงใส่ปลาย่างตากแห้งตำป่น เคลือบชอบซดน้ำเลียงกับข้าวสวยร้อนๆ ปลาเค็มย่างทุบให้นิ่มสำหรับคนสูงวัยเคี้ยวของแข็งๆ ไม่ได้ หล่อนตั้งใจทำกับข้าวเพื่อให้พ่อกินข้าวได้มากๆ ตามที่ขลุ่ยบอกหล่อนไว้ เดชมองภรรยาแล้วเอ่ยว่า
“พ่อแกไม่หิวข้าว ข้าวต้มนี่ก็จะกินได้กี่คำ”
“เราต้องช่วยกันพูดนะพี่ พ่อจะได้มีแรง”
เดชพยักหน้าเท่านั้น จากสีหน้าและแววตาของขลุ่ยเวลามองเคลือบ เหมือนสงสาร เหมือนปลงตกอะไรสักอย่าง เดชเชื่อว่าขลุ่ยรู้ถึงอาการปวดท้องของเคลือบแต่ขลุ่ยไม่กล้าบอกเขากับสไบ เคลือบต้องเป็นโรคที่ไม่มียาตัวไหนรักษาให้หายขาดได้และการปวดท้องรุนแรงของเคลือบครั้งนี้ ขลุ่ยไม่อาจช่วยได้
เคลือบฝืนกลืนข้าวต้มได้ 3 คำเท่านั้น เลียงตำลึงที่เคยชอบกลับไม่รู้สึกหิวแม้แต่น้อย ปลาเค็มย่างเคยกินอย่างเอร็ดอร่อยกลับไม่อยากแตะไม่อยากเห็น เดชไม่บังคับพ่อตา เขาประคองเคลือบลงนอนบนเสื่อ ยาผงที่ขลุ่ยให้ไว้ เขาละลายกับน้ำส่งให้เคลือบดื่มจนหมดชาม เดชมองเคลือบอย่างใช้ความคิด เคลือบปวดท้องมานานแค่ไหน ทำไมสไบไม่เล่าให้เขาฟังบ้างและเมื่อสองปีก่อนที่เขาจะมาสู่ขอสไบแต่งงาน เคลือบสุขภาพดี ไปทำไร่ทำนาทุกวัน เขาแปลกใจ เคลือบป่วยมานานแค่ไหนแล้ว อาการจึงทรุดหนักภายในสองสามวันอย่างนี้
“อาขลุ่ย พ่อเป็นโรคอะไรหรือจึงปวดท้องมากขนาดนี้”
เดชถามเมื่อลงมาส่งขลุ่ยหน้าบ้าน ผู้อาวุโสมองหน้าเด็กหนุ่มรุ่นลูกอย่างช่างใจ หากเขาโกหกเดชว่าไม่รู้ก็คงไม่สบายใจและรู้สึกผิด ถ้าพูดความจริงกลัวเดชจะนำไปบอกสไบ เกรงว่าสไบจะไม่ยอมรับความเป็นความตายของพ่อหล่อน เขาควรจะพูดอย่างไรดี
“อาพูดมาเถอะจ้ะ ฉันไม่บอกสไบดอก สไบรักพ่อมากฉันรู้จ้ะ ถ้าหากว่า...”
“เออ ข้าเชื่อใจเอ็ง แค่เอ็งมองตาข้าเอ็งก็รู้ว่าข้าหนักใจมากเพียงใด เอาเถอะข้าจะบอกเอ็ง พี่เคลือบเป็นฝีในท้อง ฝีน่าจะแตกในท้องแล้ว ยาอะไรก็ช่วยไม่ได้แล้ว ที่ข้าให้ไว้กินแค่ทุเราปวดแค่นั้นเอง ข้าช่วยได้แค่นี้ละ”
“พ่อจะปวดอย่างนี้อีกนานไหมจ๊ะอา”
“ข้าก็ไม่รู้ แล้วแต่เวรแต่กรรม ข้าพูดได้แค่นี้แหละ เอ็งไปคอยดูก็แล้วกัน ข้ากลับบ้านก่อน จะไปดูตัวยาอีกสักหน่อย เอามาช่วยๆ กัน เอ็งไปบอกญาติเอ็งไว้บ้างก็ดีนะ เขาจะได้มาเยี่ยมพี่เคลือบบ้าง ข้าไปนะ”
“จ้ะอา”
เดชยังคงยืนมองขลุ่ยเดินจากไปอยู่หน้าบ้าน สีหน้าและน้ำเสียงของขลุ่ยไม่สบายใจขณะพูดถึงอาการเจ็บป่วยของเคลือบ ขลุ่ยบอกเขาตามความจริง เขาจะบอกความจริงเรื่องนี้กับสไบไม่ได้ ให้หล่อนรับรู้ด้วยตัวหล่อนเองซึ่งอีกไม่กี่วัน หล่อนจะรู้
เมฆตั้งเค้าทะมึนครึ้ม ฟ้าเริ่มครางครืนไกลๆ เดชเก็บเสื้อผ้าของตัวเองกับภรรยาซึ่งตากไว้ราวไม้ไผ่หลังบ้าน สไบเพิ่งคลอดลูกและเพิ่งออกจากกระดานไฟ เมื่อวันก่อน เขาไม่ให้หล่อนยกของหนักหรือทำงานบ้าน เขาทำแทนหล่อนหมดทุกอย่าง หล่อนต้องพักฟื้นร่างกายหรืออย่างที่ชาวบ้านเรียกกันว่า มดลูกเข้าอู่ เขาทำเพื่อภรรยา เพื่อลูกน้อยทั้งสองของเขาด้วยความเต็มใจและด้วยความรักที่มอบให้หล่อนกับลูกหมดหัวใจ
ทางใดที่ทำให้สไบไม่สบายใจ เขาจะเลี่ยงทันทีและสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้เป็นการเลี่ยงโดยที่เขาไม่อยากเลี่ยง อยากให้หล่อนรับรู้เพื่อเตรียมใจยอมรับการจากไปของพ่อที่หล่อนรัก
เคลือบครางเสียงเบาลงและเงียบไป ยาสมุนไพรช่วยบรรเทาอาการปวดได้ชั่วครู่ ชั่วขณะเวลาหนึ่งเท่านั้น ฤทธิ์ยาจางเมื่อไร ความเจ็บปวดเข้ามาคุกคามคนป่วยเช่นเดิม
สไบใช้ผ้าผืนเล็กชุบน้ำเช็ดหน้า เช็ดตัวให้พ่อกระทั่งพ่อหลับไปจึงเข้าไปดูเด็กทารก แดงลืมตายิ้มกับใครสักคน โด่งหลับตาพริ้มยิ้มเช่นเดียวกับพี่สาว หล่อนถอยออกมา แดงยิ้มกับแม่ซื้อ เล่นกับแม่ซื้อ เด็กทารกมักมีแม่ซื้อคอยดูแลตั้งแต่คลอดจากท้องแม่ซึ่งนี่เป็นความเชื่อของคนโบราณ สไบเห็นลูกไม่ร้องหิวนมจึงเดินไปพับผ้าที่สามีเก็บมาวางไว้ทางปลายเท้าเคลือบ หล่อนมองพ่อสลับกับก้มหน้าพับผ้า
ฟ้าร้องครางใกล้เข้ามาและพริบตานั้น สายฟ้าแลบลั่นเปรี้ยะ เสียงฟ้าปั้งเปรี้ยงราวกับโกรธแค้นใครสักคน บ้านสะเทือนเพราะเสียงฟ้า ทารกน้อยแผดเสียงแข่งกัน สไบผวาเข้าไปหาลูก โอบกอดไว้ทั้งสองแขนพร้อมคำปลอบโยน